บท
ตั้งค่า

ตอนที่18.เรื่องมันก็แค่นั้นเองจริงๆ

ความสามารถของหญิงสาวผู้นั้นเขายังไม่ได้พิสูจน์ แม้นางจะเป็นหญิงชาวบ้านแต่คนเป็นหมอ ควรจะสุขุมเยือกเย็น แต่นางเหมือนเด็กซุกซนมอมแมมเหลือจะกล่าว แปลกประหลาดกว่าหมอทุกคนที่เขาเคยพบเจอมา

“อีกสองวันข้าจะเอาหนังสือไปคืน ท่านอยู่รอตรวจทุกหน้ากระดาษได้เลย!”

จ้าวจิ่นสือกระตุกยิ้มที่มุมปาก เขาไม่มั่นใจนักว่าช่วงนั้นเขาจะอยู่ในจวนหรือไม่ หรือต้องเดินทางแฝงตัวไปกับกองคาราวานพ่อค้าเร่ นางเพิ่งยืมหนังสือไปเมื่อสองวันก่อน อีกสองวันจะมาคืน นางอ่านหนังสือทั้งสามเล่มจบแล้วหรือ? หรือเขาควรแสดงความใจกว้างกับนาง ยืดเวลาอีกหน่อย หรือเขาควรสั่งให้พ่อบ้านตู้เก็บตำราที่นางยืมไปให้เขาตรวจสอบก่อน ทำไมแต่ละวิธีที่คิดได้ราวกับจะเป็นการกลั่นแกล้งนางทั้งนั้น ไม่หรอก เขาไม่ใช่คนแบบนั้น ก็เพียงแค่อยากเห็นสีหน้าของผู้หญิงที่รู้ว่าเขาคือผู้ใช้มีดสั้นปักหัวเจ้างูตัวนั้น

เรื่องมันก็แค่นั้นเองจริงๆ.

อะไรนะ! เขาว่าอะไรนะ!

มู่ฟางเหนียงเดินกระแทกส้นเท้ากลับเข้ามาในบริเวณลานบ้านที่ใช้เป็นที่ตากสมุนไพร นางฮึดฮัดหันซ้ายหันขวาอย่างหงุดหงิด แลทุกสิ่งรอบข้างก็ขวางหูขวางตาจนอยากยกเท้าขึ้นเตะของที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็เกรงว่าจะต้องเสียเวลามาเก็บของที่ตัวเองเตะไปอีก

อะไรกัน! นางสิ้นเปลืองพลังงานในการอ่านและคัดลอกตำราแพทย์นั้นอยู่สองวันสองคืน ไม่ขึ้นเขาไปช่วยท่านพ่อเก็บสมุนไพร เอาแต่อ่านตำรานี่จนหลงลืมเวลา ปล่อยให้ท่านพ่อต้องกินอาหารเย็นชืดไปหลายมื้อ กลางคืนก็อดหลับอดนอนเปลืองเทียนไขไปตั้งเท่าไหร่ แล้วจู่ๆ ให้คนมาบอกว่าเขายังไม่เอาตำรากลับคืน ให้นางเก็บไว้ก่อน นางจะฝากบ่าวรับใช้ที่มาส่งข่าวคืนให้ ก็เหมือนเขาจะรู้ จึงกำชับมาว่าไม่รับฝาก นางต้องเอาไปคืนด้วยตนเอง เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่สะดวกจะอยู่ตรวจหนังสือทุกแผ่นทุกหน้า ชายผู้นี้นิสัยเหมือนเด็กเอาแต่ใจอย่างที่เคอหลิ่งหลินชอบพูดให้นางฟังนัก

จะแปลกอะไรที่นางจะเข้าใจไปว่าเขาอายุสิบขวบ! ถึงได้ฝากกลองป๋องแป๋งเอาไว้ปลอบใจยามที่ต้องอยู่ไกลพี่สาวและครอบครัว!

นางเป็นลูกคนเดียว แต่กระนั้นก็ติดตามบิดาตลอด เรียกได้ว่าบิดาอยู่ที่ไหน นางอยู่ที่นั่น แม้จะไม่ได้อยู่เป็นหลักแหล่ง แต่นางก็ไม่เหงาเพราะบิดาของนางเป็นทั้งพ่อ แม่ และเพื่อนให้นาง เมื่อเคอหลิ่งหลินเล่าเรื่องราวของ ‘น้องชาย’ ที่ต้องใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่ห่างไกลครอบครัวเพื่อศึกษาเล่าเรียน นางจึงเข้าใจความรู้สึกที่น้อยใจตามประสาเด็กเหมือนถูกพ่อแม่ทิ้งขว้างทั้งที่ความจริงแล้ว สิ่งที่ทำไปเพื่ออนาคตของเขาเอง

ก็นั่นแหละ นางจึงเข้าใจไปว่าเขาเป็นเด็กเล็กๆ เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล ชอบเอาชนะและขี้น้อยใจ ใครจะไปรู้ว่านิสัยแบบนั้นอยู่ในตัวผู้ชายร่างกำยำผู้นั้นเล่า!

“เป็นอะไรไปเหนียงเอ๋อร์” น้ำเสียงสงบเยือกเย็นเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางฮึดฮัดของลูกสาวอยู่กลางลานบ้าน

นางสูดลมหายใจลึก พยายามข่มโทสะของตนก่อนจะหมุนตัวหันไปเอ่ยตอบ

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”

“ไม่มีอะไร ไยเจ้าทำเหมือนจะพังบ้านทั้งหลังได้ นี่ดีที่เจ้าไม่มีวรยุทธ์ ไม่เช่นนั้นพ่อก็ไม่รู้ว่าบ้านจะมีรูที่ใดบ้าง”

“ท่านพ่อก็พูดเกินไป” นางเบ้ปากทำแง่งอนแล้วเดินไปหาบิดา

“หากเจ้าจะเอาดีด้านการรักษาคน เจ้าควรใจเย็นและไม่แสดงอาการเช่นเมื่อครู่” คนเป็นพ่อเตือนพร้อมสั่งสอน “ที่นี่มีผู้ใดนอกจากท่านพ่อเล่า” นางเบ้ปากน้อยๆ “เป็นหมอแล้วอย่างไร ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกรึ เจอคนไข้ไม่รักตัวเอง ลูกก็ดุใส่เหมือนกันแหละ ใครจะไปใจดีเหมือนท่าน มีอะไรก็โอ๋คนไข้นัก ท่านควรดุพวกเขาบ้าง ไม่อย่างนั้นเขาก็เจ็บป่วยอาการเดิมๆ กลับมาให้ท่านต้องปวดหัวเพราะคิดว่าอย่างไรท่านก็รักษาพวกเขาได้”

คราวนี้คนเป็นพ่ออ้าปากค้าง โดนลูกสาวดุเป็นเรื่องปกติ แต่นี่เห็นชัดๆ ว่านางโมโหผู้อื่นมาพาลมาลงที่เขา นิสัยนางเหมือนแม่ก็ตรงนี้ พูดจาตรงไปตรงมา เปิดเผยไม่ซ่อนเร้น แม้การเป็นหมอควรมีบุคลิกสงบเยือกเย็นให้คนไข้สบายใจ ทว่าลูกสาวของเขากลับเป็นหมอที่...จะเรียกว่านางปากร้ายก็กล่าวเกินจริงไป นางอาจพูดจาห้วนและดุไปบ้าง แต่เท่าที่สังเกตก็เห็นคนไข้ที่นางรักษาหรือโดนนางบ่นใส่ ก็แย้มยิ้มหรือหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกันทั้งนั้น ไม่มีใครโกรธเคืองนาง หากนางติดตามเขาไปรักษาบ้านเศรษฐี นางสงบปากสงบคำลงไปสักครึ่งซึ่งก็นับว่ายากแล้ว เพราะถ้าเจอคนนิสัยไม่ดีดูแคลนผู้อื่น นางก็สรรหาคำพูดมาประชดประชันได้อยู่ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel