ตอนที่17. มีหญิงสาวที่ไหนทำท่านรึ
“คุณชายเฉินเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ครั้งที่เจอกันก็ราวครึ่งปีก่อน นางติดภารกิจสำรวจเส้นทางกว่าจะเสร็จจากชายแดนกลับมา ก็ได้ยินว่าคุณชายกลับเมืองหลวงไปแล้ว
แม่นมเหมยเดินมาจับมือของเคอหลิ่งหลิน นางพบเจอสตรีมากมายที่ชอบพอคุณชายของนาง ทว่ากับหญิงสาวคนนี้แม้กิริยามารยาทจะกระโดกกระเดกไปบ้าง หน้าตาอาจไม่หวานหยดย้อยเหมือนสตรีในเมืองหลวง แต่เรื่องความจริงใจแล้ว นางมีเต็มเปี่ยมจนมากล้น และนางไม่มีเจตนาร้ายกับคุณชายของนาง ระยะเวลาที่ผ่านมา นางไม่ได้สร้างความลำบากใจอันใด
ครู่ต่อมาประตูเปิดออก ท่านหมอมู่เดินออกมาและเหมือนจะรู้ เขาพยักหน้าเป็นเชิงให้นางเข้าไปด้านใน หญิงสาวหันไปมองทุกคน เมื่อไม่มีใครห้ามอะไรนางก็เร่งเดินเร็วๆ เข้าไปทันที
หญิงสาวเดินเข้าไปหาคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง บุรุษร่างสูงดูผายผอมลงไปมาก เขาเอียงคอเล็กน้อยแล้วหันมามองทางนาง มีบางสิ่งที่นางรับรู้ได้ว่าเขาผิดปกติ จนเมื่อนางหยุดยืนเบื้องหน้าเขาแล้ว นางจึงได้ยินเสียงทักทายของเขา
“แม่นางเคอ”
เคอหลิ่งหลินนิ่งไปอึดใจ มือนางสั่นน้อยๆ ก่อนจะยกขึ้นโบกไปมาเบื้องหน้าเขา ชายหนุ่มผงะไปด้านหลังเล็กน้อยก่อนที่จะยกมือมาจับมือของนางไว้ หัวใจของหญิงสาวเหมือนถูกบีบรัด หากเป็นเวลาปกตินางคงดีใจที่เขาจับมือนางเช่นนี้
“ดูออกชัดขนาดนั้นเชียวหรือ?” เขาหัวเราะเบาๆ ราวกับไม่เดือดร้อนกับอาการของตัวเอง
“ท่าน...ทำไม...เกิดอะไรขึ้น” นางถือวิสาสะนั่งบนเตียงข้างเขา สำรวจดูภายนอกไม่เห็นเขามีบาดแผลหรือได้รับบาดเจ็บ ไยเขาจึง...จึงมองไม่เห็นนาง
“เป็นเรื่องของสวรรค์”
“บ้าซิ!” นางสบถ แต่กลับทำให้ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “จู่ๆ ท่านจะมองไม่เห็นได้อย่างไร”
“ข้าเพียงถูกพิษเล่นงาน” เขายังไม่ปล่อยมือเธอ เพียงแต่กำไว้หลวมๆ หวังให้นางรู้สึกผ่อนคลาย เป็นเขาที่มองไม่เห็น แต่ดูนางจะเดือดร้อนกว่าเขาเสียอีก
“มีหญิงสาวที่ไหนทำท่านรึ”
“อะไรนะ?”
“ท่านไปทำอะไรใครถึงโดนยาพิษเข้าล่ะ”
“แล้วทำไมแม่นางเคอคิดว่าเป็นผู้หญิงที่เล่นงานข้า” ใช่...แม้แต่เขายังไม่คิด
“ก็ท่านหล่อเหลาแบบนี้ อาจเล่นตัวไม่รับรักหญิงนางคนใดเข้า นางผูกใจเจ็บถึงได้วางยาพิษท่าน” เคอหลิ่งหลินพูดอย่างเป็นกังวลและจริงจัง เขาเป็นคนจิตใจอ่อนโยนไม่น่ามีศัตรูที่ไหนที่จะทำร้ายเขา
คำพูดของนางสร้างเสียงหัวเราะให้เขา นางเป็นเช่นนี้เสมอ ทำให้เขาหัวเราะได้ทุกครั้งที่พบหน้า
ดวงตาของคุณชายเฉินมิได้บอดสนิทแต่พร่าเลือนเต็มทีเป็นจริงอย่างที่นางพูด คนที่ถูกปองร้ายจริงคือน้องชายของเขาทว่าเขารับเคราะห์แทน บรรดาหมอในเมืองหลวงยื้อชีวิตเขาจากความตายได้แต่พิษนั้นยังแทรกซึมในโลหิตทำให้ดวงตาของเขาค่อยๆ พร่าเลือนและอาจจะมืดบอดในไม่ช้า เมื่อทุกฝ่ายหมดทางเยี่ยวยา เขาจึงตัดสินใจเดินทางมาที่นี่ สถานที่ซึ่งน้อยคนนักจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา
“ท่านอย่าเป็นกังวลไปเลย ขนาดคนใกล้ตายท่านหมอมู่ยังเจรจากับยมฑูตได้ ท่านแค่ตาบอด ท่านหมอมู่ต้องช่วยได้แน่ๆ”
“ฮืม”
“ดีเลย ช่วงนี้ข้าว่าง ข้าจะมาเป็นเพื่อนเล่นท่านแล้วกัน”
“เพื่อนเล่น?” นางคิดว่าเขาอายุเท่าไหร่กัน
“หรือท่านอยากทำอะไรล่ะ เอ่อ...” นางไม่กล้ารับปากว่าจะมาดูแลเขา แม้ชายแดนสงบและเพิ่งเสร็จการปราบโจรป่าได้ นางคงไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลจวนท่านแม่ทัพ แต่นางก็ต้องฝึกเพลงกระบี่กับจ้าวจิ่นสือและคอยดูพลทหารฝึกซ้อม ซึ่งเป็นกฏของกองทัพ
“ไม่ต้องห่วงหรอก คราวนี้ข้าอยู่ที่นี่นาน เจ้ามาเมื่อไหร่ก็ได้พบข้า” เขาตบหลังมือนางเบาๆ
เคอหลิ่งหลินเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาจับมือนางอยู่ นางจึงดึงมือตนเองกลับ ไม่ใช่ว่านางไม่ชอบที่เขาทำกับนางเช่นนั้นหรือเพราะว่าตามธรรมเนียมชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัว แต่เพราะนางอับอายฝ่ามือหยาบกร้านของตนเองมากกว่า แต่คุณชายเฉินเข้าใจว่านางเขินอายที่ถูกจับมือ เขาจึงกล่าวขอโทษออกไป
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” นางยิ้มเขินๆ “ท่านพูดเองนะว่าให้ข้ามาหาได้ตลอดเวลา”
“ทุกเวลาที่เจ้าต้องการ”
“ฮืม วันนี้ข้าออกมาจากจวนแม่ทัพทั้งวันแล้ว คนอื่นๆ จะคิดว่าหนีงาน ข้าคงต้องกลับก่อน”
“รักษาตัวด้วย”
“ท่านซิที่ต้องรักษาตัว”
นางทำเสียงหงุดหงิดกับคำบอกลาของเขา
“ใช่...เป็นข้าที่ต้องรักษาตัว” เขาหัวเราะในลำคอ
เคอหลิ่งหลินกล่าวลาแล้วเดินออกมานอกห้อง เห็นว่าท่านหมอมู่ยังนั่งพูดคุยปรึกษากับคนอื่นๆอยู่จึงเดินเข้าไปหา
