บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 เอ่ยคำลา

หลังจากกู้หว่านชิงกลับถึงจวน นางยังมิได้ไปยังเรือนพัก หากแต่ก้าวตรงไปยังห้องครัวแทน อีกเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็จะล่วงเข้าสู่ยามค่ำ นางยังเป็นห่วงมารดาของไป๋เสวียน รวมถึงน้องสาวของเขาที่นางต้องคอยแวะเวียนไปดูแล

เสี่ยวลู่ติดตามนางราวกับเงา ส่วนพี่ชายหยางได้กลับไปยังเรือนของตนแล้ว ภายในเรือนเวลานี้จึงมีเพียงพวกนางกับสาวใช้ไม่กี่คน ซึ่งล้วนขะมักเขม้นทำหน้าที่ของตน

“คุณหนูจะทำอาหารเองอีกแล้วหรือเจ้าคะ?” เสี่ยวลู่เอ่ยเสียงเบา คล้ายจะค่อนขอดอยู่ในที นายสาวของนางทุ่มเททั้งแรงกายและทรัพย์สินให้คุณชายไป๋จนหมดสิ้น ไม่เคยเปิดโอกาสให้ชายใดเข้ามาดูแล นับแต่สองปีที่แล้ว คุณหนูของนางก็แวะเวียนเข้าครัวทำอาหารส่งไปยังจวนตระกูลไป๋แทบไม่เคยขาด

“ท่านป้าเพ่ยร่างกายไม่แข็งแรง เจ็บออดแอดมาหลายปีแล้ว เวลานี้คุณชายไป๋ไม่อยู่ ใครเล่าจะดูแลพวกนางสองแม่ลูก” กู้หว่านชิงตอบเสียงเรียบ แต่นัยน์ตากลับเจือความเป็นห่วงอยู่เต็มเปี่ยม

บิดาของไป๋เสวียนจากไปหลายปีก่อน ทิ้งให้ท่านป้าเพ่ยหลันต้องกลายเป็นหญิงหม้าย หาเลี้ยงลูกชายและลูกสาวเพียงลำพัง นางต้องทำงานรับจ้างเพื่อประทังชีวิต ความลำบากเช่นนี้... นางจะปล่อยให้มารดาของไป๋เสวียนอยู่อย่างทุกข์ยากได้อย่างไรกัน

ห้องครัวอบอวลด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของอาหารที่กำลังถูกปรุงอย่างพิถีพิถัน

กู้หว่านชิงถลกแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะลงมือหุงโจ๊กในหม้อดิน ใส่ข้าวสารลงไปในน้ำต้มเครื่องเทศที่เคี่ยวจนหอมกรุ่น ค่อย ๆ ใช้ทัพพีไม้คนให้เข้ากัน ไฟอ่อน ๆ ทำให้ข้าวค่อย ๆ เปื่อยนุ่ม กลายเป็นโจ๊กเนื้อเนียนละเอียด นางไม่ลืมเติมสมุนไพรบางชนิดที่ช่วยบำรุงร่างกายให้กับคนป่วย

ขณะเดียวกัน นางก็เตรียมไก่หมักน้ำผึ้งสำหรับไป๋หลิน เด็กสาวคนนั้นชมชอบอาหารจานนี้ยิ่งนัก หากไม่ได้กินเป็นเวลานานก็มักจะทำหน้าหงอย นางจึงคัดเลือกเนื้อไก่ส่วนที่ดีที่สุด หมักด้วยน้ำผึ้งและเครื่องปรุงสูตรพิเศษของตน ทิ้งไว้ให้ซึมซาบเข้าเนื้อ ก่อนจะลงทอดในกระทะจนส่งกลิ่นหอมหวน

“คุณหนู ให้ข้าช่วยทำจะดีกว่าเจ้าค่ะ มือของท่านไม่ควรต้องเปื้อนน้ำมันพวกนี้” เสี่ยวลู่พูดพลางมองนายสาวด้วยความเป็นห่วง

