บุพเพทะเลทราย

169.0K · จบแล้ว
กิ่งพยอม
84
บท
18.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

บุพเพสันนิวาส ได้พัดพาสาวไทยไปพบรักกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ในดินแดนทะเลทราย โดยมีเพื่อนสาวสองเป็นตัวนำเรื่อง ทำให้ต้องอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่ก่อให้เกิดความผูกพันกันมากมาย แม้จะมีอุปสรรคมาขวางกั้นก็มิอาจพรากหัวใจของเขาและเธอได้

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันตลกเศรษฐีโรแมนติกพระชายาผู้ชายอบอุ่นฟินๆ

1. สองสาวกับสาวสอง

“อ๊าย...ยัยส้มปั่น.. ยัยเอ๋.. มาช่วยฉันกรี๊ดทางนี้หน่อย เร้ว!”

เสียงกรี๊ดกร๊าดกระดี๊กระด้าของเดชศักดิ์ที่ยืนบิดขาบิดมือส่งสายตาหยาดเยิ้มลงไปมองคนที่กำลังเดินขึ้นมายังเนินเขาข้างบน ทำให้สองสาวที่ถ่ายรูปกันอยู่อีกมุมหนึ่งของปราสาทบนเนินเขาหันไปมองด้วยความไม่ใส่ใจนัก

เหตุที่ทำให้เดชศักดิ์มีท่าทางระริกระรี้เหมือนปลากระดี่ได้น้ำเช่นนั้นก็คงไม่พ้นเรื่องผู้ชายตามเคย

“แอ๊บแมนอยู่ตั้งนาน พอเห็นผู้ชายก็เกิดอาการแต๋วแตกเลยนะแก”

นัทมนเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาพูดหยิกแกมหยอกเจ้าเพื่อนชายที่มีร่างกายเป็นชายแต่จิตใจฝักใฝ่ที่จะเป็นหญิง โดยมีร่างตุ้ยนุ้ยของปัทมาเดินตามมาด้วย

“พวกแกก็มองดูผู้ชายแต่ละคนที่เดินมานั่นสิ หน้าตาดูดีมีชาติตระกูลทั้งนั้นเลย ทำไมผู้ชายอาหรับของซีนาเบีย ถึงได้หล่อเข้มบาดหัวใจอย่างนี้นะ”

เดชศักดิ์ทำท่าฝันหวานยิ้มละไม ส่งสายตาเจ้าชู้ไปยังหนุ่ม ๆ ที่เดินขึ้นมาหลายคน

“นี่แกมาเที่ยวหรือมาหาผู้ชายกันแน่ยะ..”

นัทมนอดที่จะแขวะด้วยความหมั่นไส้เพื่อนไม่ได้เมื่อเห็นสายตากระลิ้มกระเหลี่ยของเดชศักดิ์ ที่มองดูหนุ่ม ๆ

“มาเที่ยวเป็นงานรอง ส่วนงานหลักคือคอยมองหาผู้ชายที่ถูกใจย่ะ”

เดชศักดิ์จีบปากจีบคอตอบ พร้อมยืดคอยาวเป็นยีราฟมองชายหนุ่มที่กำลังเดินหายลับไปกับกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกฟากหนึ่งของปราสาท เดชศักดิ์ได้แต่มองตามตาละห้อย

“ว้า..หายไปไหนแล้วล่ะ เมื่อกี้ก็ลืมถ่ายรูปหนุ่มหล่อพวกนั้นเสียด้วยสิ”

เดชศักดิ์หันมาบอกเพื่อนทั้งสองอย่างเสียดาย

“ไหนแกบอกว่าจะรอไว้ถ่ายภาพอีตาแฟรงก์สุดหล่อของแกไม่ใช่หรือ”

ปัทมาพูดเตือนด้วยความหมั่นไส้

“ก็มันยังไม่ถึงเวลานัดคุณแฟรงก์สุดหล่อของฉันนี่ยะ ช่วงระหว่างรอเขาอยู่ ฉันก็ขอเหล่คนหล่อแถวนี้ไปพราง ๆ ก่อนจะได้กระชุ่มกระชวยมีแรงเดินชมปราสาทไงล่ะ”

เดชศักดิ์บอกด้วยสีหน้ามีความสุข

“ถามจริงเถอะ ถ้าเกิดได้พบตัวจริงอีตาแฟรงก์แล้ว แกจะแสดงความเป็นตุ๊ดแบบนี้รึเปล่า”

