บทที่2 [นามของข้าคือ ลี่หลิน]
ราชวงศ์หมิง...
ไป๋ลี่หลิน หญิงสาวน่ารักวัยสิบเจ็ดปี ผู้เป็นเจ้าของดวงตาคู่หมอง แม้จะมีใบหน้าที่งดงามเพียงใด แต่กลับไม่เคยมีผู้ใดมีโอกาสที่จะได้เห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของนางเลยสักครั้ง
โฉมสะคราญล่มเมืองผู้นี้ แท้จริงแล้วตัวนางมีนิสัยเช่นไร เหตุใดในช่วงสองปีมานี้ บนใบหน้าของนางถึงไม่มีรอยยิ้มที่แสนสดใสปรากฏออกมาให้ผู้คนได้เชยชมอีกครั้ง
“ลี่หลิน เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้า สัญญาเรื่องการหมั้นหมายระหว่างเรา ให้มันสิ้นสุดกันเพียงเท่านี้เถิด” ชิงชางเอ่ยบอกเลิกคู่หมาย ซึ่งก็คือลี่หลิน โดยที่เขาไม่กล้าที่จะหันมามองหน้าของนางเลยแม้แต่น้อย
“ที่ท่านกล่าวเช่นนี้ เป็นเพราะนางที่ยืนอยู่ข้างกายท่านใช่หรือไม่” ลี่หลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดและความเคียดแค้นคนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้านางในยามนี้อย่างไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป
แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้เอ่ยเหตุผลที่แท้จริงออกมา แต่ลี่หลินก็เข้าใจถึงเจตนาของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหนิงเอ๋อ แต่เป็นเพราะข้าที่ไม่อาจแต่งกับเจ้าได้แล้ว” ชิงชางกล่าวพลางแสดงท่าทีปกป้องคนรักใหม่อย่างชัดเจน อีกทั้งยังเรียกหนิงอันด้วยความสนิทสนมอีกด้วย
“ท่านหมั้นหมายข้ามานานถึงห้าปี ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมานี้ท่านมีโอกาสบอกประโยคนี้แก่ข้าตั้งกี่ครั้ง เหตุใดถึงปล่อยให้ล่วงเลยมานานจนป่านนี้” แม้จะรู้ดีว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ มีความเป็นมาเช่นไร แต่ลี่หลินก็ยังอยากที่จะได้ฟังความจริงจากชายผู้นี้อีกสักครั้ง
ความรู้สึกของลี่หลินในตอนนี้ นอกจากความเสียใจแล้ว สิ่งที่มีอยู่เต็มอกของนางนั้นก็คือความผิดหวังที่เกิดจากคนรักหักหลัง คนหนึ่งคือคนรัก ส่วนอีกคนก็คือลูกพี่ลูกน้องที่นางเคยรักและได้มอบความจริงใจให้ไปไม่น้อย บัดนี้ลี่หลินล้วนรู้ซึ้งแล้วว่า ความจริงใจของนางนั้น สำหรับพวกเขาทั้งสองแล้ว ช่างไร้ค่ามากเพียงใด
“ข้าขอโทษ” ชิงชางเอ่ยขอโทษ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ตนนั้นเคยมีใจให้ลี่หลินจริง เพียงแต่ตอนนี้นางไม่เป็นหญิงสาวคนเดียวที่เขารักอีกต่อไปแล้ว
“คำขอโทษของท่านนั้นมีค่ามากมายเพียงใดกัน สามารถเรียกคืนวันเวลาที่ข้าสูญไปอย่างไร้ค่านั้นได้หรือไม่” ลี่หลินไม่ได้นึกเสียดายในตัวชิงชางเลยแม้แต่น้อย หากแต่นึกเสียดาย ที่อดีตนางเคยรู้สึกดีกับบุรุษที่มีนิสัยน่ารังเกียจเช่นนี้
“ท่านพี่ ความจริงเป็นข้าที่ผิดไปแล้ว ถึงจะอย่างไรท่านก็ใจเย็นลงสักนิดเถิด เรื่องนี้คุณชายจางเองก็ลำบากใจ หากแต่เรื่องนี้ผู้ใหญ่ล้วนเป็นผู้กำหนด” หนิงอันญาติผู้น้องของลี่หลิน หรือจะอีกตำแหน่งที่นางเพิ่งคว้ามาได้ก็คือหญิงคนรักใหม่ของชิงชาง ซึ่งนางก็ได้กล่าวเพื่อปกป้องคนรักอย่างสุดกำลัง
“หุบปาก ข้าไม่ได้ถามเจ้าอย่าได้พูดสอด” ลี่หลินหันไปต่อว่าอีกฝ่ายทันที โดยไม่คิดที่จะเก็บอาการไม่พอใจไว้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นสีหน้าที่แสร้งทำเป็นอ่อนแอเช่นนี้ของหนิงอัน ลี่หลินก็ยิ่งรู้สึกขวางหูขวางตามากขึ้นเท่านั้น
ลี่หลินคิดว่าในอดีตเป็นตัวนางที่มีดวงตามืดบอด จึงได้เผลอคิดไปว่า ใบหน้าที่ดูอ่อนหวานและกิริยาท่าทางที่ดูอ่อนแอของหนิงอันนี้น่าปกป้องเพียงใด หากแต่ความเป็นจริงแล้ว หนิงอันก็เป็นเพียงหญิงสาวที่มากด้วยเล่ห์เหลี่ยมและมารยาก็เท่านั้น
“เหตุใดเจ้าต้องต่อว่าหนิงเอ๋อถึงเพียงนี้ ถึงจะอย่างไร นางก็นับได้ว่าเป็นน้องสาวหรือญาติผู้น้องของเจ้าคนหนึ่ง” ชิงชางรีบกล่าวต่อว่าลี่หลินทันที เมื่อเขาเห็นว่าลี่หลินนั้นขึ้นเสียงต่อว่าหนิงอันด้วยถ้อยคำที่ไม่น่าฟังสักเท่าไร
“ปกป้องกันดีนัก ข้าต้องขอบคุณนางด้วยหรือไม่ ที่วันนี้นางได้ทำให้ข้านั้นตาสว่างขึ้นมาสักที” ลี่หลินไม่ชื่นชอบในความลำเอียงอย่างชัดเจนของชิงชางก็ส่วนหนึ่ง ไม่ชอบในการเสแสร้งแกล้งทำของหนิงอันก็ส่วนหนึ่ง ยิ่งทั้งสองกำลังแสดงท่าทีที่รักใคร่และห่วงใยกันต่อหน้านางเช่นนี้ ลี่หลินก็ยิ่งไม่อาจทนข่มความไม่พอใจไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
“ลี่หลิน ให้เรื่องของเรามันจบแค่วันนี้ สิ่งดี ๆ ที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่มี ความจริงใจข้าเองก็มีให้เจ้าไม่น้อย เจ้าอย่าได้ทำให้มันเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตได้หรือไม่” ชิงชางพลางยกเรื่องราวในอดีตมาเป็นข้ออ้าง โดยที่เขาไม่ทันคิดเลยว่า อดีตที่ผ่านมานั้นจะนับว่ามีความจริงใจแฝงอยู่ได้อย่างไรกัน ในเมื่อตัวเขาแอบมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกับหนิงอันมานานแล้ว
“หึ ท่านกล่าวว่าสิ่งดี ๆ อย่างนั้นหรือ ชิงชาง ข้าขอถามท่านสักคำ ถ้าหากว่าที่ผ่านมามันดีจริง เรื่องเช่นนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น” ลี่หลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลนในถ้อยคำของอีกฝ่าย
“คุณชายจาง เดิมทีแล้วพวกท่านทั้งสองก็ครองรักกันมาก่อน แต่เป็นเพราะข้าที่ทำให้เส้นวาสนาของพวกท่านขาดลง เช่นนั้นแล้ว แม้จะเป็นเพียงอนุตัวข้าก็ยินดี ส่วนตำแหน่งฮูหยินของท่านนั้น ท่านก็ยกให้แก่ท่านพี่เถิด” หนิงอันกล่าวด้วยความรู้สึกผิด หากแต่ในถ้อยคำที่นางได้กล่าวออกมานั้น เห็นทีจะมีเพียงชิงชางเพียงเท่านั้นที่มองว่านางได้รู้สึกผิดดั่งเช่นถ้อยคำที่กล่าวออกมาจริง ๆ
คนอย่างหนิงอันนะหรือที่จะยอมเป็นเพียงอนุ โดยที่ชิงชางนั้นมีลี่หลินเป็นฮูหยินเอก
“เจ้าเพ้อฝันไปหรือไม่ ข้าไหนเลยจะลดกายไปใช้สามีร่วมกับเจ้า ช่างน่าสะอิดสะเอียน” ลี่หลินกล่าวพร้อมแสดงสีหน้ารังเกียจอย่างชัดเจน
“เช่นนั้น ตัวข้าก็ไม่อาจที่แต่งกับเจ้าได้แล้วเช่นกัน” ชิงชางรีบเอ่ยออกมาอย่างร้อนตัว ถ้าหากว่าลี่หลินยินยอมที่จะให้รับหนิงอันมาเป็นอนุ เขาก็คิดว่าตนเองก็ยินดีที่จะแต่งลี่หลินเป็นฮูหยินเอก เพราะถึงอย่างไร เขาเองก็ไม่ได้อยากที่จะเสียลี่หลินไปตั้งแต่ต้นแล้ว
ชิงชางนั้นคิดว่า ไม่ว่าจะอย่างไร สามีมีมากภรรยาก็ล้วนเป็นเรื่องปกติที่จวนอื่นก็มีกัน อีกทั้งเขาเองก็ยินดีที่จะดูแลพวกนางทั้งสองให้ดี ถ้าหากว่าลี่หลินใจกว้างมากกว่านี้
“แล้วข้าบอกหรือว่าจะแต่งให้ท่าน เชิญพวกเจ้าไปรักกันให้ไกล ๆ สายตาข้า ของหมั้นทั้งหลาย ข้าจะส่งกลับจวนของท่านโดยเร็ว นับต่อแต่นี้ อย่าได้มีสิ่งใดติดค้างกันอีก” ลี่หลินรู้ดี ที่อีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้เพราะเห็นแก่ทรัพย์สินเดิมของนาง เพราะถ้าหากเขามีความจริงใจให้แก่นางสักนิด เรื่องราวต่างๆคงไม่เดินทางมาถึงจุดจบที่น่ารังเกียจเช่นนี้
