ตอนที่18. หนทางนั้นมีแต่ลำบากนัก
“มีอะไรให้ข้าช่วยได้หรือไม่ ยาสมุนไพรที่ไหนข้าจะขึ้นเขาไปหามารักษาคุณชายเฉิน” นางพูดอย่างจริงใจ และเชื่อมั่นว่าเขาต้องกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“หนทางนั้นมีแต่ลำบากนัก” หมอมู่พูดเสียงเบาไม่ต้องการให้คนในห้องได้ยิน
“ถ้าข้าทำได้ ข้าจะช่วยเต็มที่” นางยืนยัน
“เป็นข้าที่จะเป็นคนไปหายามารักษาคุณชาย” ต้าซื่อพูดออกมา “อย่างที่ท่านหมอมู่บอก หนทางนั้นไกลนัก ข้าหวังใจว่าระหว่างที่ข้าไม่อยู่จะมีคนช่วยดูแลคุณชายแทนข้า”
“วิทยายุทธ์ข้าอาจไม่สูงส่งเทียบท่านต้าซื่อ แต่วางใจเถิด หากข้าอยู่ที่นี่ จะไม่มีผู้ใดแตะต้องคุณชายเฉินได้แม้แต่ปลายเล็บ”
“เห็นที่ข้าต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
ต้าซื่อเห็นนางเป็นที่พึ่งเดียวในตอนนี้ หนทางไปนำยามาถอนพิษให้คุณชายไม่ใช่เส้นทางปกติ เขาเองมีหน้าอารักขานายเหนือชีวิต แต่การรักษาชีวิตท่านไว้สำคัญกว่าสิ่งใด อยู่ในบ้านสกุลเหวินปลอดภัยในระดับหนึ่งอยู่แล้ว หากแต่มีคนใกล้ชิดที่
คอยดูแลคุณชายเพิ่มอีกสักคน ก็เป็นที่อุ่นใจมากทีเดียว
เคอหลิ่งหลินรู้ตัวดีว่าการตกปากรับคำครั้งนี้มีความหมายมาก โชคดีที่ระยะนี้ไม่มีเรื่องราวอะไรให้นางต้องกังวล นางเพียงตื่นเช้ากว่าเดิมแล้วเข้าไปดูแลม้าในคอกม้า การฝึกทหารนั้นมีผู้อื่นดูแลแทนได้อยู่แล้ว แต่เรื่องม้านั้นนางต้องเข้ามาดูในทุกเช้า แม้ไม่ได้ดูแลทุกตัวแต่นางก็พยายามจะทำด้วยตนเอง นางรักม้าเหล่านี้ราวกับพวกมันเป็นคนในครอบครัว อาชาสำหรับแม่ทัพนั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง แม้ไม่อยู่ในช่วงศึกสงครามก็ต้องดูแลอย่างดียิ่ง หลายครั้งที่นางเอาชีวิตรอดกลับมาได้เพราะม้าเหล่านี้ เช่นนั้นแล้วนางจึงให้คำสัญญากับพวกมันว่าจะดูแลพวกมันให้ดีที่สุดที่นางจะทำได้
กิจวัตรที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย คือนางจะแอบหนีออกไปข้างนอก หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหยิบกระบี่ไม้ไผ่เตรียมออกไปข้างนอก แต่ชุนเอ๋อร์ก็ทันเห็นผู้เป็นนายที่กำลังจะกระโดดออกไป
“คุณหนู! คุณหนูจะไปไหนเจ้าคะ”
“ไป...ไปข้างนอก” ร่างเพรียวนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างเตรียมจะออกไปเต็มที่
“ข้างนอกที่ว่าคือที่ไหนเจ้าคะ” ชุนเอ๋อร์เท้าเอวมองนายของตนเองที่ทำตัวไม่สมเป็นกุลสตรีเลยสักนิด
ซึ่ง...ก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว
“ข้างนอกก็คือข้างนอกไง” นางไม่อยากบอกว่าจะไปไหน เรื่องที่นางไปบ้านสกุลเหวินนั้นไม่มีใครรู้และนางก็ไม่อยากให้รู้ด้วย
“แต่วันนี้จะมีคนมาเยี่ยมเยือนท่านแม่ทัพ ฮูเหยินให้คุณหนูรอต้อนรับด้วยนะเจ้าคะ”
“ใครๆ ก็มาเยี่ยมท่านพ่อออกบ่อยไป ข้าจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่เห็นต่างกันสักเท่าไหร่นักนี่”
“แต่ฮูหยินกำชับมานะเจ้าคะ”
“ก็บอกว่าเจ้าไม่เห็นข้าก็สิ้นเรื่อง ข้าไปล่ะ เจ้าจะได้ไม่เดือดร้อน”
“คุณหนู”
ชุนเอ๋อร์ได้แต่มองร่างเพรียวในชุดเสื้อผ้าเนื้อหยาบกระโดดออกนอกหน้าต่างไป วิชาตัวเบาของเคอหลิ่งหลินไม่ด้อยไปกว่าผู้ใด คนรับใช้อย่างนางจึงเห็นแต่แผ่นหลังไวไว หายลับตาไป
“ท่านไม่อยู่ต่างหากที่ทำให้บ่าวเดือดร้อน” ชุนเอ๋อร์ได้แต่พูดเสียงอ๋อยตามลำพัง เมื่อไหร่เจ้านายของนางจะแต่งตัวงดงามนั่งอยู่ในบ้านนิ่งๆ ในนางได้ปรนนิบัติเหมือนบ่าวไพร่คนอื่นบ้างนะ
เคอหลิ่งหลินใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเรือนรับรองที่คุณชายเฉินพักอยู่ นางเหวี่ยงตัวนั่งบนกิ่งไม้ใหญ่มองดูร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินออกมาบริเวณสวนหย่อม นางแปลกใจที่เขาเดินได้มั่งคงไม่เหมือนคนตาบอด แต่ยังไม่ทันไร เขาสะดุดกับก้อนหินเข้าให้ร่างเพรียวผวาเฮือกแล้วกระโจนเข้าไปให้ดึงแขนเขาไว้อย่างรวดเร็ว
“ท่านจะทำอะไร” เคอหลิ่งหลินส่งเสียงดุเบาๆ จับไหล่สองข้างของเขาให้ยืนให้มั่นคง
“แม่นางเคอ?”
เขาเอ่ยชื่อแล้วปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้ารอยยิ้มของเขาทำให้หญิงสาวเก้อเขินจนต้องรีบปล่อยมือจากไหล่สองข้างของเขา
“ท่านเดินออกมาคนเดียวได้อย่างไร บ่าวไพร่คนอื่นเล่า ไม่มีใครมาดูแลท่านรึ” นางถามพลางจูงมือของเขามานั่งที่โต๊ะม้าหิน
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆในลำคอ “ดวงตาของข้ายังไม่ถึงกับมืดบอด เรื่องเดินเหินแค่นี้ไม่ต้องให้มีคนมาประคองข้าหรอกนะ”
“เช่นนั้นก้อนหินมันทำอะไรผิดให้ท่านเตะเข้าไปเล่า” นางทำเสียงหงุดหงิดแต่เขายังหัวเราะน้อยๆ ทำให้นางถอนหายใจ
“เป็นข้าที่ผิดเอง”