นัทธมนอดที่จะสงสัยไม่ได้เช่นเดียวกับปัทมาที่อยากจะรู้

“แกถามแบบนี้ทำให้ฉันชักจะเครียดแล้วนะเนี่ย เพราะตอนที่แช็ทคุยกันทางเน็ตฉันก็ไม่ได้เปิดเผยตัวเสียด้วยสิ แฟรงก์นึกว่าฉันเป็นผู้ชายทั้งแท่ง เขาแช็ทคุยกับฉันก็แค่อยากจะถามข้อมูลเรื่องเมืองไทย ส่วนฉันก็ไม่กล้าบอกเขาว่า ฉันแค่เห็นภาพของเขาส่งไปให้ดูฉันก็อยากจะจีบเขาแล้ว ตายล่ะ..ถ้าเกิดว่าเขาไม่ชอบตุ๊ดอย่างฉันขึ้นมา ฉันจะทำอย่างไงดีเนี่ย”

เดชศักดิ์ชักจะไม่สบายใจขึ้นมา หันมองหน้าเพื่อนทั้งสองไปมาคล้ายจะขอคำปรึกษา

“แกเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด ถ้าเขามีรสนิยมชอบตุ๊ดอย่างแก ก็จะได้สมหวัง” นัทธมนแนะนำ

“แล้วถ้าเขาไม่มีรสนิยมเดียวกับฉันล่ะ”

เดชศักดิ์มีสีหน้ากลัดกลุ้มกังวลใจ

“แกก็ต้องตัดใจ แล้วก็ยกแฟรงก์สุดหล่อให้ฉันแทนน่ะสิ”

ปัทมาบอกด้วยสีหน้าทะเล้นเป็นที่สนุกสนาน

“ชิ!..เรื่องอะไรฉันจะยกให้หล่อนยะ ฉันอุตส่าห์แช็ทคุยกับเขาตั้งหลายเดือน ฉันทุ่มเททั้งกายใจให้เขาไปหมดแล้วด้วย หล่อนจะมาชุบมือเปิบหรือยะยัยเอ๋”

เดชศักดิ์ออกอาการหวงก้างกับปัทมาทันที

“แกไปทุ่มกายให้อีตาแฟรงก์เชยชมตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไหนบอกว่าแค่คุยกับเขาทางเน็ทไม่ใช่หรือ”

นัทธมนพูดขัดคอเดชศักดิ์ขึ้นมาด้วยสีหน้าขบขัน

“ถึงฉันยังไม่ได้ทุ่มกายให้เขาเชยชม แต่ฉันก็ทุ่มแรงกายในการหาข้อมูลส่งให้เขาตามที่เขาร้องขอย่ะ เขาถึงได้ซาบซึ้งกับน้ำใจอันงดงามของตุ๊ดไทยอย่างฉัน จนเชิญฉันมาเที่ยวที่ประเทศของเขานี่ไงล่ะ แล้วพวกหล่อนสองคนก็ได้อานิสงส์ติดสอยห้อยตามฉันมาเที่ยวฟรี พักฟรี กินฟรีอย่างนี้ไงยะ”

เดชศักดิ์พูดให้เพื่อนทั้งสองได้สำนึกบุญคุณที่เขาพามาเที่ยวต่างประเทศด้วย

ทั้งสามคนเดินทางมาจากเมืองไทย เพื่อมาท่องเที่ยวที่ประเทศซีนาเบีย ตามคำเชิญชวนของอัลเฟรด หรือแฟรงก์ ซึ่งเดชศักดิ์คิดว่าชื่ออัลเฟรด หรือ แฟรงก์ นี้คงไม่ใช่ชื่อจริงของเขาเหมือนกับที่หลาย ๆ คนเวลาที่แช็ทคุยกันทางโลกโซเชียลก็มักจะใช้ชื่อปลอมกันทั้งนั้น แม้แต่เดชศักดิ์ก็ยังใช้ชื่อปลอมว่า เดรซ เช่นกัน

.................................................................................

เดชศักดิ์รู้จักกับอัลเฟรด ทางโซเชียลเมื่อห้าเดือนก่อน อัลเฟรดแนะนำตัวเองว่าเป็นนักธุรกิจชาวอาหรับที่อยากจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทย เพื่อจะมาลงทุนทำธุรกิจการเกษตร และด้วยความที่เดชศักดิ์ ได้เห็นหน้าตาของอัลเฟรด จากภาพที่ส่งมาอย่างเปิดเผย จึงให้การช่วยเหลืออัลเฟรดด้วยความเต็มใจ เนื่องจากชอบความหล่อดูดีของหนุ่มอาหรับคนนี้นั่นเอง

