บทที่ 3-1
“เฮ้ย! หน้าแดงถึงหูแล้ว”
กัณหาแซวด้วยใจและปากที่คะนอง ความไม่พอใจแล่นขึ้นเป็นริ้วๆ บนใบหน้า เขาเกลียดเธอ ยัยเด็กตัวดำแก่แดด
“หัวหน้าห้องหน้าแดงอายแหละ เร็ว! ทุกคนมาดู”
เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะแพ้ใคร โดยเฉพาะคนที่ดูด้อยและแย่อย่างกัณหา สมองคิดว่าต้องหยุดเธอ ควรต้องทำอะไรสักอย่างให้ยัยตัวแสบกลัว
“หยุดล้อฉันเดียวนี้!”
กุมุทจับแขนกระชากเธอเข้าใกล้ กัณหาตัวเบากว่าที่เห็น แค่ออกแรงนิดเดียวก็มาแนบชิด
“ฉันจะล้อ ใครจะทำไม”
เธอกลับยียวน แลบปลายลิ้นที่มีหมากฝรั่งม้วนเป็นก้อนกลม พลิ้วอ่อนไปมายั่วล้อ กลิ่นแอปเปิลหวานหอม อวลขึ้นใต้จมูก
กุมุทรู้สึกเหมือนมึนเมา โน้มศีรษะลงใกล้ คนอวดดีที่คิดแกล้ง เริ่มเปลี่ยนเป็นตระหนก ปากสั่น
“นะ...นายจะทำอะไร”
กุมุทรู้สึกพึงใจอย่างประหลาดกับท่าทีหวาดกลัวนั้น อยากเห็นให้ชัดๆ ดูความพ่ายแพ้ของเธอให้เต็มตา ใบหน้าเคลื่อนเข้าหาเรื่อยๆ เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้ชิดเพศตรงข้ามขนาดนี้
กัณหาเผลอยื่นเผยอปาก กุมุทไม่รู้ว่าเธอทำไปเพื่ออะไร แต่เขาก็ยื่นปากประกบ
รสจูบแรกปะปนระหว่างความหวานชื่นของหมากฝรั่งและเร่าร้อนลมหายใจ ลิ้นเขาสอดแทรกไล่ตามลิ้นเธอซึ่งหลบเลี่ยง กลายเป็นพัลวัน หยอกเย้ากัน
กัณหาตาโตตกใจ ไม่คิดว่าคนที่ตนล้อจะจู่โจมแบบนี้ มือยกขึ้นขยุ้มอกเสื้อเขาจนตึง พลางดิ้นขลุกขลักให้พ้นอ้อมกอด
กุมุทรู้สึกถึงแรงบดเบียด อกนุ่มปะทะความแข็งแกร่ง ก้อนไขมันที่เขาเคยปรามาส นิ่มหยุ่น ทำให้รู้สึกดีจนต้องใช้สองแขนโอบเอวเธอแนบใกล้เข้ามาอีก
หน้าเขาไม่แดงแล้ว แต่เป็นเธอที่แดงแทน หมากฝรั่งเปลี่ยนมาอยู่ในปากอีกฝ่าย เขาคายมัน เอาเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงอย่างผิดวิสัยคนรักสะอาด
ใจหนุ่มตื่นเต้นและแปลกใหม่ เฝ้าวนเวียนจูบเคล้าคลึง ไล่ตั้งแต่หน้าผาก เปลือกตา จมูก และอ้อยอิ่งเลาะเล็มบนริมฝีปาก
เพื่อนทอมพูดไม่จริงเลย เรื่องเธอตัวดำสกปรก ผิวกัณหาหอมสดชื่น นิ่มเนียนละไมมือ มีกลิ่นแป้งเด็กเจืออ่อนๆ
“ปล่อยฉันเถอะ ...อย่าเลย” เธอห้ามเสียงเบาหวิว
“ฉันไม่ได้อ่อนนะ”
แววตาผ่านแว่นออกมาแปลกกว่าที่เคย ไม่ใช่กุมุทคนเดิมที่ตำหนิหรือมองเธอด้วยเหนื่อยหน่าย มันเป็นประกายเจืออ่อนเชื่อม
“รู้แล้ว”
กัณหาเอียงหลบสายตา ผิดวิสัยคนกล้าอย่างเธอ ...ในใจหวาม
“ปล่อยซะที”
เหตุการณ์น่าจะจบแค่นั้น แต่ความเร่าร้อนในเลือดหนุ่มบอกว่าไม่ควร กุมุทเคลื่อนใบหน้าลงต่ำ จมูกดุนดันซอกคอ เลยไปจนถึงร่องอกชิด
เธอไม่ได้ผอมเกร็งเหมือนที่เห็น ส่วนที่ควรมีเธอก็อวบ ส่วนเว้าโค้งเธอก็คอด กุมุทป่ายมือสเปะสะปะปลดเปลื้องเสื้อผ้ากัณหา
“อย่า ที่นี่ห้องสมุดนะ”
เธอค้านไม่เต็มเสียง เนื้อตัวรุมๆ ราวจะเป็นไข้ สัมผัสจากเขาเพียงนิดก็สร้างความรู้สึกประหลาดจนขนลุกชูชัน
“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า”
กุมุทตอบเหมือนไม่ใช่เขาคนเดิม แต่เป็นใครคนหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยเลือดเนื้อ อกร้อน ใจจะระเบิด ส่วนล่างเต้นตุบๆ ดังมีหัวใจดวงที่สอง
กัณหาใจไหววูบ เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสชิดใกล้ผู้ชายถึงเพียงนี้ เขาดูเหมือนผอม แต่แรงเยอะกว่าที่เห็น
กุมุทดันร่างเธอไปจนชิดโต๊ะริมหน้าต่างซึ่งปิดม่านหนาทึบ รุกเข้าใกล้จนกลายเป็นก้นเธอพิงหมิ่นเหม่กับขอบโต๊ะ ใต้เข็มขัด ผ่านกระโปรงผ้าเนื้อหนา รู้สึกถึงบางอย่างแข็งลุกโชน
แรงกระตุ้นของวัยสาวผลักดันให้เธออยากรู้ลอง ในสิ่งแปลกใหม่บนความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง มือใหญ่นิ่มแทรกแตะต้องอกสล้าง
ความร้อนที่ทำเธอสะดุ้งเฮือก แต่ก็ค้านอะไรไม่ได้นัก เมื่อริมฝีปากตกอยู่ในความครอบครองของเขา
เด็กหนุ่มอ่อนวัยไม่รู้กระทั่งวิธีจูบ ...รู้แต่ความกระหายโหย ดูดดื่ม ดมดอม ดังเธอคือดอกไม้หวานหอมอันโอชะ กัณหาผู้ถูกชิงลมหายใจ จนเกือบเป็นลมต้องขยุ้มอกเสื้อเขา
ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยสัญชาตญาณระหว่างเพศ ยามชั้นในตัวน้อยเคลื่อนจากตึงลงมาสู่ต้นขาด้วยมือเขา เข็มขัดกระชาก ซิปรูดเร็วเท่าใดก็ดูเหมือนจะไม่ทันใจที่เต้นเร่าเหลือเกินในอก
กัณหาครางเสียงอู้อี้เมื่อกุมุทกระชับเอวเธอเข้าใกล้ ความร้อนแข็งแกร่งชำแรกเข้ามาอย่างรวดเร็วจนเธอต้องกัดริมฝีปาก มือเปลี่ยนยกสูงข่วนไหล่หนา
“เอาออกไป”
“ไม่ได้”
แรงบีบรัดนำมาซึ่งอารมณ์แปลก ...อย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต
“มันอึดอัด”
กุมุทปิดกั้นเสียงประท้วงด้วยริมฝีปาก สมองว่างเปล่า ราวความคิดทั้งหมดทั้งมวลเคลื่อนมาอยู่ตรงกลางกาย สะโพกเด็กหนุ่มค่อยๆ โถมเข้า ส่วนสัมผัสกันรับรู้ถึงความฉ่ำชื่นและและแน่นหนึบ
ใจเต้นระทึกผสานจังหวะไหว กัณหาอึดอัดดังใจจะขาด ความร้อนจากผิวเนื้อและสิ่งล่วงล้ำ ก่อให้เกิดความรู้สึกประหลาดแล่นสู่อก
มือกระชับเอวบางเปลี่ยนกอดประคองหลัง กุมุทผู้เย็นชากำลังกอดเธอ กัณหาโตมาอย่างร้างความรัก แม่เคยกอดเธอครั้งสุดท้ายเมื่อยังเด็กมาก
กระทั่งเธอลืมความอบอุ่น ลืมความปลื้มปิติยามเป็นที่ต้องการของใครสักคนไปแล้ว
กุมุทถอนริมฝีปากออก หลับตา เชิดหน้าขึ้นสูง กลายเป็นเธอซบซอกกับเขา ฟังเสียงเต้นระทึกในอกที่ดังพอๆ กับเธอ
“นิล!”
