3. พระราชวังคอลซาเดส
ภายในพระราชวัง คอลซาเดส ของชีคซาบาห์ อัลอาห์เหม็ด ซาฟาห์ กษัตริย์แห่งเมืองหลวงมัสกัสตาร์ ได้มีรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ วิ่งเข้ามาจอดหน้าตึกโดมหลังใหญ่โตอลังการ ทันทีที่รถจอดเทียบหน้าตึกนายทหารมหาดเล็กประจำหน้าประตูก็วิ่งเข้าไปเปิดประตูรถด้านหลังให้กับผู้ที่นั่งอยู่ในรถทันทีอย่างรู้หน้าที่
เจ้าหญิงนูรีน ก้าวพระบาทฉับ ๆ เข้าไปในตัวตึกทันทีด้วยท่าทางเร่งรีบ บรรดานางสนมกำนัลที่เห็นเจ้าหญิงเสด็จผ่านมาก็รีบก้มศีรษะแสดงความนอบน้อมโดยพร้อมเพรียง ทุกคนทราบดีว่าเจ้าหญิงนูริน เป็นพระภาคิไนย หรือหลานสาวคนโปรดของพระเหสีมัสซูเมต์
เจ้าหญิงนูรีนเสด็จมาจากรัฐดิมัชก์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามรัฐของประเทศซีนาเบีย ที่มีชีคดูบาห์ อัลอาห์เหม็ด ซาฟาห์ พระอนุชาต่างมารดาของชีคซาบาห์ ทรงเป็นเจ้าผู้ครองรัฐดิมัชก์ และชีคดูบาห์ก็คือพระบิดาของเจ้าหญิงนูรีนนั่นเอง ส่วนพระมารดาคือพระมเหสีอามีนะห์ก็ทรงเป็น พระขนิษฐาของพระมเหสีมัสซูเมห์ เจ้าหญิงนูรีนจึงมีศักดิ์เป็นทั้งพระภาคิไนยของกษัตริย์แห่งมัสกัสตาร์คือชีคซาบาร์ อัลอาห์เหม็ด ซาฟาห์ ด้วยเช่นกัน
ขณะที่เจ้าหญิงทรงดำเนินด้วยความรีบร้อน ทำให้ไปชนกับอัมมาน ทหารองครักษ์ของเจ้าชายอัสเซนเข้าให้อย่างเต็มที่ จนเจ้าหญิงเซไปข้างหลังเกือบจะล้มลงไป ดีแต่ว่าอัมมานรีบฉุดข้อพระกรของเจ้าหญิงขึ้นมาได้ทัน
“นี่!นายเดินยังไงถึงได้ซุ่มซ่ามแบบนี้”
เจ้าหญิงทรงสะบัดพระกรออก ด้วยท่าทีรังเกียจพร้อมโวยวาย โทษเป็นความผิดขององครักษ์หนุ่ม
“โอ๊ะ..ขออภัยเจ้าหญิงอย่างสูง แต่เจ้าหญิงเป็นฝ่ายเดินมาชนกระหม่อมเอง”
อัมมานบอกอย่างไม่เกรงว่าเจ้าหญิงจะกริ้วเอา
“กล้าดียังไงถึงมากล่าวหาฉันแบบนี้!”
เจ้าหญิงจ้องหน้าอัมมานด้วยความไม่พอพระทัย ปกติเจ้าหญิงก็ไม่ค่อยจะชอบหน้าอัมมานอยู่แล้ว เนื่องจากนายคนนี้ชอบกีดกันขัดขวางเจ้าหญิงไม่ให้ได้พบเจ้าชายอัสเซน นั่นเอง
“กระหม่อมพูดความจริงพ่ะย่ะค่ะ”
อัมมานพูดโดยกวาดตามองไปที่อื่นที่ไม่ใช่พระพักตร์สวยคมของเจ้าหญิง
“นายคิดว่าตัวเองเป็นคนโปรดของเจ้าชายใช่ไหมถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับฉัน”
เจ้าหญิงทรงต่อว่าด้วยพระพักตร์บึ้งตึง
“เปล่าเลยพ่ะย่ะค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วกระหม่อมขอตัว”
อัมมานก้มศีรษะยิ้ม ๆ ก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“องครักษ์อวดดีอย่างนาย สักวัน ฉันจะสั่งให้ท่านป้าปลดออกจากตำแหน่ง”
เจ้าหญิงทรงตะโกนไล่หลังด้วยความเจ็บพระทัย ก่อนจะสาวพระบาทไปเข้าเฝ้าพระมเหสีมัสซูเมต์ที่ห้องส่วนพระองค์
“ท่านป้าเพคะ..เมื่อไหร่ท่านป้าจะสั่งให้ปลดเจ้าอัมมานไปทำหน้าที่อื่นเสียที หลานคิดว่าตำแหน่งที่เหมาะสมของเขา น่าจะเป็นคนเลี้ยงอูฐที่ฟาร์มนอกเมืองนะเพคะ”
หลังจากถวายความเคารพพระมเหสีมัสซูเมห์แล้ว เจ้าหญิงก็รีบทูลด้วยความไม่พอพระทัย
“เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะนูรีน”
พระมเหสี ตรัสถามด้วยสีพระพักตร์เรียบเฉยราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ
“ก็..นายนั่นน่ะสิเพคะ เดินชนหลานแล้วยังมีหน้ามาโทษว่าเป็นความผิดของหลานอีก เขากล้าต่อปากต่อคำหลาน ไม่ได้เกรงกลัวสักนิดว่าหลานเป็นใคร”
เจ้าหญิงรีบทูลฟ้องทันที
“อัมมานคงไม่ได้ตั้งใจหรอก ยังไงหลานก็อย่าไปสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่เลยนะจ๊ะ”
พระมเหสีทรงยิ้มอ่อนโยน ตรัสปลอบพระทัย
“ท่านป้า!..เข้าข้างองครักษ์อวดดีนั่นอีกแล้ว หลานไม่เข้าใจเลย ทำไมทั้งท่านป้า ทั้งเจ้าชาย ถึงได้โอ๋นายนั่นกันนัก มันทำเสน่ห์เล่ห์กลอันใดให้ท่านป้าโปรดมันนักหนานะ”
เจ้าหญิงตรัสด้วยความขัดเคืองพระทัย
“นูรีน..ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยล่ะ อัมมานก็แค่องครักษ์เท่านั้น หลานจะไปใส่ใจเขาทำไมกัน ป้าก็แค่ให้ความเอ็นดูเขาในฐานะที่เขาดูแลลูกชายให้ป้าก็เท่านั้นเอง ว่าแต่เราเถอะจะมาทำไมถึงไม่โทรมาบอกก่อนจ๊ะ แล้วแม่ของเรารู้หรือเปล่าว่ามาหาป้าที่นี่”
พระมเหสี ตรัสถามถึงพระมเหสีอามีนะห์ ผู้เป็นพระขนิษฐาของพระองค์ และเป็นพระมารดาของเจ้าหญิงนูรีน เพื่อเป็นการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาที่จะทำให้เจ้าหญิงไม่พอพระทัย
“ท่านแม่ทราบดีเพคะว่าหลานมาที่นี่..ท่านแม่ให้นักบินเอาเครื่องบินส่วนตัวมาส่งหลาน”
“ดีแล้ว ป้านึกว่าหลานแอบมา โดยไม่บอกพ่อแม่เสียอีก แล้วจะพักกับป้ากี่วันล่ะจ๊ะ”
“จนกว่าจะได้พบหน้าเจ้าชายอัสเซนเพคะ”
“อัสเซนไม่อยู่หรอกจ๊ะนูรีน”
“ไม่อยู่!ไปไหนเพคะ”
เจ้าหญิงนูรีน หวังว่าเจ้าชายคงไม่คิดจะหลบเจ้าหญิงหรอกนะ
“เขาพาเพื่อนที่มาจากเมืองไทยไปเที่ยวน่ะ”
“เจ้าชายอัสเซนมีเพื่อนคนไทยตั้งแต่เมื่อไหร่เพคะ..หลานไม่เห็นได้ยินมาก่อนเลย ถ้าเป็นเพื่อนชาวยุโรปหรืออเมริกัน หลานจะไม่สงสัยสักนิด เพราะเจ้าชายไปเรียนอยู่ที่ยุโรปหลายปีคงจะมีเพื่อนจากที่นั่นเดินทางมาเที่ยวที่ซีนาเบียบ้าง”
“เพื่อนคนไทยคนนี้คงรู้จักกันทางอินเตอร์เน็ทละมั้ง เห็นอัสเซนบอกว่าให้เพื่อนคนนี้ช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองไทยให้”
“ทำไมต้องหาข้อมูลเมืองไทยด้วยเพคะ ถ้าเจ้าชายอยากจะไปเที่ยวเมืองไทยก็แค่สั่งให้ใครก็ได้ไปจัดการหาไกด์นำเที่ยวให้ก็ได้”
เจ้าหญิงนูรีนทรงกล่าวอย่างไม่เข้าใจ
