บทที่ 6 การเจรจาแต่งงาน (แบบทหาร)
บทที่ 6 การเจรจาแต่งงาน (แบบทหาร)
‘จิ้งจอกเฒ่า ในที่สุดก็เผยหางออกมาแล้ว’
“ฉันมีทางออกมาให้เธอ” หลี่เจี้ยนกั๋วกล่าวต่อ น้ำเสียงของเขาอ่อนลงราวกับกำลังเจรจาต่อรอง “ลูกชายของฉัน หลี่หู่ ก็ถึงวัยที่จะต้องมีครอบครัวแล้ว เขาเองก็ชื่นชมในตัวเธอที่เป็นคนมีการศึกษามาจากในเมือง ถ้าเธอยอมแต่งงานกับเขา...”
เขาหยุดเว้นจังหวะ ก่อนจะยื่นข้อเสนอที่หอมหวานที่สุดสำหรับคนในยุคนี้ “ฉันจะให้เธอทำงานง่าย ๆ ในร่ม ไม่ต้องออกไปตากแดดตากลม อย่างเช่นงานเสมียนที่สำนักงานนี่ก็ได้ และที่สำคัญ ฉันจะให้คะแนนงานเธอเต็มสิบคะแนนทุกวัน! เท่ากับผู้ชายที่แข็งแรงที่สุดในคอมมูน! สิ้นปีเธอจะมีอาหารเหลือเฟือจนกินไม่หมด! เป็นยังไงล่ะ? ข้อเสนอนี้ดีพอไหม?”
นี่ไม่ใช่การสู่ขอ แต่เป็นการบีบบังคับที่แนบเนียนที่สุด มันคือการยื่นทางรอดที่เคลือบด้วยยาพิษ แต่งงานกับหลี่หู่... จากความทรงจำของสวี่จิ้งอีทำให้เธอได้รับรู้ว่า เขาเป็นไอ้สารเลวที่ไม่ทำงานทำการ วัน ๆ เอาแต่หาเรื่องชาวบ้าน รีดไถของจากคนที่อ่อนแอกว่า และมีสายตาหื่นกระหายทุกครั้งที่มองมาที่เธอ นั่นไม่ต่างอะไรกับการกระโดดลงไปในนรกทั้งเป็น สวี่จิ้งอีคนก่อนอาจจะหวาดกลัวจนตัวสั่นและทำอะไรไม่ถูก แต่สวี่จิ้งอีคนปัจจุบันกลับสงบนิ่งจนน่ากลัว เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังครุ่นคิดพิจารณาข้อเสนออย่างจริงจัง
หลี่เจี้ยนกั๋วมองท่าทีนั้นด้วยความพึงพอใจ เขาคิดว่าเหยื่อติดกับแล้ว ไม่มีผู้หญิงคนไหนในคอมมูนนี้ที่จะปฏิเสธเงื่อนไขที่ดีขนาดนี้ได้ และสวี่จิ้งอีที่อ่อนแอบอบบางขนาดนี้ย่อมต้องตกลงอย่างแน่นอน
“ว่ายังไงล่ะ? ตกลงไหม? แค่พยักหน้า เรื่องทะเบียนสมรสฉันจะจัดการให้พรุ่งนี้เลย”
สวี่จิ้งอีเงยหน้าขึ้น สบตากับเขาตรง ๆ ในแววตาของเธอไม่มีความลังเลหรือหวาดกลัว มีเพียงความเยือกเย็นที่อ่านไม่ออก
“ท่านหัวหน้าหลี่” เธอเปิดปากพูดช้า ๆ ชัด ๆ “ข้อเสนอของท่านดีมากจริง ๆ ค่ะ”
รอยยิ้มของหลี่เจี้ยนกั๋วกว้างขึ้น
“แต่ฉันคงรับไว้ไม่ได้”
รอยยิ้มนั้นแข็งค้างอยู่บนใบหน้าของเขาทันที
“ว่า... ว่าไงนะ?”
“ฉันบอกว่าฉันรับข้อเสนอของท่านไม่ได้ค่ะ” สวี่จิ้งอีทวนคำอย่างใจเย็น “ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีของท่าน แต่ฉันยังไม่คิดเรื่องแต่งงานในตอนนี้ อุดมการณ์ของฉันคือการอุทิศตนเพื่อสร้างสรรค์สังคมนิยมในชนบทให้แข็งแกร่งตามนโยบายของท่านผู้นำ”
เธอหยิบยกเอาอุดมการณ์ทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาเป็นโล่กำบังได้อย่างแนบเนียนและเฉียบคม! ใบหน้าของหลี่เจี้ยนกั๋วเปลี่ยนจากขาวเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาไม่เคยถูกใครปฏิเสธซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะจากเด็กสาวที่อยู่ในกำมือของเขา ปัง! เขาทุบโต๊ะเสียงดังลั่นจนถ้วยชาบนโต๊ะกระเด้ง
“สวี่จิ้งอี! อย่ามาทำเล่นตัวกับฉัน!” เขาตะคอกเสียงกร้าว “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่! ที่นี่คือคอมมูนชิงซาน! ไม่ใช่เมืองหลวงที่เธอเคยอยู่! ชีวิตของเธอจะอยู่รอดหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับคำพูดคำเดียวของฉัน!”
บรรยากาศในห้องพลันกดดันขึ้นถึงขีดสุด อากาศหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก
“ถ้าเธอไม่ตกลง ก็ดี!” เขายิ้มเหี้ยม “ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป งานของเธอคือไปขุดหินที่เหมืองหลังเขา! งานที่ผู้ชายอกสามศอกยังต้องร้องไห้! ฉันจะดูซิว่าร่างกายบอบบางอย่างเธอจะทนได้สักกี่น้ำ! ไม่ต้องพูดถึงคะแนนงานสิบคะแนน แค่ครึ่งคะแนนเธอก็อย่าหวังว่าจะได้!”
นี่คือการขู่ฆ่ากันทางอ้อมชัด ๆ การส่งผู้หญิงที่เพิ่งหายป่วยไปทำงานที่เหมืองหิน ก็ไม่ต่างอะไรกับการส่งไปตาย สวี่จิ้งอียังคงยืนนิ่ง แต่ในใจของเธอได้ตัดสินใจแล้ว ‘สถานการณ์บีบคั้นถึงที่สุด... ก็ต้องเดินหมากที่เสี่ยงที่สุด’
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบ ก่อนจะโค้งคำนับเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวก่อนนะคะ สหายจ้าวหมิ่นยังรออยู่”
พูดจบเธอก็หันหลังเดินออกจากห้องไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้หลี่เจี้ยนกั๋วได้พูดอะไรอีก
“แก... แก!!!” หลี่เจี้ยนกั๋วโกรธจนตัวสั่น ชี้ตามหลังเธอไป “ดี! ดีมาก! แล้วแกจะได้รู้ว่านรกมีจริง!”
สวี่จิ้งอีก้าวออกจากสำนักงานคอมมูน แสงแดดข้างนอกสว่างจ้าจนเธอต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ในใจของเธอกลับมืดมนยิ่งกว่าท้องฟ้าในคืนเดือนดับ เธอรู้ว่านี่คือการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการแล้ว หลี่เจี้ยนกั๋วจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อบีบให้เธอยอมจำนนหรือตายไปจากที่นี่ ทางเลือกของเธอเหลือน้อยเต็มที...
หนึ่ง ยอมจำนน แต่งงานกับหลี่หู่ แล้วใช้ชีวิตอยู่ในขุมนรก สอง ต่อสู้ ซึ่งเท่ากับเอาไข่ไปกระทบหิน สาม หาทางออกจากสถานการณ์นี้ด้วยวิธีที่ไม่มีใครคาดคิด
เธอกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ‘ในเมื่อทางตรงไปไม่ได้ ก็ต้องหาทางอ้อม’
สมองของเธอฉายภาพแผนที่ของหมู่บ้านชิงซานขึ้นมาอีกครั้ง บ้านแต่ละหลัง ครอบครัวแต่ละครอบครัว... แล้วสายตาในจินตนาการของเธอก็ไปหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง บ้านดินหลังที่ทรุดโทรมที่สุด เก่าแก่ที่สุด และถูกทอดทิ้งมากที่สุดในหมู่บ้าน มันตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ห่างไกลจากบ้านหลังอื่น ๆ ราวกับถูกเนรเทศ ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมบอกเธอว่า... นั่นคือบ้านของตระกูลลู่ ครอบครัวที่ถูกลืม ครอบครัวที่มีเพียงทหารปลดประจำการขาพิการ กับน้อง ๆ ที่กำลังจะอดตายอีกสองคน...
‘ลู่เฟิง...’
ความคิดของสวี่จิ้งอีคมกริบยิ่งกว่าใบมีด เธอวิเคราะห์สถานการณ์ด้วยความเร็วสูงสุด หลี่เจี้ยนกั๋วคือจิ้งจอกเฒ่า การขู่ส่งเธอไปเหมืองหิน นั่นคือไม้แข็งที่โจ่งแจ้ง แต่มันไม่ใช่ไพ่ตาย
สวี่จิ้งอีรู้ดีว่าไพ่ที่เลวร้ายที่สุดที่จิ้งจอกเฒ่าจะใช้คือชื่อเสียงของเธอ ในยุค 1975 นี้ ชื่อเสียงของสตรีบอบบางยิ่งกว่าปีกผีเสื้อ หลี่หู่ ลูกชายอันธพาลของเขา ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก แค่บังเอิญไปดักฉุดเธอในที่ลับตาคน แค่บังเอิญไปสร้างเรื่องอื้อฉาว แค่บังเอิญทำให้เธอด่างพร้อย เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้เธอไม่อยากแต่ง สังคมก็จะบีบให้เธอต้องแต่ง! เหมืองหินคือการฆ่าทางกาย แต่การทำลายชื่อเสียงคือการฆ่าทางสังคม
สวี่จิ้งอีคิดถึงครอบครัวในปักกิ่งที่ผลักไสเธอมา พวกเขาคือทางตัน เธอไม่มีใคร ไม่มีที่ให้หนี ไม่มีกองหนุน เธอคือ ทหารที่ถูกตัดขาดจากกองทัพ ต้องสู้รบตามลำพัง เธอกำหมัดแน่น การปฏิเสธหลี่เจี้ยนกั๋วไม่ใช่การจบเกม มันคือการเริ่มสงคราม และในสงครามนี้ ผู้หญิงตัวคนเดียวคือเป้าหมายที่ง่ายที่สุด ข้อสรุปผุดขึ้นในใจอย่างเยือกเย็นและชัดเจน เธอ 'ต้องแต่งงาน'
ในยุคนี้ ทะเบียนสมรสคือเกราะที่ถูกกฎหมายที่สุด คือสิ่งที่ประกาศว่าผู้หญิงคนนี้มีเจ้าของ และการแตะต้องเธอ คือการประกาศศึกกับสามีของเธอ ในเมื่ออย่างไรก็ต้องแต่งงาน เช่นนั้นเธอก็จะขอเป็นคนเลือกโซ่ตรวนเส้นนี้เอง เธอจะไม่เลือกขุมนรกอย่างหลี่หู่ เธอจะเลือกคนที่เธอควบคุมได้ ไม่สิ เธอจะเลือกคนที่เธอเจรจาด้วยได้
เธอไม่ได้ลำบากเรื่องอาหาร เธอมีมิติ เธอขาดแค่โล่กำบัง เธอต้องการพันธมิตร หุ้นส่วนทางธุรกิจที่ใช้ "ทะเบียนสมรส" เป็นสัญญา ความคิดของเธอพุ่งตรงไปยังเป้าหมายทันที 'ลู่เฟิง' เพราะอะไรถึงเลือกเขานะรึ! ก็เพราะว่าเขาเองก็เคยเป็นทหารเหมือนเธออย่างไรเล่า
สวี่จิ้งอีไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เธอไม่ได้เดินกลับไปยังกระท่อมจือชิง แต่เธอเปลี่ยนทิศทาง มุ่งหน้าไปยังท้ายหมู่บ้าน ที่นั่น บ้านดินหลังที่ทรุดโทรมที่สุดตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวราวกับถูกโลกทั้งใบตัดขาด เธอยืนอยู่หน้าประตูไม้ที่ผุพัง บานประตูที่แม้แต่จะปิดก็ยังปิดไม่สนิท กลิ่นของความยากจน ความอับชื้น และความสิ้นหวังลอยอวลออกมา นี่คือจุดที่ต่ำที่สุดของคอมมูนชิงซาน และมันคือโอกาสที่ดีที่สุดของเธอ
เธอสูดลมหายใจที่เย็นเฉียบเข้าปอด แล้วยกมือขึ้น
ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะของเธอดังขึ้นเบา ๆ แต่หนักแน่นในความเงียบงัน ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงเสียงเด็กกระซิบกันอย่างหวาดกลัวอยู่ข้างใน
"พี่ มีคนมา"
สวี่จิ้งอีเคาะอีกครั้ง คราวนี้ดังขึ้น ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"ใคร?" เสียงที่ตอบกลับมานั้นทุ้มต่ำ แหบพร่า และเต็มไปด้วยความระแวดระวัง มันคือเสียงของหมาป่าที่บาดเจ็บ ไม่ต้อนรับใครทั้งสิ้น ประตูไม้ถูกกระชากเปิดออก เสียงเอี๊ยดอ๊าดของมันบาดหู
ร่างสูงใหญ่ปรากฏขึ้น บดบังแสงสว่างจนหมดสิ้น ลู่เฟิง...
เขาเหมือนภูเขาที่ถูกทอดทิ้ง สูง แกร่ง แต่เต็มไปด้วยร่องรอยของพายุ เสื้อผ้าของเขาเก่าและซีดจางยิ่งกว่าใครในหมู่บ้าน ดวงตาของเขาคือสิ่งที่สวี่จิ้งอีจดจำได้จากความทรงจำเดิม มันคือดวงตาของทหารที่เคยเห็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน เย็นชา เด็ดขาด และตอนนี้ ว่างเปล่า
เขายืนพิงวงกบประตู ปิดบังน้อง ๆ สองคนที่ผอมแห้งจนแทบจะปลิวลมไว้ด้านหลัง เขามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาประเมินค่าอย่างไม่ปิดบัง
"จือชิง?"
"ฉันสวี่จิ้งอี" เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณ เป็นการส่วนตัว"
ลู่เฟิงไม่ขยับ "ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับพวกปัญญาชน" เขาไม่ชอบจือชิง พวกอ่อนแอที่เอาแต่คร่ำครวญ
"มันเกี่ยวกับชีวิตของฉัน และเกี่ยวกับชีวิตของน้อง ๆ คุณ"
คำพูดนั้นแทงทะลุเกราะป้องกันของเขา ดวงตาที่ว่างเปล่าของลู่เฟิง หรี่ลงอย่างอันตราย
"หมายความว่ายังไง?"
"หัวหน้าหลี่บังคับให้ฉันแต่งงานกับลูกชายเขา" สวี่จิ้งอีไม่อ้อมค้อม
ลู่เฟิงแค่นเสียง "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?" เขาปลดประจำการอย่างไม่สมเกียรติ เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของหัวหน้าหลี่
"ฉันต้องการทางออก" สวี่จิ้งอีสบตาเขาตรง ๆ ไม่มีความหวาดกลัว "และคุณ คือทางออกของฉัน ฉันขอเสนอ... แต่งงานกับฉัน"
ความเงียบ... เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของเด็กสองคนข้างหลัง ลู่เฟิงมองเธอราวกับเธอบ้าไปแล้ว
"เธอป่วยจนสมองกลับไปแล้วหรือไง?" เขาถามเสียงเย็น "แต่งงานกับฉัน? ทหารขาพิการที่ไม่มีแม้แต่คะแนนงานจะแลกข้าวต้ม? เธอคิดว่าฉันมีอะไรให้เธอ?"
"คุณมีในสิ่งที่ฉันต้องการ" สวี่จิ้งอีสวนกลับทันที "คุณมีสถานะ ทะเบียนสมรส ที่จะกันหลี่หูออกไปจากฉัน"
"แล้วเธอมีอะไรมาแลก?" ลู่เฟิงกอดอก กวาดสายตามองร่างผอมบางจนผมปลิวหัวจรดเท้า ไม่บอกก็รู้ว่าเขากำลังใช้สายตาประเมินสินค้า "ชีวิตของเธองั้นเหรอ? มันไม่มีค่าพอ"
นี่คือการเจรจาที่สวี่จิ้งอีถนัด เธอรู้ว่าไพ่ของเธอคืออะไร
"ฉันมีสองอย่างที่พวกคุณกำลังจะขาด" เธอชี้ไปที่เด็กสองคน "หนึ่ง! อาหาร ฉันทำให้น้อง ๆ คุณอิ่มท้องได้" เธอชี้ไปที่ขาของเขาที่พยายามซ่อนไว้ "และสอง... ฉันเป็นหมอ!!!"
*****กรี๊ด!!! น้องสวี่ช่างเท่ เดินมาเคาะประตูและบอกผู้ชายว่าให้แต่งงานกับตัวเอง…ไรท์อยากจะเอาอย่างจัง***
