บท
ตั้งค่า

ตอนที่15. ไม่มีอะไรหรอกน่า

“แบบไหนรึ?” จ้าวจิ่นสือเดินวนรอบเคอหลิ่งหลินแล้วไล่สายตาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “ไม่ใช่แบบที่เจ้าเป็นอยู่ตอนนี้แน่ๆ”

“ข้าดูแย่ขนาดนั้นเชียวเหรอ” นางทำหน้าง้ำแล้วก้มมองสภาพตัวเอง แม้ท่านแม่ทัพรับนางเป็นบุตรบุญธรรม

ทว่านิสัยนางไม่เหมือนบรรดาคุณหนูสักเท่าไหร่

“ผู้หญิงในเมืองหลวงเขาทำอะไรกันบ้างล่ะ”

“ก็เขียนภาพ เขียนโคลงกาพย์กลอน อ่านกวี เล่นดนตรี

หรือปักผ้า”

คราวนี้เคอหลิ่งหลินหน้าหมองลงไปอีก นางรู้ว่านางไม่ใช่คนสวยมากนัก นิสัยโผงผาง แถมมารยาทยังอ่อนด้อย แล้วที่จ้าวจิ่นสือพูดมาทั้งหมด นางทำได้ไม่เอาไหนเลยสักนิด ให้นางไปฝึกเพลงดาบ หรือเลี้ยงม้ายังจะดีเสียกว่า เห็นท่ารักแรกของนางจะไม่ได้ผลิดอกออกผลแน่

“ของแบบนั้นมันสนุกตรงไหนกันนะ” นางพึมพำ

“เจ้านี่ท่าจะป่วยจริงๆ”

“ไม่มีอะไรหรอกน่า”

นางสะบัดหน้าแล้วเดินเข้าบ้าน แต่ในใจก็อดคิดใบหน้าของชายผู้นั้นไม่ได้ จะเป็นอะไรไปล่ะ เพลงกระบี่ที่ว่ายากนางยังฝึกได้ ถ้านางตั้งใจ นางต้องฝึกเป็นกุลสตรีแบบสาวในเมืองหลวงได้แน่

หญิงสาวที่ยืนอยู่บนหลังคามองการเคลื่อนไหวในบ้านสกุลเหวิน นางจำเหตุการณ์ที่เมื่อสองปีก่อนได้อย่างดี นางแอบมาดูบุรุษในดวงใจอยู่บ่อยๆ รู้เพียงแค่ทุกคนเรียกเขาว่า ‘คุณชายเฉิน’ ท่าทางเขาเป็นกันเองไม่ถือตน คุณชายเฉินสุขภาพไม่แข็งแรงนักมาที่นี่เพื่อพักฟื้นร่างกาย สามหรือสี่เดือนเขาจะมาที่นี่สักครั้ง ครั้งละห้าหรือสิบวัน และท่านหมอมู่จะมาถูกเชิญให้มาดูอาการคุณชายเฉิน นางจึงอาศัยความกล้าขอติดตามทางหมอมู่เข้ามาด้วย

“ท่านหมอมู่ มือไม้ของท่านมีไว้รักษาผู้คน ให้ข้าเป็นบ่าวไพร่ถือของให้ท่านไปบ้านสกุลเหวินเถิดนะ...นะ” นางออดอ้อนท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของมู่ฟางเหนียง

“ข้าไม่เคยมีบ่าวไพร่ ทำไมต้องให้เจ้ามาถือของให้ด้วยเล่า” ท่านหมอมู่ส่ายหน้าไปมา

“ท่านพ่อให้พี่หลิ่งหลินไปช่วยเถอะเจ้าคะ” มู่ฟางเหนียงช่วยพูดอีกแรง

“ใช่ๆ ให้ข้าไปช่วยเถอะนะ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้ท่านต้องลำบากเด็ดขาด”

“เจ้านั้นแหละคือความลำบากของข้า” ท่านหมอมู่ตะคอกใส่ แต่เคอหลิ่งหลินไม่มีท่าทางกลัวเกรงสักนิด กลับหัวเราะปากกว้าง

“เอาเถอะ ถ้าเจ้าทำอะไรไม่ดี ข้าไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”

“ขอบคุณ”

เคอหลิ่งหลินได้ติดตามท่านหมอมู่มาที่บ้านสกุลเหวิน แต่นางติดตามท่านหมอในฐานะบ่าว นางจึงไม่ได้เข้าไปด้านใน ได้รอเพียงด้านนอก ทว่านางมีวิชาตัวเบาจึงแอบกระโดดไปยืนส่องดูบนกิ่งไม้ใหญ่ นางแค่อยากเห็นว่าเขาเป็นอย่างไร เจ็บป่วยเพียงใดกัน แม้นางจะไม่ถนัดเรื่องที่กุลสตรีพึ่งมี แต่ประสาทการรับรู้ว่ามีใครคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหมายจะจับตัวนาง เคอหลิ่งหลินกระโดดหลบ นางไม่มีเจตนาทำร้ายใครจึงไม่ต่อสู้หรือโต้ตอบเพียงแค่ไหวตัวหลบการปะทะ กลายเป็นว่านางถูกต้อนให้เข้ามาในห้องโถงกลางของคฤหาสน์

“หยุดก่อน! นั่นแม่นางคนนั้นนี่!”

บุรุษร่างใหญ่ยักษ์หยุดการเคลื่อนไหวเพราะเสียงของแม่นมเหมย เคอหลิ่งหลินหันไปตามเสียงนั้นแล้วยิ้มออกมาเป็นหญิงที่นางเคยช่วยตามถุงเงินส่งคืนให้

“ท่านป้า”

“แม่นางมาทำอะไรถึงที่นี่”

“ข้า...ข้าติดตามท่านหมอมู่มาเจ้าค่ะ”

“โกหก! ถ้ามากับท่านหมอทำไมถึงทำลับๆ ล่อๆ เหมือนดูลาดเลา”

“ข้าไม่ได้มาดูลาดเลา ข้าแค่อยากเห็นว่าคุณชายไม่สบายเป็นยังไงบ้างก็เท่านั้นเอง”

“แม่นาง”

น้ำเสียงที่เรียกอย่างอ่อนโยนแฝงเมตตาทำให้สถานการณ์นิ่งสงบตามไปด้วย ดวงตาของเขาทอดมองมางทางหญิงสาวทำให้ใบหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“ข้าเคอหลิ่งหลิน”

นางแนะนำตัวแก้เขิน ปกตินางนิ่งสงบจนใครๆ หวาดกลัว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา นางกลับกลายเป็นคนพูดจาเสียงอ่อนไปได้อย่างไรไม่รู้

“แม่นางเคอ”

“เรียกหลิ่งหลินก็ได้” นางตีสนิทกับเขาดื้อๆ

ชายหนุ่มพยักหน้ารับและหันไปพูดกับผู้ติดตาม “แม่นางผู้นี้ช่วยจับขโมยวิ่งราวถุงเงินให้แม่นมเหมย”

“อ้อ!”

ปากพูดเหมือนยอมรับ แต่สายตาจ้องมองแบบดูแคลน เอาเถอะ นางชินแล้วล่ะ

“ข้าได้ยินว่าท่านไม่สบายจึงขอติดตามท่านหมอมู่มาด้วย”

“เป็นเช่นนั้นเองหรอกหรือ แม่นางช่างมีจิตใจอารีนอกจากจะช่วยแม่นมของข้าแล้วยังเป็นห่วงเป็นใยข้าด้วย”

จิตใจอารี? หญิงสาวทำตาโต เกิดมาเพิ่งเคยมีใครพูดแบบนี้กับนางเป็นคนแรก ที่ผ่านมาได้ยินแต่ว่านางโหดเหี้ยมเสียมากกว่า

“ข้าจำได้ว่าติดค้างเลี้ยงน้ำชากับแม่นาง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel