2. มาตามนัด
"ว้าย!.."
นัทมนร้องเสียงหลง ร่างเซไปข้างหลัง แต่ไม่ทันที่จะหงายหลังเธอก็ถูกรวบเอวเอาไว้ได้ทันท่วงที ก่อนที่จะถูกแรงกระเด้งกลับเข้ามาแนบอกของคนที่ช่วยเอาไว้อย่างไม่ตั้งใจ นัทธมนเองก็ตกใจจนเผลอเกาะเอวเขาไว้เช่นกัน
“อุ๊ย!..”
นัทมน อุทานขวยเขินที่ศีรษะของตนไปซบอกของคนที่กอดเอาไว้จนทั้งคู่อยู่ในลักษณะยืนกอดกันกลมดิ๊กประหนึ่งคู่รักมาฮันนีมูน
“ขอโทษครับ..”
เสียงทุ้มหวานด้วยภาษาอังกฤษบอกอย่างสุภาพ ก่อนจะปล่อยมือจากการโอบเอวของนัทมน แต่เขาก็ยังยืนอยู่ใกล้นัทธมนแค่คืบ จนเธอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากเขา มันเป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่นผสมโรแมนติก
“มะ..ไม่เป็นไรค่ะ..ฉันเดินซุ่มซ่ามไปหน่อย ต้องขอโทษด้วยค่ะที่เป็นฝ่ายชนคุณ”
นัทมนรีบบอกด้วยภาษาอังกฤษเช่นกัน ก่อนจะปล่อยมือจากการโอบเกาะเขา แล้วก็ถอยหลังออกมาเล็กน้อยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มตรงหน้า แต่เธอรู้ว่าเขาต้องเป็นผู้ชายที่ตัวสูงสง่าทีเดียว
“ยัยส้มปั่น!..ซุ่มซ่ามจนได้เรื่องเลยนะแก”
ปัทมารีบเดินเข้ามาดูเพื่อน โดยมีเดชศักดิ์เดินแกมวิ่งตามเข้ามา
“อ๊าย..คุณ..แฟรงก์!”
เดชศักดิ์อุทานตาโตด้วยภาษาไทยเมื่อสังเกตเห็นหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้านัทมน เขาคนนั้นสวมหมวกสไตล์เท่ และสวมแว่นตากันแดดสีดำแบบเดียวกับรูปภาพที่เดชศักดิ์เคยได้รับจากหนุ่มอาหรับทื่ชื่ออัลเฟรดนั่นเอง
“สวัสดี..เดรซ ผมดีใจที่ได้พบคุณ”
อัลเฟรดจำเดชศักดิ์ได้ดีทีเดียว เขาคิดว่ารูปภาพของเดชศักดิ์ที่ส่งให้ดูในแชทไลน์กับตัวจริงเหมือนกันมาก เขาจึงรีบเดินเข้าไปยื่นมือกล่าวทักทายตามธรรมเนียม
“สวัสดีฮ่ะ อุ๊ย ครับ ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกัน ไม่คิดว่าจะเป็นคุณเลยแฟรงก์”
เดชศักดิ์ชักจะไม่อยากปล่อยมือนุ่ม ๆ ของอัลเฟรดเสียแล้ว แต่น่าเสียดายที่อัลเฟรดเป็นฝ่ายปล่อยมือเสียก่อน เดชศักดิ์จึงยิ้มด้วยความประหม่า ทำตัวไม่ถูกว่าควรจะเก๊กมาดแมนหรือปล่อยตามธรรมชาติที่จิตใจต้องการดี เดชศักดิ์ไม่คิดว่าตัวจริงของอัลเฟรดจะดูดีมีเสน่ห์มากมายถึงเพียงนี้ ขนาดว่าภาพที่ส่งให้ดูก็ยังทำให้หัวใจเดชศักดิ์ละลายได้แล้ว ตัวจริงยิ่งกว่าเสียอีก จนแทบอยากจะกรี๊ดกับความหล่อดูดีให้สาสม แต่จำต้องอดใจไว้ก่อน
“พวกคุณเป็นเพื่อนที่มากับเดรซใช่ไหมครับ”
อัลเฟรดหันมาเอ่ยถาม นัทมน กับ ปัทมา พร้อมส่งยิ้มด้วยไมตรี
“ใช่ค่ะ.”
นัทมนตอบรับด้วยน้ำเสียงประหม่า เธอสังเกตเห็นชุดที่เขาสวมแล้ว ดูก็รู้ว่าเป็นผ้าเนื้อดียี่ห้อดังของฝรั่งเศส เขาคงจะเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยของประเทศนี้
“นี่คือนัทธมน แต่คุณเรียกชื่อเล่นเธอว่าส้มปั่นก็ได้”
เดชศักดิ์รีบกล่าวแนะนำเพื่อนให้อัลเฟรดได้รู้จักทันที
“ยินดีต้อนรับสู่ซีนาเบีย และยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณโซม..พัน..”
อัลเฟรดเรียกชื่อส้มปั่นด้วยสำเนียงที่ไม่ค่อยจะถูกต้องนัก พร้อมกับยื่นมือไปทักทาย ทำให้ทั้งสามอดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ที่เขาเรียกชื่อส้มปั่นได้แบบเพี้ยน ๆ แต่น่ารัก
“ไม่ใช่โซมพันค่ะ..ส้ม..ปั่น คุณต้องออกเสียงให้สูง
กว่านี้นิดหนึ่งค่ะ” นัทมนบอกเขาด้วยน้ำเสียงขบขัน
“โสม..พัน..สมพัน”
อัลเฟรด พยายามออกเสียงให้ใกล้เคียงที่สุด แต่ก็ได้เพียงเท่านั้น
“ให้เขาเรียกแกว่า..โซมพัน อย่างเดิมดีกว่าให้เรียกสมพันนะยะ..เดี๋ยวก็เพี้ยนเป็นผสมพันธุ์หรอก”
เดชศักดิ์หันไปพูดภาษาไทยกับนัทมนด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“แล้วคุณล่ะครับ”
อัลเฟรดหันไปถามปัทมาบ้าง รายนั้นรีบฉีกยิ้มกว้างจนแก้มแทบจะปิดตา
“เรียกฉันว่าเอ๋ก็ได้ค่ะ”
ปัทมาบอกอัลเฟรดด้วยท่าทีขวยเขิน เธอตกตะลึงความหล่อดูดีของอัลเฟรดเช่นกัน
“คุณเอ๋..ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
เขายื่นมือไปจับทักทายปัทมาบ้าง ปัทมารีบยื่นมือให้ด้วยความเต็มใจ
“ต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ ที่ผมไม่ได้ไปรับพวกคุณที่สนามบิน”
อัลเฟรดหันมากล่าวคำขอโทษกับทั้งสาม
“อุ๊ย..ไม่เป็นไรเลยแฟรงก์ พวกเราเข้าใจดี คุณเป็นนักธุรกิจก็ต้องติดภารกิจสำคัญอยู่แล้ว แค่คุณเอื้อเฟื้อเรื่องตั๋วเดินทางมาเที่ยว แล้วก็ให้ที่พักหรูหราแก่พวกเราก็เกรงใจมากแล้ว” เดชศักดิ์รีบบอก
“อย่าได้เกรงใจเลยครับ คุณช่วยผม ผมก็ต้องตอบแทนสิครับ และตอนนี้ผมก็เคลียร์งานทุกอย่างจบแล้ว พร้อมที่จะพาพวกคุณไปเที่ยวตามโปรแกรมที่กำหนดไว้แล้ว”
อัลเฟรดบอกด้วยมิตรภาพ
เดชศักดิ์ไม่รอช้ารีบถือโอกาสเดินคู่ไปกับอัลเฟรดทันที หลังจากผิดหวังที่ไม่ได้จูบปากทักทายอัลเฟรดอย่างที่คิดเอาไว้ เดชศักดิ์จึงชดเชยด้วยการเดินสูดดมน้ำหอมในตัวของอัลเฟรดอย่างใกล้ชิด พร้อมกับซักถามเขาตลอดเวลาเพื่อสร้างความสนิทสนมให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีสองสาวคอยเดินตามห่าง ๆ
“เห็นไหมพอมันได้เจอผู้ชาย มันไม่สนใจเราเลย”
นัทธมนแอบนินทาเดชศักดิ์ให้ปัทมาฟัง
“มันก็เป็นอย่างนี้ทุกทีน่ะแหละ แต่ฉันว่าคุณแฟรงก์นี่หล่อเข้มจริง ๆ เลย แกว่าไหมส้มปั่น สมกับที่นังเดรซมันคลั่งไคล้อยู่หรอก ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันกับยัยเดรซ รึเปล่าน่ะสิ” ปัทมาชวนคุย
“ถ้าเขาเป็นเกย์คงน่าเสียดายแย่เลย”
นัทธมน ลอบมองทางด้านหลังของอัลเฟรดด้วยสายตาชื่นชม
“นั่นสิ ทำไมผู้ชายหล่อ ๆ แมน ๆ ถึงกลายพันธุ์กันเป็นเกย์เป็นตุ๊ดหมดนะ ฉันละเซ็งจริง ๆ เล้ย” ปัทมาว่า
“แต่ถ้าอีตาแฟรงก์ไม่มีรสนิยมในการหม่ำถั่วดำล่ะก็ ฉันว่างานนี้ยัยเดรซมีหวังกินแห้วแทนถั่วดำว่ะ”
นัทธมนพูดกลั้วหัวเราะประสานเสียงกับปัทมา จนคนที่เดินอยู่ข้างหน้าต้องหันมามอง
“ฉันได้ยินพวกหล่อนพูดกินแห้ว กินถั่วดำ ใครกินยะ”
เดชศักดิ์ หูดีหันมาถามตาเขียวใส่เพื่อนทั้งสอง
“แหม..พวกฉันอุตส่าห์พูดเบา ๆ แล้วแกยังได้ยินอีกหรือเดชศักดิ์” นัทธมนถามยิ้ม ๆ
“ยัยส้มเน่า! บอกกี่ทีแล้วห้ามเรียกฉันว่าเดชศักดิ์ เดี๊ยะ!โดนตบปาก”
เดชศักดิ์เผลอออกอาการกรีดกรายยกมือขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
อัลเฟรดมองหน้าทั้งสามคนสลับกันไปมา เขารู้สึกแปลก ๆ กับกิริยาท่าทางของเดชศักดิ์
“เปล่าฮ้า..อย่าไปสนใจพวกเขาเลย”
เดชศักดิ์รีบเอามือลง แล้วก็หันเหความสนใจอัลเฟรดด้วยการชักชวนถ่ายภาพเซลฟี่ไปด้วย ซึ่งอัลเฟรดก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“ในสองคนนี้ มีใครเป็นแฟนคุณหรือเปล่า เดรซ”
อัลเฟรดแอบเอ่ยถามเดชศักดิ์ เพื่อจะได้รู้เอาไว้
“ว้าย..ขืนเป็นแฟนกับยัยสองคนนั่น ฟ้าได้ผ่าฉันตายสิแฟรงก์”
เดชศักดิ์ร้องวี้ดว้าย จนอัลเฟรด อดหัวเราะไม่ได้ เขาชักจะเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของเดชศักดิ์เสียแล้ว
“ถึงกับฟ้าผ่าเลยหรือครับ เกี่ยวอะไรกับฟ้าผ่าหรือเปล่า”
อัลเฟรด ความอยากรู้เพราะไม่เข้าใจสำนวนไทย
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกแฟรงก์ ฉันก็แค่พูดเล่นน่ะ ฉันบอกคุณตามตรงก็ได้ สองคนนั้นเป็นเพื่อนรักของฉันเอง พวกเราเรียนจบคณะนิเทศศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเดียวกันก็เลยสนิทกันมาก”
เดชศักดิ์เล่าให้ฟังพร้อมกับฉุดมืออัลเฟรดให้รีบเดินห่างออกไปจากสองสาว
