5
‘เตียงนุ่มๆ กลิ่นลาเวนเดอร์หอมๆจากปลอกหมอนผ้าห่ม เปิดแอร์เย็นๆ’
อุษาวดีคิดถึงบรรยากาศในห้องนอนของเธอหลังจากสอนเสร็จแล้ว เธอเองอยากจะพุ่งตัวถึงเตียงในห้องนอนที่คอนโดเลยทันทีหากทำได้ อุษาวดีเดินไปที่ลานจอดรถระหว่างทางเดินก็เห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 7 ขวบ ผมยาวถักเปีย ตัวกลมๆ เหมือนว่ากำลังแผลงฤทธิ์โวยวายอยู่ อุษาวดีคิดในใจว่า
‘ตัวเท่านี้แซ่บน่าดู’
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ๆก็ยิ่งคุ้นตากับท่าทางของชายหนุ่มและเด็กผู้หญิง ส่วนธันวาหันมาพอดีเห็นอุษาวดีกำลังเดินมาทางที่ตนกับหลานสาวยืนอยู่ เขาไม่รอช้าที่จะเรียกอุษาวดีว่า
“อุษา อุษา ครับ” ธันวาร้องเรียกอุษาวดีพร้อมกับโบกมือ
อุษาวดีสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วคิดว่า
‘ที่ลานจอดรถตอนเช้าก็เรียกป้า ตอนนี้ก็ไม่มีมารยาทตามเคยเรียกชื่อเฉยๆ’
อุษาวดีหยุดคุยกับธันวาพร้อมกับยิ้มให้สาวน้อยที่เธอคุ้นเคยอยู่แล้วซึ่งเป็นหลานสาวคนเดียวของอาจารย์เอื้องเดือนอาจารย์ที่ปรึกษาthesisของเธอนั่นเอง อุษาวดีแปลกใจไม่น้อยทำไมถึงมาอยู่กับธันวาได้
“อ้าว! เราเจอกันอีกแล้วนะคะแม่สาวน้อยดูท่าทางน่าจะโกรธอยู่นะเนี่ย” อุษาวดีทักทายเด็กผู้หญิงที่กำลังยืนทะเลาะกับธันวา
“อุษา ครับรู้จักกันก็ดีครับ ช่วยบอกเอญ่าด้วยครับว่าผมจะพาไปกินไอศกรีมก็ไม่ยอมไป”
“ก้อ อากู๋ ธัน” เด็กผู้หญิงหันมาคุยกับอุษาวดีที่ดูท่าทางเป็นมิตรมากกว่าอากู๋ในขณะนี้แล้วก็คุยกับอุษาวดีต่อว่า
“พี่อุษารู้จักกับอากู๋ธันด้วยหราค่ะ”
“ค่ะ ว่าแต่สาวน้อยของพี่เป็นอะไรไปค่ะ”
“ก็อากู๋ธันโกหก เมื่อวานบอกจะซื้อเม้าส์ให้ก็ซื้อแต่หัวเม้าส์ให้ค่ะ” เอญ่าหลานสาวอาจารย์เอื้องเดือนก็รีบฟ้องพฤติกรรมของธันวาให้อุษาวดีรู้
“อะไรคือเม้าส์ค่ะ”
“ก็ตุ๊กตามินนี่เม้าส์ที่เอญ่าอยากได้ครับแล้วผมซื้อแบบหมอนที่มีแต่หัวมาให้เอญ่าอยากได้แบบที่มีตัวด้วย เพิ่งรู้ว่าอุษากับเอญ่ามาจากดาวดวงเดียวกันครับดูคุยกันรู้เรื่อง” ธันวาพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้อุษาวดีแต่อุษาวดีมองค้อนตาขวางไปที่ธันวาแล้วพูดว่า
“คุณก็ลงจากยาน(อวกาศ)คุณมาคุยสิค่ะจะได้เข้าใจ”
“กวนเป็นด้วยนะครับ”
“แล้วคุณจะพาหลานคุณไปทำไมในเมื่อน้องเขาไม่อยากไป”
