บท
ตั้งค่า

4

เคาน์เตอร์บาร์หินอ่อนสีเทาดำของร้านกาแฟ ด้านหลังเคาน์เตอร์เป็นผนังอิฐปูนเปลือย ทำให้ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสวมเสื้อเชิ้ตขาวมีผ้ากันเปื้อนสียีนส์ทับอยู่แล้วใส่หมวกแก๊ปสีดำมีอักษรย่อของชื่อร้านสีขาวดูโดดเด่นสะดุดตานัก เขากล่าวทักทายอุษาวดีและปลายฟ้าว่า

“รับอะไรครับ”

อุษาวดีพยายามมองหน้าบาริสต้าภายใต้หมวกแก๊ปที่บังหน้าไว้ปลายฟ้ายืนข้างๆอุษาวดีเห็นว่าเพื่อนยืนละล้าละลังไม่ยอมสั่งเธอจึงถามว่า

“อุษา อุษา! จะเปลี่ยนเมนูหรา เห็นยืนคิดอยู่นานบอกน้องเขาไปสิ เขารออยู่”

“ก็ได้...ก็ได้”

อุษาวดีหันไปหาบาริสต้าซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับชายหนุ่มบาริสต้าหันมามองหน้าอุษาวดี เมื่อทั้งคู่สบตากันก็ทำให้อุษาวดีจำได้ทันทีแล้วทั้งคู่ก็ร้องทักเสียงดังพร้อมกันว่า

“เฮ้ย!”

อุษาวดีหันมาพูดกับปลายฟ้าหลังจากรู้ว่าบาริสต้าคนนี้คือคู่กรณีของเธอที่ลานจอดรถ

“ฟ้า ไปร้านอื่นเหอะ”

“อ้าว! ทำไมล่ะ” ปลายฟ้างงที่อยู่ๆเพื่อนของเธอก็เปลี่ยนใจปุบปับแบบนี้

“ไปเถอะ น่า”

“งั้นขอสั่งกาแฟให้พี่เมฆก่อนนะ”

เมื่อปลายฟ้าเห็นหน้าหนุ่มบาริสต้ายังรู้สึกว่าตัวจริงดูดีกว่ารูปที่มีคนส่งมาในกรุ๊ปไลน์ถึงเรื่องสงครามกลางลานจอดรถเสียอีก และเธอก็พอจะเข้าใจได้ว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่ยอมที่จะสั่งกาแฟร้านนี้ หนุ่มบาริสต้าคนนี้ไม่ใช่เป็นเพียงคู่กรณีกับอุษาวดีแต่ยังเป็นหนุ่มฮอตที่สาวๆพูดถึงกันอีกด้วย ปลายฟ้าจัดแจงสั่งกาแฟให้เพื่อนรักอย่างอุษาวดี ส่วนอุษาวดีไปนั่งรอที่โต๊ะเพราะไม่อยากปะทะคารมกับเด็กที่เธอคิดว่าเขานิสัยไม่ดี สั่งกาแฟเสร็จปลายฟ้าก็ตามมานั่งที่โต๊ะแล้วบอกกับอุษาวดีว่า

“ชั้นว่าเรานั่งกินแซนวิชร้านนี้เถอะ เดี๋ยวตอนบ่ายก็สอนแล้วที่สำคัญอุษาบอกเองว่าไม่ค่อยหิว”

“นี่! รู้มั้ย เด็กคนนั้นแย่งที่จอดรถชั้นเมื่อเช้านี้แล้วที่เรียกชั้นว่าป้าอ่ะไม่รู้เลยนะเป็นบาริสต้าร้านนี้ด้วยชั้นล่ะไม่อยากจะพูด น้องปูคนเก่าหายไปไหนอ่ะ”

“แล้วรู้มั้ยเด็กคนนั้นเป็นที่กรี๊ดของสาวๆในมหาลัย”

“แล้วงัยชั้นต้องกรี๊ดด้วยมั้ย”

“แล้วยังไม่เลิกชอบพี่เมฆอีกหรา บ้าบอมากเมื่อไหร่จะเลิกชอบข้างเดียวสักทีเสียเวลาชีวิตนะ”

“พาลล่ะ เริ่มพาลอีก พี่เมฆก็ไม่ได้ทำไรผิดทำไมต้องเลิกชอบด้วยล่ะ”

ขณะที่อุษาวดีกับปลายฟ้านั่งคุยอยู่นั้น เด็กหนุ่มคู่กรณีของอุษาวดีก็เอากาแฟกับแซนวิชมาเสิร์ฟอุษาวดีและปลายฟ้าช่วยกันเก็บกระเป๋าที่วางบนโต๊ะมาวางที่เก้าอี้ เมื่อเขาวางกาแฟกับแซนวิชเรียบร้อยแล้วก็ยกกระเป๋าของอุษาวดีออกจากเก้าอี้เพื่อที่จะนั่งแต่อุษาวดีแย่งกระเป๋ามาถือเองและเบี่ยงตัวกึ่งหันหลังให้กับเขา

“ผมเลี้ยงกาแฟนะครับเป็นการขอโทษเรื่องที่ลานจอดรถ ครับ”

“จร้า ไม่ได้โกรธอะไร”

ปลายฟ้าตอบแทนเพื่อนเพราะเธอรู้ว่าอุษาวดีคงไม่ตอบและไม่อยากจะคุยกับเด็กหนุ่มคนนี้จะว่าไปแล้วอุษาวดีก็เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาททางสังคมมากนักซึ่งปลายฟ้าเคยคุยเรื่องนี้แล้วแต่ต้องยอมแพ้ความดื้อของอุษาวดีที่มักจะบอกว่า “เราไม่สามารถทำทุกสิ่งอย่างถูกใจทุกคนได้ดังนั้นทำไมเราต้องสนใจว่าใครจะมองยังไงคิดยังไงก็เรื่องของเขาเราก็ทำดีไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เราต้องทำอะไรที่มันไม่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของเราด้วยในเมื่อมันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้”

“ผมชื่อธันวา ครับ”

“ใครอยากรู้” อุษาวดีตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยซึ่งทำให้ปลายฟ้ารู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอยังโกรธอยู่จึงพูดขึ้นว่า

“พี่ชื่อฟ้า ส่วน..” ปลายฟ้าหยุดพูดแต่มองไปทางอุษาวดีก่อนแล้วพูดว่า “เพื่อนพี่ชื่ออุษา จ๊ะ”

“อุษา คือชื่อเล่นใช่มั้ยครับ”

“อุษาคือชื่อเล่นที่เหมือนชื่อจริงใช่มั้ย” ปลายฟ้าตอบแทนเพราะรู้ว่าอุษาวดีคงจะไม่ตอบแน่นอนอุษาวดีฟังปลายฟ้ากับธันวาคุยกันจนเธอเริ่มรู้สึกอึดอัดจึงพูดขึ้นว่า

“ไม่ทำงานหราเห็นลูกค้าเต็มร้าน”

“ครับ คุยแป๊บเดียว อ้าว! อาจารย์ครับทางนี้ครับ” ธันวายกมือไหว้อาจารย์เมฆ อาจารย์หนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตี๋ๆ ใส่แว่นกรอบดำท่าทางสุภาพ กำลังเดินมาที่โต๊ะ ปลายฟ้ายิ้มหน้าบานเพราะอาจารย์เมฆคือคนที่เธอแอบปลื้มอยู่ ตรงข้ามกับอุษาวดีที่รู้สึกไม่ชอบใจนักเพราะอุษาวดีคิดว่าอาจารย์เมฆไม่ใช่ลูกผู้ชายพอที่จะบอกปฏิเสธปลายฟ้าว่าไม่ชอบแต่มีท่าทีเหมือนให้ความหวังโดยคุยกับปลายฟ้าไปเรื่อยๆ

เมื่ออาจารย์เมฆมาถึงที่โต๊ะปลายฟ้ายิ้มทักทายแล้วรีบยกกระเป๋าที่วางบนเก้าอี้ออกเพื่อให้อาจารย์เมฆนั่ง อาจารย์เมฆพูดทักทายกับธันวา

“เป็นงัยบ้าง เริ่มปรับตัวเข้ากับเมืองไทยได้แล้วสิ”

“ครับ”

เมื่ออาจารย์เมฆมานั่งร่วมโต๊ะอุษาวดีก็ขอตัวไปเตรียมตัวสอนก่อนปลายฟ้าจึงต้องจำใจตามอุษาวดีออกจากร้านมาด้วย ระหว่างเดินมาที่ตึกสอนปลายฟ้าก็พูดเชิงตำหนิเพื่อนรักว่า

“อุษาเมื่อไหร่แกจะมีมารยาททางสังคมบ้าง”

“อะไรอีกอ่ะ”

“ก็ไม่ทักทายพี่เมฆอีกแล้ว แค่ทักทายอ่ะมันจะเป็นไรมากมั้ย”

“แล้วชั้นไม่ทักทายมันจะเป็นอะไรมากมั้ย”

“คือเรารู้จักกันอ่ะ แล้วก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรกันก็เป็นมารยาททางสังคมป่าวที่จะทักคนรู้จัก”

“ฟ้าเมื่อไหร่จะเข้าใจชั้นคือชั้นกับพี่เมฆไม่ได้โกรธไรกันก็จริงแต่ชั้นไม่ชอบพี่เขาชอบให้ความหวังฟ้าไปเรื่อยๆแบบนี้”

“อุษา! จริงๆไม่ได้เป็นแบบที่อุษาคิดนะ”

“ทำไมเรียกเสียงดังด้วยไม่ได้หูหนวกนะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดแต่เป็นมากกว่านั้นใช่ป่าว”

ปลายฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า

“ช่างเถอะ”

ระหว่างทางเดินนั้นมีแสงแดดส่องรอดหลังคาทางเดินมากระทบกับสร้อยข้อมือของอุษาวดีแสงระยิบระยับเข้าตาปลายฟ้า

“เฮ้ย! ว่าจะทักตั้งแต่ในคลาสแล้วใส่สร้อยข้อมือด้วยขนาดนาฬิกายังก็ไม่ใส่บอกว่ารำคาญเหมือนมีอะไรมาเกาะที่ข้อมือแล้วนี่ใส่สร้อยข้อสะสวยหวานขนาดนี้คืออะไร”

อุษาวดียื่นมือให้ปลายฟ้าดูสร้อยข้อมือและปลายฟ้าได้จับแล้วพูดว่า

“ดูใกล้ๆสวยมากเลยดูฝีมือการแกะสลักลวดลายสิละเอียดอ่อนช้อยสวยสุดเลย สรุปใครให้มา”

“ไม่บอก” อุษาวดีเดินอมยิ้มไปปลายฟ้าไม่เซ้าซี้เอาคำตอบจากเพื่อนเพราะรู้ดีว่าอีกไม่นานอุษาวดีก็จะเล่ามาเองปลายฟ้าเปลี่ยนมาคุยเรื่องที่อุษาวดีอดนอนว่า

“แล้วไปทำอะไรมาเหมือนคนอดนอนมาทั้งคืน เล่ามาเลย”

จากนั้นอุษาวดีก็เริ่มเล่าเรื่องที่เธอฝันเห็นธตรัฐภัทรนาคินทร์ เมื่อเล่าจบปลายฟ้าก็บอกเพื่อนรักว่า

“ฟ้าว่าอาจจะเพราะเครียดอ่ะมีเรื่องคิดมากใช่ป่าวเพราะส่วนมากความฝันของคนเรามักจะมาจากความวิตกกังวลเป็นส่วนมาก จะไปหาจิตแพทย์มั้ยเดี๋ยวบอกเพื่อนชั้นให้นัดให้ลองไปคุยดู จะได้ไม่ต้องอดนอนและจะได้ไม่มานั่งหลับในห้องแบบนี้”

“อืม...ก็ได้” อุษาวดีรับปากเพื่อน แต่ในใจเธอยังคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าจะใช่แค่ฝันธรรมดาที่สำคัญเธอยังไม่ได้เล่าเรื่องสร้อยข้อมือที่เธอใส่ว่ามีที่มาอย่างไรถ้าเล่าไปปลายฟ้าต้องพาเธอไปหาจิตแพทย์ภายในวันนี้แน่นอน

อุษาวดีและปลายฟ้าแยกจากกันตรงหน้าห้องเรียนที่จะสอน เมื่ออุษาวดีเข้ามาในห้องเรียนที่เป็นห้องเรียนขนาดใหญ่น่าจะจุคนได้ไม่น่าจะเกิน 200 คน เป็นห้องเรียนที่มีที่นั่งของนักศึกษาเป็นแบบสโลปเหมือนโรงภาพยนตร์ เพราะวิชาที่อุษาวดีสอนเป็นวิชาพื้นฐานที่นักศึกษาป.ตรีชั้นปีที่1 ต้องเรียนทุกคน

อุษาวดีนั่งอ่านบทความที่เกี่ยวกับความฝันเพื่อรอนักศึกษาที่ทยอยเดินเข้ามานั่ง เมื่ออุษาวดีคิดถึงหน้าของธตรัฐภัทรนาคินทร์ เธอก็รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นยิ่งคิดถึงตอนที่เขาจุมพิตที่มือของเธอช่างเป็นความรู้สึกที่ละมุนอ่อนโยนริมฝีปากของเขานั้นยังนุ่มและอุ่นเช่นเดียวกับมนุษย์และเธอเองยังรู้สึกหลงไปกับรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขาอีกด้วย ธตรัฐภัทรนาคินทร์ที่เฝ้าติดตามอุษาวดีทุกฝีก้าวขณะนี้เขาก็ได้รู้ความคิดของเธอเขาอยากจะปรากฏตัวเพื่อบอกเธอ ว่า

‘อยากให้เธอมีสติรู้ตัวตลอดเวลาเพื่อที่จะคอยยั้งคิดไว้ไม่ให้มันเลยเถิดไปเรื่อยๆตามแต่กิเลสไปไม่เช่นนั้นเธอจะต้องการอยากเจอเขาและความอยากยิ่งจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นทุกข์ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นและเขาก็รู้ว่าการฝึกจิตให้รู้เท่าทันความคิดนั้นไม่ได้เป็นเรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากมาก’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel