ตอนที่5.รอยช้ำเล็กน้อย เดี๋ยวก็หาย
“คนอย่างเคอหลิ่งหลินนะรึจะหลงทาง”
หญิงสาวหัวเราะเสียงใส แต่ก็ขมวดคิ้วข่มความเจ็บแปลบที่แล่นผ่านผิวหนัง ชุนเอ๋อร์เป็นหญิงรับใช้ประจำตัวนางซึ่งอยู่รับใช้หญิงสาวมาหลายปี สังเกตเห็นอาการเจ็บปวดของผู้เป็นนายได้ชัด ก็คุณหนูของนางเหมือนคุณหนูบ้านอื่นที่ไหนกันเล่า
“คุณหนู หลังท่านมีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด” ชุนเอ๋อร์อุทานอย่างตกใจ
“ข้าอยากแช่น้ำอุ่นเสียหน่อย เจ้าไปรอข้างนอกก่อนเถิด ถ้าข้าเงียบไปนานค่อยเข้ามาดู” เพราะร่างกายแบกรับความเหนื่อยล้า นางจึงมักเผลอหลับในอ่างอาบน้ำเสมอ
“เจ้าค่ะ บ่าวจะหายามาทาให้นะเจ้าคะ”
เคอหลิ่งหลินได้แต่พยักหน้าแล้วจัดการสระผมที่เต็มไปด้วยฝุ่น นางอยากล้างกลิ่นคาวเลือดออกให้หมด ไม่ชอบเลยที่ต้องให้กระบี่เปื้อนเลือด แม้ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตแต่ก็บาดเจ็บกันไม่น้อย เมื่อชำระล้างคราบเหงื่อออกไปครั้งหนึ่งแล้วนางจึงลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำ และหลับตาลงอย่างอ่อนล้า
“หลิ่งหลิน”
เสียงทุ้มต่ำดังอยู่หน้าห้อง หญิงสาวลืมตาขึ้นยังไม่ทันขานรับอะไร บานประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของจ้าวจิ่นสือที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่เรียบร้อยแล้วเดินเข้ามา ดวงตาคมหรี่มองคนที่ยังแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ นางไม่ได้ขยับตัวแต่รู้ว่าสายตาของเขาต้องการมองเพียงแผ่นหลังของนาง
“รอยช้ำเล็กน้อย เดี๋ยวก็หาย”
“ฮืม...”
เคอหลิ่งหลินออกจะแปลกใจที่ได้ยินเสียงตอบรับเพียงแค่นั้น นางไม่ได้หันมาเผชิญหน้ากับเขาจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เพียงอึดใจร่างสูงก็หมุนตัวแล้วก้าวออกไปเป็นจังหวะเดียวกับที่ชุนเอ๋อร์วิ่งเข้ามาพอดี
“คุณชาย เอ่อ...”
ชุนเอ๋อร์ยอบกายลงอย่างน้อบนอม แต่อีกฝ่ายเพียงปรายตามองขวดยาในมือนางแล้วเดินออกมา หญิงรับใช้ไม่รู้ว่าคุณชายคิดอะไรอยู่แต่ตอนนี้นางรีบปิดประตูแล้วมาดูแลคุณหนูของนาง
“จิ่นสือออกไปแล้วใช่ไหม” ถามทั้งที่รู้แต่อยากได้ความมั่นใจมากกว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้ามาแบบนี้ เขาเพียงเป็นห่วงนางก็เท่านั้น
“เจ้าค่ะ”
“ช่วยข้าแต่งตัวหน่อยเถิด ข้าหิวจนหมดแรงแล้ว”
“ประเดี๋ยวบ่าวทายาให้คุณหนูก่อนนะเจ้าค่ะ”
ชุนเอ๋อร์มองผู้เป็นนายที่ขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ ปกติคุณหนูของนางทำอะไรเองไม่ค่อยให้นางปรนนิบัติ แต่คงเพราะคุณหนูอ่อนเพลียจริงๆ วันนี้นางถึงได้ช่วยคุณหนูแต่งตัว รวมทั้งทายาที่รอยช้ำด้านหลัง เคอหลิ่งหลินสวมชุดกระโปรงสีเขียวละมุนตา ผมยาวสลวยปักด้วยปิ่นหยกทำให้ดูงดงามยิ่งขึ้น แม้เครื่องหน้าจะไม่ได้ประทินโฉมอะไรแต่ก็งดงามอย่างพอดี
“เจ้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกัน” เคอหลิ่งหลินทำเสียงหงุดหงิด
“ก็คุณหนูของบ่าวงดงามนี่เจ้าค่ะ” ไม่บ่อยหรอกที่จะเห็นคุณหนูของนางแต่งกายงดงามสมเป็นบุตรีของแม่ทัพจ้าวนี่นะ ผิดกับคุณชายที่มักงามสง่าทุกเวลาอยู่เสมอ
“เอาเถอะ ข้าหิวแล้ว กินอิ่มท้องแล้วข้าจะกลับมานอนให้สำราญใจ”
ร่างงามพูดเขินๆ แล้วเดินออกไป แต่เพราะไม่คุ้นกับชุดสตรีงดงามเช่นนี้ นางเกือบเผลอเหยียบชายกระโปรงตัวเอง โชคดีที่ชุนเอ๋อร์ไหวตัวทันช่วยประคองคุณหนูได้ทันเวลา โธ่! ชุดสวยแต่คนใส่ซุ่มซ่ามไม่สมชุดเอาเสียเลย เคอหลิ่งหลินได้แต่บอกตัวเองแล้วยืดตัวตรงเดินด้วยท่วงท่างามสง่าแบบที่ชุนเอ๋อร์คอยแนะนำนางบ่อยๆ ปีนี้นางอายุยี่สิบแล้ว
นางไม่มั่นใจว่าตัวเองงามเพียบพร้อมพอจะเป็นที่รักของใครสักคนได้หรือไม่
หญิงสาวที่มักมีใบหน้าเรียบนิ่งดุจน้ำแข็งยามเมื่ออยู่สนามรบ ทว่าเวลานี้เคอหลิ่งหลินเผลอยิ้มเขินอายอย่างไม่รู้ตัว เพียงแค่คิดถึงบุรุษคนหนึ่งที่เคยให้คำสัญญากับนางไว้.
เพียงร่างงามระหงเดินเข้ามาในห้องก็เรียกสายตาของทุกคนให้หันไปมอง เคอหลิ่งหลินเดินอย่างสำรวมกิริยาไปนั่งที่โต๊ะซึ่งมีสำรับอาหารพรั่งพร้อม แม่ทัพจ้าวและฮูหยินส่งยิ้มให้อย่างโล่งใจที่เห็นลูกสาวบุญธรรมกลับมาด้วยร่างกายที่ไม่บุบสลาย ส่วนจ้าวจิ่นสือคีบเนื้อห่านย่างเข้าปากไม่รอให้นางมาถึงด้วยซ้ำ
“ขออภัยที่ทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่ต้องรอเจ้าค่ะ”
เคอหลิ่งหลินพูดน้ำเสียงเบาฟังดูอ่อนหวาน แต่ทำให้จ้าวจิ่นสือหัวเราะออกมา นางตวัดสายตามองพร้อมเม้มปากแน่นสะกดความไม่พอใจที่น้องชายต่างสายเลือดพยายามยั่วยุนาง