“เอญ่าครับ อากู๋ขอคุยกับพี่อุษาแป๊บนะครับ”
ธันวาพูดจบก็เตะที่ข้อศอกของอุษาวดีเพื่อให้เดินออกห่างจากเอญ่าแล้วเล่าให้อุษาวดีฟังถึงเรื่องของพ่อแม่เอญ่าตอนนี้มีปัญหาไม่เข้าใจกันและแยกกันอยู่แต่ไม่อยากจะให้เอญ่ารู้และที่สำคัญวันนี้ก็ไม่อยากให้คุณแม่ของเอญ่าซึ่งก็คือพี่สาวของธันวารู้ว่าพาเอญ่ามาหาคุณพ่อ
“ก็อธิบายไปตรงๆดีกว่ามั้ยอ่ะ”
“คือมีเรื่องมากกว่านั้นครับ เราอาจจะไม่รู้ความจริงที่มีหลายมุมนะครับ”
“ตามใจคุณ จัดการเองแล้วกัน”
อุษาวดีเลิกสนใจธันวาและเดินมาคุยกับเอญ่าสาวน้อยที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
“เอญ่าค่ะ อากู๋ธันของหนูจะพาไปกินไอติมกับคุณพ่อก่อนนะคะ”
ธันวายืนฟังอยู่ข้างๆเอญ่าหลานสาวและเขารู้สึกว่าอุษาวดีเวลาที่ไม่โมโหเอาแต่ใจก็น่ารักยิ่งเวลาคุยกับเด็กแล้วเธอก็มีมุมที่อ่อนโยนด้วย
“เอญ่า อยากรอหม่าม้าแล้วไปพร้อมกันได้มั้ยค่ะ”
อุษาวดีมองหน้าธันวาแล้วเขาก็ส่ายหน้าซึ่งเป็นคำตอบให้อุษาวดีปฏิเสธเอญ่า
“ก็เดี๋ยวพี่อุษาไปกับเอญ่าแล้วก็อากู๋ธัน ส่วนหม่าม้าจะตามมาทีหลัง โอเค๊ แล้วพี่อุษาขอรับรองว่าพี่อุษากับอากู๋ธันจะหาเม้าส์ที่เอญ่าอยากได้มาให้แน่นอนค่ะ”
เอญ่าเลิกงอแงเมื่ออุษาวดีรับปากจะหาซื้อตุ๊กตาตัวใหม่มาให้และยอมเดินไปหาคุณพ่อที่มิตติ้งมอลล์ข้างมหาวิทยาลัยโดยมีธันวาและอุษาวดีเดินจับมือคนละข้างไป
เมื่อมาถึงมิตติ้งมอลล์ซึ่งขนาดไม่ใหญ่มากลักษณะอาคารเป็นรูปวงกลมสองชั้นตรงกลางเป็นสนามหญ้าเทียมและเครื่องเล่นของเด็กๆมีเด็กๆวิ่งเล่นอยู่ประมาณเกือบสิบคน รอบๆสนามเป็นเก้าอี้ที่ผู้ปกครองนั่งรออยู่ ส่วนร้านไอศกรีมอยู่ตรงโซนตรงกลางเมื่อเข้าไปในร้านก็เจอชายหนุ่มวัยกลางคน ร่างท้วมผิวขาว ใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ ท่าทางใจดี โบกมือให้ธันวา อุษาวดีพอจะเดาออกว่าต้องเป็นพ่อของน้องเอญ่าแน่นอน
“สวัสดีครับพี่เจษ” ธันวายกมือไหว้ อุษาวดีก็ยกมือไหว้ตาม
“ป๊ะป๋า” เอญ่าเรียกพร้อมกับเข้าไปกอดคุณพ่อ
“คิดถึงเอญ่ามากครับ”
อุษาวดีกับธันวาต่างก็ยิ้มเมื่อเห็นพ่อลูกเจอกัน ตอนนี้อุษาวดีไม่ได้โกรธธันวาเหมือนตอนเช้าแล้วเธอจึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไปจนธันวาสังเกตได้ แล้วธันวาก็พูดกับพี่เจษว่า
“เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงผมมารับนะครับพี่”
“ขอบใจมาก ธัน” พี่เจษ ตบไหล่ธันวาเบาๆ ธันวาจับแขนพาอุษาวดีเดินออกมาจากร้านระหว่างทางเดินธันวาเล่าให้ฟังว่า
“ เอญ่า เป็นลูกพี่สาวผมกับพี่เจษ ครับ พี่เจษเป็นน้องชายอาจารย์เอื้องดาว แล้วพี่สาวผมกับพี่เจษเขามีปัญหากัน เจ่เจ้ เอ่อ!พี่สาวของผมอ่ะครับไม่ยอมให้พี่เจษมาเจอเอญ่าเลยเห็นบอกว่าไม่ให้ไปส่งที่โรงเรียนแล้ว คนที่น่าสงสารสุดคงเอญ่าที่ยังไม่รู้ รู้แค่ว่าพ่อกลับบ้านดึกแล้วมาเจอตอนเช้าที่พี่เจษมารับเพื่อพามาส่งที่โรงเรียน”
อุษาวดีฟังเรื่องของเอญ่าแล้วเธออยากจะถามธันวาเหลือเกินว่าเกิดปัญหาอะไรกันถึงกับต้องเลิกดูท่าทางพี่เจษไม่น่าจะเป็นคนเจ้าชู้ อุษาวดีคิดกลับไปกลับมาสรุปแล้วเธอก็ไม่กล้าถาม แถมทั้งในใจยังรู้สึกสงสารเอญ่าจับใจเพราะถ้าเลิกกันจริงๆเอญ่าอาจจะต้องใช้เวลาทำใจที่เคยใช้ชีวิตอยู่แบบมีพ่อแม่ลูกแล้ววันหนึ่งจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อุษาวดีคิดถึงตอนที่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่เสียทั้งคู่พร้อมกันเพราะเครื่องบินตกเธอก็เสียใจแอบร้องไห้ทุกคืนจนกระทั่งตอนนี้ ธันวาเห็นอุษาวดีเงียบไปก็กังวลใจว่าจะพูดอะไรผิดไปอีก
“อุษา อยากกินไรมั้ยครับ”
“ไม่อ่ะ กลับเลยดีกว่า”
“งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งครับ”
“ไม่ต้องค่ะ”
“ผมอยากไปส่งถึงงัยก็ไม่มีไรทำอยู่แล้วครับ”
“ไม่กลับไปทำงานที่ร้านหรา”
“ไม่ดีกว่าครับเดี๋ยวเจอเจ่เจ้”
“หราทำไมอ่ะ”
“ก็เดี๋ยวผมก็โดนด่าสิครับ”
“แล้วที่ทำอยู่ไม่โดนด่าหรา”
“ผมว่าพี่เจษมีสิทธิที่จะเจอลูกเมื่อไหร่ก็ได้มั้ยที่สำคัญเจ่เจ้ก็ทะเลาะกับพี่เจษไม่ได้เกี่ยวกับเอญ่านี่ครับ”
“นายคิดอะไรแบบนี้ได้ด้วยหราไม่น่าเชื่อ”
“แล้วคิดว่าผมเป็นไงครับ”
“ก็คิดว่า... ไม่บอกดีกว่า ทำไมต้องบอกด้วย”
อุษาวดีไม่ตอบอะไรนอกจากเดินไปแบบเงียบๆแล้วธันวาก็เดินอยู่ข้างๆระหว่างทางที่เดินมา ธันวาก็เจอเมษาพี่สาวที่กำลังดูของอยู่หน้าร้านกาแฟ ทำให้ธันวาจับแขนอุษาวดีหันกลับอย่างรวดเร็วทำให้อุษาวดีเสียจังหวะการทรงตัวจนทำให้รองเท้าข้างซ้ายสะดุดจนทำส้นสูงพลิกให้อุษาวดีเกือบจะล้มแต่ธันวาใช้มืออีกข้างพยุงขึ้นมา นาทีนี้อุษาวดีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรู้สึกตัวอีกครั้งก็อยู่ในอ้อมแขนของธันวาแล้วรู้สึกว่าเจ็บที่ข้อเท้าจนแทบน้ำตาร่วง มือที่ใหญ่และหนานุ่มมาจับมืออุษาวดีค่อนข้างแน่นแล้วลากอุษาวดีเดินต่อไป แต่อุษาวดีดึงมือไว้เพราะรู้สึกว่าเดินต่อไปไม่ไหวแล้วข้อเท้าของเธอน่าจะแพลงและที่สำคัญเจ็บมาก เจ็บจนอุษาวดีอยากจะทรุดตัวลงนั่งแต่ธันวาก็ประคองเดินไปนั่งเก้าอี้ริมทางเดิน แค่อุษาวดีเดินไปไม่กี่ก้าวก็ยิ่งทำให้เธอเจ็บข้อเท้ามากขึ้น ธันวานั่งลงกับพื้นแล้วถอดรองเท้าส้นสูงของอุษาวดีออกแล้วจับข้อเท้าของเธอเบาๆ แล้วพูดว่า
“เจ็บมากมั้ยครับ” ธันวาถามอุษาวดีพร้อมกับสบตาเธอก็ได้คำตอบจากสีหน้าของเธอว่าคงจะเจ็บไม่น้อย
“ผมว่าไปเอกซ์เรย์ที่โรงพยาบาลในมหาลัยมั้ยครับ”
“อย่าเลยค่ะ คงแค่เท้าแพลงเฉยๆ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อยามาทาให้นะ รอแป๊บนะครับ”
อุษาวดีพยักหน้าและนั่งรอธันวา ธันวาเดินไปซื้อยาที่ร้านขายยาชั้นสอง ธตรัฐภัทรนาคินทร์ที่ตามอุษาวดีมาตลอดเวลาเขารู้สึกทรมานไม่น้อยเมื่ออุษาวดีต้องใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้อีกทั้งยังมาเจ็บตัวอีก เขาอยากจะช่วยให้เธอหายจากอาการเจ็บปวดเพราะเขารู้ว่าเธอเจ็บไม่น้อยขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือไปที่อุษาวดีนั้นเป็นจังหวะเดียวที่ท่านอาจารย์ได้ใช้แสงสีขาวพุ่งมากั้นไว้แล้วพูดว่า
“เจ้าอย่าได้เริ่มกรรมใหม่ขึ้นอีกเลย ให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติและสิ่งที่ควรจะเป็นและเจ้าก็รู้ว่าบางอย่างทำอะไรไม่ได้นอกจากการรอหรือปล่อยไป”
“ข้าพเจ้าเพียงจะทำให้นางเจ็บน้อยลงไม่ได้ทำให้อะไรๆเปลี่ยนไปเลย”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ควรเป็นผู้ที่มองดูเท่านั้น และหากเจ้าสามารถปล่อยวางกิเลสแห่งรักได้จะเป็นผลดีกับเจ้า เพียงแค่ทุกข์ใจในตอนแรกเท่านั้นเองหลังจากที่ปล่อยวางแล้วก็เหมือนกระเทาะเปลือกแห่งจิตออกแล้วจิตจะบริสุทธิ์”
เมื่ออาจารย์ของธตรัฐภัทรนาคินทร์พูดจบเขาก็เหมือนจะรับรู้แล้วหายแวปตามอาจารย์ไป ทั้งที่ยังห่วงใยอุษาวดีอยู่แต่จำต้องจากไป เขารู้ซึ้งถึงความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นในจิตและก็พยายามรับรู้มองดูเท่านั้นแต่ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่งนัก’
ธันวาที่เดินไปซื้อยาโดยเดินเลี่ยงร้านที่เมษาดูของอยู่ แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นตอนที่เขาออกจากร้านขายยาเดินผ่านห้องน้ำผู้หญิงก็มีเสียงเรียกชื่อเขา
“ธัน ธัน อ้าว! แล้วเอญ่าล่ะ”
ธันวาคิดว่า ‘ไหนๆก็มาถึงขนาดนี้แล้วและไม่อยากจะโกหกก็เลยเล่าความจริงให้พี่สาวฟังทุกอย่าง’ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ธันวาคาดไว้คือถูกทั้งด่าทั้งว่ามาตลอดทางที่เดินมาหาอุษาวดี พอเมษาเจออุษาวดีนั่งรอที่ม้านั่งยาวริมสนามหญ้าเทียมก็คิดว่าอุษาวดีน่าจะเป็นหญิงสาวที่ธันวาหลงจนไม่ยอมกลับไปเรียนที่อังกฤษแต่เลือกที่จะเรียนที่ไทยแทน คนทั้งบ้านรวมทั้งเธอก็ไม่เคยมีใครเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมีแต่ตั้งข้อสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะผู้หญิง
“นี่! เจ่เจ้เม ครับ อุษาครับ”
อุษาวดียกมือไหว้พร้อมกับยิ้มให้เมษาหญิงวัยกลางคนผิวขาวรูปร่างหน้าตาสะสวย เมษารับไหว้พร้อมกับมองอุษาวดีด้วยความแปลกใจเพราะอุษาวดีไม่ใช่ผู้หญิงแนวที่ธันวาชอบ
“อุษาไม่เกี่ยวอะไรครับ”
“แหม! ไม่ทันไรก็แก้ตัวแทนกันแล้วยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
“จริง ครับแล้วนี่อุษาก็เท้าแพลงด้วยเดี๋ยวผมจะทายาให้ก่อนนะครับ เจ่เจ้จะนั่งตรงนี้หรือว่าไปที่ร้านไอติมก่อน”
“ไม่อ่ะ นั่งรอตรงนี้ดีกว่า”
เมษานั่งลงข้างกับอุษาวดีซึ่งเธอขยับให้เมษานั่งด้วย เมษาไม่อยากจะไปเจอเจษเพราะกลัวว่าตัวเองจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ทะเลาะกันต่อหน้าลูก ธันวาลงไปนั่งกับพื้นเพื่อทายาและเอาผ้าพันแก้เคล็ดให้อุษาวดีอย่างทะนุถนอมซึ่งการกระทำของธันวาอยู่ในสายตาของเมษาพี่สาวตลอดเวลาทำให้เมษาอยากรู้จักอุษาวดีว่าเป็นใครขึ้นมาทันที
“ดีขึ้นมั้ยครับพอจะเดินไหวไหมครับ”
ธันวาพูดพร้อมกับเอารองเท้าแตะออกจากถุงมาให้อุษาวดีใส่แทนรองเท้าส้นสูง อุษาวดีรู้สึกซาบซึ้งที่ธันวาช่วยดูแลเธอเป็นอย่างดีแต่ก็คิดว่าเพราะเขาทำให้เธอต้องเจ็บแบบนี้เขาอาจจะเป็นคนดีที่ต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง เธอไม่ควรจะซาบซึ่งอะไรแบบนั้น อุษาวดีเริ่มที่จะมองธันวาในแง่ดีกว่าตอนเช้าขึ้นมาบ้างที่เขาขับรถสวนเลนมาแย่งที่จอดรถของเธอ
