ตอนที่16. ข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้เหรอ
“ไม่เป็นไรๆ” นางโบกไม้โบกมือไปมา มือไม้เริ่มไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน
“ข้ายังต้องรบกวนท่านหมอมู่รักษาดูอาการและพักฟื้นที่นี่หลายวัน ถ้าอย่างไร แม่นางผ่านมาก็แวะมาเยี่ยมเยือนได้ทุกเมื่อ”
“จริงเหรอ ข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้เหรอ”
บุรุษหนุ่มไม่ได้เอ่ยตอบแต่พยักหน้ารับ เพียงแค่นั้นหญิงสาวก็แทบกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แต่ยังดีที่นางสำรวมกิริยาแล้วเหลือบตามองท่านหมอมู่เหมือนจะขอโทษอยู่ในที ท่านหมอมู่มองหญิงสาวแล้วส่ายหน้าไปมา ดีแล้วที่ลูกสาวของเขาไม่ได้เป็นเช่นนี้ แต่จะว่าอย่างไรได้ ได้ยินว่านางเป็นเด็กกำพร้า คงไม่มีใครบอกนางเรื่องกิริยาที่ควรหรือไม่ควรต่อหน้าบุรุษนัก
“วันนี้ข้ามารบกวนท่านแล้ว วันหน้าข้าจะมาใหม่”
“ฮืม...”
นั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เคอหลิ่งหลินมาชะเง้อมองบุรุษหนุ่มใบหน้าอ่อนหวานดุจเทพเจ้าผู้นั้นมาตลอดสองปี
เมื่อไหร่ที่เขามาพักรักษาตัวที่นี่ นางก็โผล่หน้ามาทักทาย โดยที่ทุกคนรู้เพียงว่านางเป็นเคอหลิ่งหลิน ไม่ใช่จ้าวหลิ่งหลิน ลูกบุญธรรมแม่ทัพจ้าว.
ร่างเพรียวกระโดดมายืนอยู่แนวรั้วก่อนที่ท่านหมอมู่จะมาถึงประตูบ้านตระกูลเหวิน ขณะจ้องมองร่างของท่านหมอค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ หางตาก็รู้สึกได้ถึงการมาของใครบางคน นางกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะหันไปมองแล้วยิ้มทักทาย
“จะมาห้ามข้าเหรอ วันนี้ข้ามากับท่านหมอมู่จริงๆ นะ” เคอหลิ่งหลินเอ่ยทักผู้ติดตามของคุณชายเฉิน เขามักเป็นดั่งเงาคอยคุ้มครองผู้เป็นนายเสมอ
“สองปีมานี่ข้าห้ามเจ้าสำเร็จเรอะ”
น้ำเสียงเบื่อหน่ายของต้าซื่อ เขาเองก็ชินกับนางแล้ว แม้ผู้เป็นนายจะอนุญาตให้นางเข้าใกล้ แต่เขาก็ต้องคอยระวังทุกคนเพราะมันเป็นหน้าที่ที่ละเลยมิได้ นายของเขารูปร่างสง่างามซ้ำหน้าตาหล่อเหลาหมดจด ย่างกรายไปทางใดก็มีสตรีเหลียวมองจนลืมรักษากิริยาไปสิ้น ต้าซื่อไม่แปลกใจนักที่หญิงชาวบ้านผู้นี้จะมาแอบชะเง้อมองนายของเขา ทว่าสิ่งที่เขากังวลคือไม่รู้ประวัติภูมิหลังของนาง นางมักพกกระบี่ไม้ไผ่ติดตัวแต่มีวรยุทธที่จะประมาทมิได้ แม้ลองสืบดูก็รู้เพียงว่าอยู่ในจวนแม่ทัพจ้าวเท่านั้น
“ท่านคงไม่ได้มาดักรอข้าหรอกนะ”
“เป็นเช่นที่เจ้าพูดนั้นแหละ”
“มีเรื่องอันใดรึ” คราวนี้เป็นหลิ่งหลินที่ประหลาดใจ นางเข้าใจหน้าที่ของต้าซื่อดีว่าต้องดูแลอารักขาผู้เป็นนาย เขาจะรังเกียจหรือกีดกันนางก็ไม่แปลกนัก แต่วันนี้เขาพูดดีกับนางและไม่ไล่นางราวกับนางเป็นแมวจรที่มาสร้างความสกปรกวุ่นวายให้เจ้าของบ้าน
“คุณชายไม่สบายมาก ท่านสั่งไว้ถ้าเจอเจ้าให้ข้าพาเจ้าเข้าไปพบ”
“อะไรนะ” เคอหลิ่งหลินสะดุ้งเฮือก ร่างกายอ่อนแอของเขานั้น เธอรับรู้จากปากท่านหมอมู่ แต่ไม่คิดว่าจะหนักหนาอะไรนัก “ท่านว่าอะไร คุณชายเฉินไม่สบายหนักรึ”
“มาเถิด คุณชายสั่งให้ข้าพาเจ้าเข้าไปทางประตู”
นายของเขาเป็นห่วงกลัวว่านางจะกระโดดเข้าทางหน้าต่างแล้วได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเขาไม่เห็นว่าลิงตนนี้หวาดกลัวอะไรกับการปีนป่ายต้นไม้หรือหลังคาบ้านคน
เคอหลิ่งหลินเหินลงจากแนวรั้วและเดินตามแผ่นหลังต้าซื่อเข้ามาด้านใน นางหยุดรออย่างกระวนกระวายใจ รู้ว่าด้านในห้องนั้นคือท่านหมอมู่กำลังดูอาการคุณชายเฉินอยู่ หัวใจนางรุ่มร้อนด้วยความกังวลแต่ยังสะกดให้ตนเองยืนนิ่งอยู่ได้ ตลอดสองปีที่ผ่านมา นางติดตามแม่ทัพจ้าวสู่ชายแดนอยู่หลายครั้ง นางต้องเดินทางล่วงหน้าสำรวจเส้นทางทำแผนที่และรีบกลับมารายงานแม่ทัพจ้าว
แม้จะเป็นหญิงแต่นางเติบโตในหุบเขาและมีบิดาเป็นโจรป่า วิชาความรู้การแกะรอยนั้น นางได้รับมาจากบิดาเต็มเปี่ยม ในระยะหลังท่านแม่ทัพให้จ้าวจิ่นสือร่วมติดตามออกชายแดน นางยิ่งต้องคอยดูแลจ้าวจิ่นสือมากยิ่งขึ้น การพูดคุยเล่นหัวจะเป็นเพียงแค่ที่อยู่กันตามลำพังหรือไม่ก็กับแม่ทัพและฮูหยินเท่านั้น ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น นางรู้ว่าตนเองอยู่ในฐานะใด และนางบอกคนอื่นเสมอว่าหากใครต้องการพบนาง นางจะอยู่ที่คอกม้าของจวนแม่ทัพ
ทุกครั้งที่ต้องออกไปเผชิญความเป็นและความตาย นางมักคิดถึงเขา รอยยิ้มและแววตาอ่อนโยนที่มองนาง ทำให้นางรู้ว่านางต้องกลับมาพบเขาให้ได้ แม้ว่า...นางจะไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองเขาก็ตาม
“แม่นางเคอ” น้ำเสียงของแม่นมเหมยทำให้หญิงสาวได้สติ นางยิ้มเพียงเล็กน้อย เห็นสีหน้ากังวลของอีกฝ่ายแล้วก็ทำให้เข้าใจว่าต้าซื่อไม่ได้ล้อนางเล่น
