ตอนที่16. งานลับ
“ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้จักเจ้ามากนัก ปะปนไปกับเหล่าพ่อค้าสืบดูความเคลื่อนไหวต่างๆ แล้วกลับมารายงาน แต่หลังจากนั้นพ่อมีความคิดจะให้เจ้าไป เผ่าเอ้อหลุนชุน”
“เผ่าเอ้อหลุนชุน? สายของเราเพิ่งกลับมาไม่ใช่รึท่านพ่อ” เขาเองก็นั่งฟังการรายงานของสายที่กลับมาจากเผ่าเอ้อหลุนชุนพร้อมกับบิดาของตน
“เผ่าเอ้อหลุนชุนเพิ่งเปลี่ยนผู้นำคนใหม่ อายุอานามก็มากกว่าเจ้าแค่สองหรือสามปี ทว่ากลับมีชื่อเสียงเกรียงไกรเป็นวีรบุรุษของเหล่าผู้คนในชนเผ่า นิสัยของผู้นำคนใหม่ไม่มีความยำเกรงต่อคนจากราชสำนัก หากวันข้างหน้ากระด้างกระเดื่องเดืองก็จะสร้างปัญหาได้ แต่ตอนนี้ปัญหายังไม่เกิด กระโตกกระตากเข้าไปก็จะกลายเป็นเผยให้เห็นว่าเราจับตามองอยู่ เจ้าไปในฐานะลูกของข้า ไม่ใช่ในฐานะรองแม่ทัพเพื่อสานสัมพันธ์ไมตรี อ้างว่าฝึกปรือฝีมือหรืออะไรก็ได้ เป็นการเดินทางแบบส่วนตัว แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นเจ้าต้องยืดอกยอมรับว่ามิเกี่ยวข้องกับทางกองทัพเป็นเด็ดขาด หน้าที่นี้นี่เจ้าจะรับไหวอยู่หรือไม่”
คำถามซ้ำอีกครั้งย้ำให้แน่ใจ จ้าวจิ่นสือมิเคยหวาดกลัวสิ่งใด ยิ่งได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญนี้แล้วก็ยิ่งตระหนักได้ว่า ผู้เป็นพ่อไว้วางใจเขามากขึ้น มิใช่เพียงในฐานะพ่อกับลูก แต่ยังเป็นแม่ทัพกับรองแม่ทัพอีกด้วย
“ลูกพร้อมรับคำสั่ง”
“การศึกมิได้มีแค่จับดาบฟาดฟันศัตรู ตำราพิชัยยุทธ์ธจะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อผู้เรียนรู้เข้าใจถ่องแท้ แม้ปีนี้เจ้าจะอายุยี่สิบแล้วแต่ก็ยังมีนิสัยมุทะลุวู่วามขาดความสุขุม เจ้ารู้ข้อบกพร่องของตนหรือไม่”
“ลูกจะปรับปรุงตนเองขอรับ”
“ดีแล้ว” แม่ทัพจ้าวพยักหน้ารับ “กลับมาเรื่องกองคาราวาน พ่อรู้ว่าตระกูลเหวินไม่ชอบยุ่งทางการเมือง แม้จะค้าขายกับราชสำนักมาสามชั่วอายุคนแล้วก็ตาม แต่อาศัยว่าเจ้าเป็นสหายกับเหวินเฮ่าหลัน คิดว่าคงไม่ยากที่จะแฝงตัวไปกับกลุ่มพ่อค้า”
“เรื่องนี้ลูกพูดคุยกับเฮ่าหลันแล้ว เขายินดีรับรองลูกข้าเข้าร่วมกับกองคาราวานขอรับ”
“เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถิด ”
“ขอรับท่านพ่อ”
เขาประสานมือคารวะท่านพ่อแล้วหมุนตัวเดินออกมา ออกไป ตัดใจไม่ได้ไปห้องของเคอเค่อหลิ่งหลินแล้วตรงดิ่งเข้าห้องของตนเอง ทั้งที่เคอหลิ่งหลินยังไม่ฟื้น ท่านพ่อกลับส่งเขาแฝงตัวไปกับกองคาราวานขนสินค้า ทำให้เขาต้องอยู่ไกลคนที่เขาเป็นห่วง หรือท่านพ่อเกรงพยายามผลักไสให้เขาไปไกลจากเคอหลิ่งหลินเพื่อจะได้ตัดไฟเสียแต่ต้นลม
ชายผู้นั้นเป็นใครกัน ชายที่ได้ครอบครองหัวใจของเคอหลิ่งหลิน สองปีมานี่นี้เขารู้ว่านางคงมีใครสักคนที่นางอยากเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อเขาคนนั้น แม้นิสัยนางจะกระโดกกระเดกโผงผางไปบ้าง แต่ก็คล้ายว่าจะพยายามทำตัวให้สุภาพอ่อนหวาน แต่ก็ยังห่างไกลคำว่ากุลสตรีนัก แน่นอนว่าเขาหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นนางเพียรเพียงฝึกฝนท่องโคลงกลอน เขียนภาพหรือแม้แต่ฝึกเล่นดนตรีซึ่งนางเลือกขลุ่ย แรกๆ นางขอร้องให้เขาสอนให้ ซึ่งเขาก็ยินดีสอน เขาเติบโตในรั้วในวังมาก่อนจะใช้ชีวิตชายแดน ได้ร่ำเรียนกับเหล่าองค์ชายองค์หญิง เรื่องพวกนี้กลายเป็นเรื่องสามัญปกติไปแล้ว แต่สำหรับเคอหลิ่งหลินเป็นสิ่งใหม่ที่นางเพิ่งฝึกฝน และนางก็เป็นนักเรียนที่แสนจะโง่งมที่ไม่มีแววด้านนี้เอาเสียเลย
“แล้วเจ้าเล่าไปถูกตาต้องใจบุรุษบ้านไหนเข้า ถึงขนาดฝึกเป่าขลุ่ย เขียนภาพ แถมยังอ่านตำราโคลงกลอนต่างๆ อีก”
จ้าวจิ่นสือยังจำได้ว่าเขาล้อนางในวันหนึ่ง ก่อนที่นางจะหลับใหลไม่ตื่นฟื้นเช่นนี้ เขายังจำแววตาเคืองโกรธของนาง ซ้ำยังนางถลึงตาใส่แถมยกหมัดขึ้นข่มขู่ แต่เขากลับหัวเราะร่าด้วยความดีใจที่รู้ทำให้นางรู้ว่าเขารู้ความลับของนาง อย่างนางนะรึจะอยู่ดีๆ ลุกขึ้นมาทำตัวเป็นกุลสตรี ท่วงท่าการเดินหรือรับประทานอาหาร ตลอดจนฝึกดนตรีหรือเขียนภาพ ทั้งที่ก่อนหน้านี้นี่ท่านแม่เคยหาอาจารย์มาฝึกสอน แต่นางก็แทบไม่สนใจเลยสักนิด จนท่านแม่อ่อนใจยอมตามใจนาง ไม่ส่งใครมาอบรมนางอีก
“เอาน่าพี่สาว อยากให้ข้าส่งเกี้ยวขนาดแปดคนหามไปรับเจ้าบ่าวบ้านไหน ข้าก็ยินดีช่วยเหลือให้พี่สาวได้แต่งงานออกเรือน”