และเมื่อการกระทั้นครั้งสุดท้ายมาถึง เขาครางเรียกชื่อเล่นกัณหา กัดฟันกรอด ส่งเรี่ยวแรงครั้งสุดท้ายสู่เธอ
กุมุทหายใจหนักๆ หมดกำลังทิ้งคางลงบนไหล่มน กล้ามเนื้ออกแกร่งเต้นตุบๆ เสียดสีกับปทุมถันเปลือยเปล่าของเธอ
ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าดังใกล้
“มีคนมา!”
เธอเตือนเสียงแหบแห้ง กุมุทรีบถอนกายออก หันหน้าเข้าชั้นหนังสือ
“แต่งตัวเร็วเข้า”
เขากระซิบพอได้ยินกันสองคน กัณหามือสั่นสมองหมุน ตื่นตกใจกับสถานการณ์จนทำอะไรไม่ถูก
“ซบหน้าลงบนโต๊ะ!”
กุมุทสั่งเมื่อมองผ่านหนังสือบนชั้นแล้วเห็นอาจารย์บรรณารักษ์ใกล้เข้ามา
“อ้าวๆ นี่ห้องสมุดนะ ไม่ใช่ห้องนอน”
อาจารย์ปรายตาตำหนิคนซบแก้มแกล้งหลับบนโต๊ะ
“ผมติวหนังสือให้เขาหนักไปหน่อยนะครับ เลยให้พักบ้าง ไม่งั้นหัวระเบิด”
กุมุทผินหน้ายิ้มเจื่อนๆ ให้จากชั้น เขาทำทีเป็นหยิบหนังสือ แต่ความจริงซ่อนความไม่เรียบร้อยของกางเกง และส่วนล่างที่ยังเต้นตุบ
“ให้แค่พักนะ ไม่ใช่มาแอบนอน”
อาจารย์มองเด็กหนุ่มสาวอย่างคาดโทษก่อน ก่อนเดินไปสำรวจผู้มาใช้บริการโต๊ะอื่นๆ ทั้งเขาและเธอถอนหายใจกันยาว จากนั้นจึงจัดการความเรียบร้อยตัวเอง
กัณหาก้มหน้ามองโต๊ะซึ่งมีหนังสือชีววิทยาวางอยู่ กุมุทมองหนังสือสาราณุกรมบริทานิกา ต่างคนต่างเงียบ กลับมาเป็นตัวของตัวเอง หมดปรารถนาเสน่หาด้วยแรงอารมณ์
“เอ่อ...”
เขากลายเป็นติดอ่าง ด้วยไม่รู้จะพูดอะไรดี ขณะกัณหากลั้นใจฟังด้วยใจระทึก
“ไปกินข้าวกันไหม ใกล้เที่ยงแล้ว”
ด้วยวัยเยาว์อ่อนประสบการณ์จนเขาไม่รู้ว่าต้องทำตัวกับคู่ของตนอย่างไรหลังมีเซ็กส์ ได้แต่ชวนเท่าที่สมองนึกได้
“ฉันเลี้ยงเอง”
กุมุทจำอาหารมื้อนั้นที่ตัวเองทานไม่ได้ แต่จำอาหารกัณหาได้ เธอสั่งข้าวราดยำวุ้นเส้นกับหมูทอด และยังสนใจน้ำแข็งไส จนเขาสั่งให้อีกถ้วย
กัณหาจัดการน้ำแข็งไสจนแดงไปทั้งปากและลิ้น เป็นมื้ออาหารที่เงียบงัน ต่างคนต่างลอบสังเกตท่าทีอีกฝ่าย กระทั่งบ่ายคล้อยเขาพาเธอกลับห้องสมุด ยืมหนังสือและสั่งให้กลับไปอ่าน