ดังนั้น ไม่ว่าอัลเฟรดอยากได้ข้อมูลอะไรหรือ อยากได้ภาพถ่ายสถานที่ต่าง ๆ เดชศักดิ์ ก็จะตาลีตาเหลือกไปเสาะหาข้อมูลถ่ายภาพส่งไปให้เขาตามความต้องการทุกอย่าง จนอัลเฟรดรู้สึกประทับใจกับความมีน้ำใจของเดชศักดิ์มาก กระทั่งอัลเฟรดแสดงความขอบคุณ เดชศักดิ์ ด้วยการเชิญให้มาท่องเที่ยวที่ประเทศซีนาเบีย โดยอัลเฟรดเสนอตัวเป็นไกด์นำเที่ยวพร้อมกับออกค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พักให้ด้วย แถมยังใจดี ให้เดชศักดิ์สามารถพาเพื่อน หรือคนรักติดตามมาเที่ยวได้ตามต้องการอีกด้วย

เมื่อเดชศักดิ์เล่าให้ นัทธมน กับ ปัทมา ฟังถึงเรื่องเที่ยวฟรี พักฟรี กินฟรี ที่อัลเฟรดเสนอมา ทำให้ทั้งสองสาวรีบบังคับให้เดชศักดิ์ตอบรับคำเชิญของอัลเฟรดทันที ด้วยเหตุนี้ทั้งสามจึงเหินฟ้าเดินทางมาดินแดนทะเลทรายอาหรับแห่งนี้ด้วยความยินดีปรีดาเป็นยิ่งนัก

ทั้งสามยังไม่ได้เจอหน้าอัลเฟรดเลย ตอนที่ลงจากเครื่องบินมาถึงสนามบินที่เมืองหลวงมัสกัสตาเมื่อคืนนี้ อัลเฟรดส่งคนของเขาไปรับที่สนามบิน แล้วก็พาก๊วนสองสาวไทยกับหนึ่งแอ๊บแมน ไปยังที่พักในโรงแรมที่ดีที่สุดของเมืองมัสกัสตา แต่วันนี้อัลเฟรดได้นัดหมายเดชศักดิ์ ว่าจะมาพบที่ปราสาทบนเนินเขาแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของรัฐมัสกัสตาอันเป็นเมืองหลวงของประเทศซีนาเบีย

“ฉันจะทำให้แฟรงก์สนใจฉันให้ได้ ฉันกับเขาอุตส่าห์ติดต่อกันมาตั้งหลายเดือน ฉันไม่ยอมให้เขาหลุดมือไปง่าย ๆ คอยดูนะ ถ้าเจอหน้าเขา ฉันจะทักทายด้วยการจูบปาก”

เดชศักดิ์พูดขึ้นมาด้วยสายตาเป็นประกายหยาดเยิ้ม

“ยี้..แกกล้าทำอะไรน่าเกลียดแบบนั้นด้วยหรือยะ”

ปัทมาทำหน้าเหยเก รีบร้องขึ้นมา

“แกอย่าได้ทำอะไรโอเว่อร์น่าเกลียดแบบที่พูดเชียวนะ เดชศักดิ์”

นัทมนก็รีบห้ามปรามขึ้นมาทันที

“ว้าย..หยาบคายที่สุด ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลยนะยัยส้มเน่า บอกกี่ทีแล้วว่าห้ามเรียกฉันว่าเดชศักดิ์! เพราะชื่อนี้มันทำให้ฮอร์โมนเพศของฉันทำงานอย่างแปรปรวนและรวนเรเป็นที่สุด”

เดชศักดิ์เกิดอาการแสลงหูแสลงใจกับคำพูดเรียกชื่อของตัวเอง แม้ชื่อนี้จะเป็นชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ตั้งแต่เกิด แต่เดชศักดิ์ ก็ไม่อยากจะได้ชื่อนี้เลย เขาคิดที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นนารีรัตน์ มากกว่า แต่ที่ทำตามใจปรารถนาไม่ได้เนื่องจากไม่อยากให้ทางบ้านจับได้ว่าเขามีจิตใจเบี่ยงเบนทางเพศ เพราะรู้ดีว่าบิดาของเขานั้น คงไม่ยอมรับกับความจริงนี้ เขาจึงได้แต่ปิดบังทางบ้านเอาไว้ตลอดมา และเวลาที่อยู่ต่อหน้าบิดาก็จะทำมาดแมนให้สมกับเป็นลูกผู้ชายของตระกูลที่มีเขาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน

“แกก็เหมือนกันห้ามเรียกฉันว่าส้มเน่า…ฉันชื่อส้มปั่น กรุณาเรียกให้ถูกต้องด้วย”

นัทมนยื่นเงื่อนไขก่อน

“ก็ได้..ยัยส้มเน่า..เอ๊ย..ส้มปั่น”

เดชศักดิ์ทำหน้าตาล้อเลียน

“ดีมาก คุณเดช..”

นัทมนบอกยิ้ม ๆ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่พอใจอยู่ดีกับสรรพนามที่เพื่อนเรียกขานชื่อเล่นของตัวเอง

“เดช ก็ห้ามเรียก ชื่อเล่นของฉันที่ถูกต้องคือ เดรซ.. ดูปากฉันแล้วพูดตามสิ เด-ร-ส กรุณา เรียกใหม่ด้วยนะฮ้า คุณส้มปั่น” เดชศักดิ์บังคับ

“เออ! ก็ได้ ยัย..คุณเดรซ..ซ..ซ”

นัทมนลากเสียงยาวออกเสียงตัวเอสในภาษาอังกฤษเป็นการหยอกล้อ

“เฮ้อ..คนเรา ชื่อเดชแบบไทย ๆ ไม่ชอบแต่ดัด..จะ..เป็นฝรั่งต้องให้เรียกเดรซ...”

ปัทมาที่ฟังการสนทนาของเพื่อนทั้งสองอยู่ ได้โอกาสพูดแขวะล้อเลียนเดชศักดิ์

“ยัยช้างน้ำ..เดี๋ยวฉันก็เรียกชื่อแกว่าก้านกล้วยซะหรอก หรือว่าอยากจะเปลี่ยนชื่อเล่นจากเอ๋ เป็นอู๊ดอู๊ด จะได้ออกเสียงแบบหมูไทยไง” เดชศักดิ์หันมาเล่นงานปัทมาบ้าง

“อู๊ด ๆ ก็ดีกว่า ตู้ด ตุ๊ด แหละวะ”

ปัทมาก็สวนกลับได้ทันท่วงที พร้อมหัวเราะประสานเสียงกับนัทมน ที่โต้ตอบได้แสบทรวงไม่แพ้กัน

“เป็นตุ๊ดแล้วมันหนักส่วนไหนของพวกหล่อนยะ..ยัยหมูอู๊ดอู๊ด..ยัยส้มเน่า”

เดชศักดิ์มองค้อนเพื่อนสาวทั้งสองที่กำลังหัวเราะขบขันเขาอยู่

“มันหนักใจพวกฉันนี่แหละ เพราะแกชอบส่งสายตาแทะโลมผู้ชาย ทำให้กุลสตรีไทยอย่างพวกฉันเสียภาพลักษณ์เวลาที่เดินไปกับแก..เข้าใจไหม ยัยเดรซซี่”

นัทมนเป็นคนต่อว่าเดชศักดิ์

“อย่างพวกหล่อนน่ะเหรอยะ มีความเป็นกุลสตรีไทย ฉันเห็นทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ห้องนอนพวกแกสองคนก็รก เกะกะระเนระนาดยังกะรถบัสคว่ำ งานบ้านว่าแย่แล้ว งานครัวพวกแกยังแย่กว่าอีก เจียวไข่ก็ยังไหม้ แกสองคนไม่มีคุณสมบัติของความเป็นกุลสตรีแม้แต่นิดเดียว”

เดชศักดิ์ถือโอกาสร่ายตำหนิเพื่อนยาวจนสองสาวรีบจูงแขนกันเดินหนีด้วยความแสลงหูกับความจริงที่ได้รับฟัง

“แหม..พูดเรื่องจริงเข้าหน่อยรีบเดินหนีเลยนะยะ..ฉันยังสาธยาย พฤติกรรมพวกแกสองคนยังไม่หมดเลยนะ”

เดชศักดิ์รีบเดินตามส่งเสียงพูดกรอกหูด้วยท่าทางมีความสุขที่ได้ทำให้อีกฝ่ายยอมแพ้จนต้องเดินหนี

“พวกฉันไม่อยากฟังหรอกนะ..นายเดชศักดิ์ เดชศักดิ์ เดชศักดิ์”

นัทมนหันไปทำหน้าล้อเลียนเรียกชื่อที่จะทำให้เดชศักดิ์แสลงใจมากที่สุด

“อื้ย..ยัยส้มเน่า มาให้ฉันตบปากซะดี ๆ”

เดชศักดิ์ทำท่ากรีดกรายเงื้อมือขึ้นมา แต่นัทมนไม่ยอมเป็นเป้านิ่งให้อีกฝ่ายตามมาตบได้ง่าย ๆ เธอจึงเดินแกมวิ่งไปตามทางด้วยเสียงหัวเราะคิกคักถูกใจที่ได้แกล้งเพื่อน

และช่วงจังหวะที่ต้องเลี้ยวไปตามทางโค้งของรอบปราสาทนั้น นัทมนก็วิ่งพรวดพราดไปชนกับใครบางคนเข้าจัง ๆ จนเดชศักดิ์กับปัทมาที่เดินตามหลังมาต่างก็ทำหน้าหวาดเสียว