ตอนที่15. ถลึงตามอง
นางพูดเน้นย้ำทุกคำแล้วถลึงตามอง เมื่อเขาก้าวมาหยุดยืนเบื้องหน้าทำให้นางรู้สึกได้ทันทีว่าความสูงของนางนั้นแค่ปลายคางของเขาเอง จ้าวจิ่นสือไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินนัก ปกติผู้หญิงเจองูก็เอาแต่กรีดร้องน่ารำคาญ ไม่ว่าจะงูตัวเล็กหรือตัวใหญ่ มีพิษหรือไม่มีพิษ นอกจากเคอหลิ่งหลินแล้ว เขาก็เพิ่งเคยเจอผู้หญิงที่ไม่กรีดร้องแต่เกรี้ยวกราดที่เขาไปฆ่างูตัวนั้นตายสนิท
“ทำดีไม่ได้ดี ไม่ช่วยเสียก็ดีหรอก” เขาพึมพำแต่จงใจให้นางได้ยิน เดินไปหยิบมีดสั้นของตัวเองออกจากหัวงูเจ้าปัญหาตัวนั้น เก็บมีดสั้นเข้าที่แล้วมองนางด้วยหางตา
“ตำราที่ยืมไป หวังว่าเจ้าคงไม่ลืมเอามาคืนหรอกนะ”
“แน่นอน ข้ายืมสิ่งใดมา ย่อมนำกลับไปคืนในสภาพเดิมไม่มีชำรุดแน่” นางโต้กลับอย่างหงุดหงิด นี่เขาพาลหาเรื่องนางใช่หรือไม่
“ข้ายังไม่เห็น คงเชื่อที่เจ้าพูดไม่ได้” เขาโต้กลับไม่ลดละ นึกแปลกใจที่ตนเองเสียเวลาต่อปากต่อคำกับนางเช่นนี้
“อีกสองวัน ข้าจะเอาหนังสือไปคืน ท่านอยู่รอตรวจทุกหน้ากระดาษได้เลย!” นางพูดเสียงขุ่น ตวัดสายตาไม่แสดงอาการหวาดกลัวและนอบน้อมอย่างที่เคยเป็นมา
“ได้ ข้าจะรอเจ้า” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากแล้วกระโดดขึ้นหลังม้า กระตุกบังเหียนแล้วควบม้าออกไปอย่างรวดเร็วไม่มีการหันมามองนางที่ยืนอยู่กับฝุ่นที่เขาทิ้งไว้
มู่ฟางเหนียงยกมือขึ้นโบกไปมาไล่ฝุ่นที่รู้ว่าเขาจงใจแกล้งนาง นางมองงูตัวนั้นที่ตายสนิทแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ ใช้เสื้อเก่าที่ถือมา จับมันห่อใส่ผ้านั้นแล้วอุ้มมันกลับบ้านไปด้วย ถึงตายแล้วก็ยังใช้ได้อยู่ เพียงแค่เสียดายที่ไม่ได้รีดเอาพิษงูออกมาใช้ทำยาแก้พิษ
ผู้ชายอะไรกัน โต้เถียงกับผู้หญิงแบบไม่ยอมรับความผิดของตนเอง แล้วยังมีหน้ามาทวงคำขอบคุณจากนางอีก!.
อาชาสง่างามมาถึงจวนแม่ทัพจ้าวแล้ว ร่างสูงก็กระโดดลงมาแล้วส่งม้าให้ผู้ดูแลนำม้าไปพักที่คอก จ้าวจิ่นสือไม่มีบ่าวคนสนิทติดตามตัวเหมือนคุณชายบ้านอื่น ขนาดเคอหลิ่งหลินยังมีสาวใช้ประจำตัว แต่เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับตัวเขานัก จึงเลือกที่จะทำอะไรด้วยตนเอง แต่เขายังมีพ่อบ้านตู้ที่เป็นเหมือนคนดูแลเขาแบบส่วนตัว เรียกว่ามองตาก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็พบพ่อบ้านที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“มีอะไร”
“นายท่านสั่งมาว่า ถ้าคุณชายกลับมาให้รีบไปพบที่ห้องอักษรขอรับ”
“เดี๋ยวนี้เลยรึ”
“ขอรับ”
ชายหนุ่มเพียงพยักหน้ารับแล้วเดินตรงไปที่ห้องอักษร ระหว่างนั้นเขาเดินผ่านห้องพักของเคอหลิ่งหลิน อยากแวะไปดูนางเสียหน่อย แต่ก่อนออกไปเขาก็แวะไปแล้ว ว่างเมื่อไหร่ หรือเดินผ่านกี่ครั้งเขาก็แวะทุกที อาจเพราะเหตุนี้ทำให้ท่านพ่อถึงต้องสั่งให้พ่อบ้านมารอแจ้งให้เขาทราบ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องไปหาบิดาอยู่แล้ว เขาจึงตัดใจไม่ไปที่ห้องของเคอหลิ่งหลินแล้วเดินตรงไปหาท่านพ่อทันที และดูเหมือนท่านจะรออยู่ก่อนแล้วจริงๆ
“ท่านพ่อ”
“มาแล้วรึ”
แม่ทัพจ้าวเงยหน้าขึ้นแล้วปรายตาไปที่เก้าอี้กลม ลูกชายนั่งลงอย่างเข้าใจความหมายพร้อมรินน้ำชาให้ตนเอง การที่ไม่มีคนรับใช้อยู่ใกล้บริเวณนี้แสดงว่าท่านไม่ต้องการให้ผู้ใดได้ยินเรื่องที่จะสนทนา
“ลูกได้พบกับเหวินเฮ่าหลันแล้ว สอบถามตามที่ท่านพ่อต้องการทราบแล้วขอรับ” เขารายงานทันทีหลังจิบน้ำชาไปแล้ว “อย่างที่ท่านพ่อคาดคิดไว้ แม้ชายแดนจะสงบเรียบร้อยดี แต่กองคาราวานขนสินค้ามีการเคลื่อนไหวผิดปกติขอรับ ลูกคิดว่าอาจมีทหารแฝงตัวมาดูลาดเลาชายแดนของเรา”
“และอาจจะเข้าไปถึงเมืองหลวง” ผู้เป็นพ่อพูดเสริม “แม้ชนเผ่าน้อยใหญ่จะยอมสวามิภักดิ์แต่ก็นิ่งนอนใจมิได้”
“ลูกก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
“หลิ่งหลินยังไม่ฟื้น หรือต่อให้นางฟื้น พ่อก็ไม่ส่งนางไปสอดแนมที่ใดอีก คราวนี้เห็นทีต้องส่งเจ้าไปดูความเคลื่อนไหวของชนเผ่าโดยรอบ เจ้ารับมือไหวอยู่ใช่ไหม”
“แน่นอนขอรับ” ใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มปรากฏ ดีใจที่ได้ช่วยงานเต็มที่ แม้เขาจะมีตำแหน่งรองแม่ทัพ ทว่าหลายคนยำเกรงเพราะเขาเป็นบุตรชายคนเดียวของแม่ทัพจ้าวซื่อก่วง เขาหวังให้การทำงานหนักของตนนั้นได้ประกาศชื่อเสียงของตนเอง