กู้หว่านชิงยิ้มบาง ๆ พลางพลิกไก่ให้สุกทั่วถึง “ข้าอยากทำด้วยตัวเอง ไป๋หลินจะได้ไม่บ่นว่ารสชาติเปลี่ยน”

เสี่ยวลู่ถอนหายใจเบา ๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเห็นคุณหนูของตนทุ่มเทเช่นนี้ นอกจากอาหารคาวแล้ว วันนี้กู้หว่านชิงยังตั้งใจทำขนมแป้งทอดราดน้ำผึ้งสำหรับคนจวนไป๋ด้วย

นางนำแป้งที่ผสมอย่างดีลงทอดในน้ำมันร้อน ๆ จนฟูกลายเป็นสีเหลืองทองสวย จากนั้นจึงตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน ก่อนจะราดน้ำผึ้งหอมหวานลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย พอเห็นผลงานของตนเสร็จสมบูรณ์แบบ รอยยิ้มของกู้หว่านชิงจึงกว้างขึ้น “นี่ก็มากพอแล้ว หวังว่าท่านป้าน่าจะชอบ” นางกล่าวกับเสี่ยวลู่ พลางจัดเตรียมอาหารทั้งหมดให้เรียบร้อย

ในยามค่ำที่อากาศเริ่มเย็นลง โจ๊กอุ่น ๆ ไก่หมักน้ำผึ้งหอม ๆ และขนมแป้งทอดราดน้ำผึ้ง จะช่วยเติมเต็มความอบอุ่นให้กับจวนตระกูลไป๋… แม้เจ้าของเรือนจะไม่อยู่ แต่หัวใจของนางยังคงเฝ้าดูแลคนที่เขารักเช่นเดิม

ยามค่ำที่อากาศเย็นลง... หัวใจของนางยังคงเฝ้าดูแลคนที่เขารัก กู้หว่านชิงปิดฝาหม้อโจ๊ก พลางมองไก่หมักน้ำผึ้งที่จัดเรียงอย่างสวยงามในจานเคลือบลวดลายเรียบง่าย นางค่อย ๆ หยิบขนมแป้งทอดราดน้ำผึ้งใส่กล่องไม้ไผ่ที่บุด้วยผ้าเนื้อดี เพื่อรักษาความหอมหวานของมันเอาไว้

เสี่ยวลู่เร่งฝีเท้าเข้ามาพร้อมผ้าหนา นางรีบหยิบมันมาคลุมกล่องอาหารที่เตรียมไว้ “คุณหนูอากาศเย็นลงมากแล้ว ให้บ่าวนำไปส่งแทนเถิดเจ้าค่ะ”

กู้หว่านชิงส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่เป็นไร ข้าอยากไปด้วยตัวเอง”

เสี่ยวลู่เม้มปากแน่น นางรู้ดีว่าต่อให้พยายามห้ามแค่ไหน นายสาวของตนก็ไม่ฟังอยู่ดี เมื่อทุกอย่างพร้อม กู้หว่านชิงอุ้มกล่องอาหารขึ้นแล้วเดินออกจากห้องครัว ขึ้นรถม้าท้ายจวนและมุ่งหน้าไปยังเรือนของเพ่ยหลัน แม้เส้นทางจะคุ้นเคยเพียงใด แต่เวลานี้กลับให้ความรู้สึกเงียบเหงาอย่างประหลาด

เมื่อมาถึงเรือนเล็กที่ปลูกอยู่ถัดจากจวนตระกูลไป๋มาอีกสองลี้ นางเห็นเงาร่างหนึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ท่านป้าเพ่ยหลันกำลังเย็บปักบางอย่างใต้แสงตะเกียงสลัว แม้แววตาจะเต็มไปด้วยความอ่อนล้า แต่ริมฝีปากกลับแต้มรอยยิ้มบาง ๆ ขณะสนทนากับไป๋หลิน เด็กสาววัยสิบสองที่กำลังนั่งเหยียดขาพิงตักมารดา

เสียงหัวเราะใส ๆ ของไป๋หลินดังขึ้นเป็นระยะ นางกำลังบ่นเรื่องของเล่นที่เด็กในตลาดอวดกันเมื่อช่วงกลางวัน

กู้หว่านชิงยืนมองภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ท่านป้า ข้ามาเยี่ยมเจ้าค่ะ”

สองแม่ลูกหันมามอง ก่อนที่ไป๋หลินจะยิ้มกว้าง รีบวิ่งเข้ามาหานาง “พี่หว่านชิง!” ดวงตากลมโตของเด็กสาวเป็นประกายเมื่อเห็นกล่องในมือของนาง “พี่เอาอะไรมาให้ข้าหรือเจ้าคะ?”

กู้หว่านชิงหัวเราะเบา ๆ “ของที่เจ้าชอบที่สุดอย่างไรล่ะ”

“ไก่หมักน้ำผึ้งใช่หรือไม่!?” ไป๋หลินกระโดดตัวลอย ดวงหน้าจิ้มลิ้มเปล่งประกายด้วยความดีใจ นางรีบหันไปบอกมารดา “ท่านแม่ พี่หว่านชิงทำไก่หมักน้ำผึ้งให้ข้าอีกแล้ว! ข้ารู้ว่าพี่ต้องไม่ลืมแน่ ๆ!”

เพ่ยหลันเงยหน้าขึ้นมองกู้หว่านชิง สายตาของนางเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ “ลำบากเจ้าอีกแล้ว เจ้าเป็นถึงคุณหนูมีหน้ามีตาไม่น้อย ทุก ๆ วันเจ้าก็มักจะแวะเวียนนำอาหารของใช้อย่างอื่นมาให้ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างไรไหวกัน...”

กู้หว่านชิงส่ายหน้า ย่อตัวลงวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะไม้เล็ก ๆ “ไม่ใช่เรื่องลำบากเลยเจ้าค่ะ ข้าแค่ทำของง่าย ๆ ท่านป้าต้องกินให้มากหน่อยนะเจ้าคะ ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้นคุณชายไป๋จะได้ไม่เป็นห่วง”

ไป๋หลินตบมือเบา ๆ ด้วยความดีใจ รีบหยิบไก่หมักน้ำผึ้งขึ้นมา หยิบขนมแป้งทอดราดน้ำผึ้งออกมาดู “กลิ่นหอมจังเลย ข้ารู้ว่าเจ้านี่ต้องอร่อยแน่ ๆ!”

กู้หว่านชิงมองเด็กสาวที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา แล้วเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว นางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบศีรษะไป๋หลินเบา ๆ “ถ้าชอบ ข้าจะทำมาให้อีก”

เด็กสาวตัวเล็กผอมแห้งพยักหน้าหงึกหงัก พลางพูดด้วยน้ำเสียงสดใส “ข้ารู้ว่าพี่ต้องใจดีเช่นนี้เสมอ”

แต่แล้ว ท่านป้าเพ่ยหลันกลับถอนหายใจเบา ๆ สีหน้าของนางเคร่งขรึมลง

“ชิงเอ๋อร์...” นางนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรดี ข้ารู้ว่าเจ้ากับอาไป๋มีใจให้กัน แต่ฐานะของเรานั้นต่างกันนัก รอให้อาไป๋สอบได้ตำแหน่งในวังหลวงก่อนเถอะ ถึงตอนนั้น ข้าจะจัดงานแต่งให้สมเกียรติ เจ้าจะได้ไม่ต้องอับอายใคร”

กู้หว่านชิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะแค่นหัวเราะเบา ๆ ราวกับต้องการปัดเป่าความห่วงใยนั้นออกไป “ท่านป้า...” นางอายจนใบหน้าแดงก่ำราวผลอิงเถา

“อีกแค่ปีเดียวเท่านั้น รออีกเพียงปีเดียว เขาก็จะกลับมา ข้ารับรองว่า...สะใภ้ของข้าย่อมต้องเป็นเจ้าแน่นอน”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel