บท
ตั้งค่า

ตอนที่14. เรื่องเล็กน้อย

“ขอบคุณพี่ฟางเหนียง”

“เรื่องเล็กน้อย” นางยิ้มเอ็นดูเด็กชาย “เสี่ยวจิง คราวนี้ไม่มุดรั้วอีกแล้วนะ เดี๋ยวเสื้อผ้าของแม่เจ้าจะขาดเป็นริ้วๆ ข้าเย็บแผลคนได้ แต่เย็บผ้าไม่เก่งเท่าแม่ของเจ้า”

“ข้าทราบแล้ว”

เขายื่นมือไปจับปลายนิ้วมือของนางแล้วจูงให้เดินไปด้วยกัน หญิงสาวหัวเราะเสียงใสออกมาแต่ก็ยอมเดินตามอย่างว่าง่าย มือข้างหนึ่งของนางจึงมีมือของเสี่ยวจิงจับไว้ ส่วนอีกข้างนางก็ถือเสื้อผ้าชุดเดิมออกมาด้วย

“เสี่ยวจิงเจ้าไม่ต้องจูงมือข้าก็ได้”

“เดี๋ยวพี่สาวหลงทาง”

“เจ้าเดินข้างๆ แบบนี้ ข้าไม่หลงหรอกนะ” นางหัวเราะแต่ก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ล้อนางเหมือนผู้อื่น

“ท่านพ่อกับท่านแม่บอกว่าท่านเป็นหมอหญิงที่เก่งมาก ทำไมท่านกลับจำเรื่องเส้นทางไม่ได้ล่ะ” เขาถามด้วยความอยากรู้

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” นางยิ้มเศร้าออกมา ก็พยายามแล้วนะ ขนาดใกล้แค่นี้นางยังจำไม่ได้ว่าต้องเลี้ยวซ้ายก่อนหรือเลี้ยวขวาก่อนกันแน่

“คงเพราะแบบนี้กระมัง พี่สาวถึงยังไม่แต่งงาน”

“หือ” นางเลิกคิ้วอย่างงุนงง “เจ้าว่าอะไรนะ”

“พี่สาวก็สวยนะ แต่ยังไม่แต่งงาน คงเพราะพี่สาวหลงทางง่ายนี่เอง”

“คงจะใช่กระมัง” นางเออออไปอย่างนั้น แต่ก็อดขำกับความคิดของเด็กชายไม่ได้

“แต่พี่สาวไม่ต้องห่วงนะ รอข้าโตกว่านี้อีกนิด ข้าจะแต่งงานกับท่านเอง”

“เจ้าแน่ใจที่พูดแล้วรึ” นางกลั้นหัวเราะ ยิ่งเห็นท่าทางจริงจังของเขาแล้ว นางก็ต้องกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น นี่นางคงไปอวดบิดาให้สบายใจได้แล้วกระมังว่ามีหนุ่มน้อยมาขอนางแต่งงานแล้ว

“เอาละ เจ้าส่งข้าแค่นี้ก็พอแล้ว” นางเอ่ยบอกเมื่อเดินพ้นสี่แยกแล้ว

“ได้อย่างไร ข้าต้องไปส่งพี่สาวถึงบ้าน”

“เดินตรงไปนี่ก็ถึงบ้านของข้าแล้ว ข้าไม่หลงหรอก” นางส่ายหน้าไปมา แค่เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็ถึงบ้านนางแล้ว ไม่ได้มีทางแยกให้นางสับสนเสียหน่อย “เจ้ารีบกลับไปดูลูกวัวของเจ้าเถิด เลี้ยงดูมันให้ดีจะได้มีสินสอดมาสู่ขอข้า”

“ได้ๆ เช่นนั้นข้ากลับก่อนนะพี่สาว”

“ไปเถิดๆ”

นางโบกมือไล่ เห็นเขาหมุนตัววิ่งกลับไปแล้วนางก็หมุนเท้าเดินกลับมาทางเดิมของตน นึกถึงคำพูดของเด็กชายตัวน้อยแล้วอดยิ้มไม่ได้ ปีนี้นางอายุสิบหก ส่วนเขาสิบขวบเท่านั้น กว่าเขาจะอายุสิบหก นางก็อายุยี่สิบสอง ถึงตอนนั้นเด็กน้อยคงลืมคำพูดกับท่าทีจริงจังนั้นไปแล้ว โลกของเด็กมักเป็นเช่นนี้ คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ไม่ต้องระแวงระวังอันใด ส่วนนางเองก็คงไม่ต้องไปใส่ใจกับคำพูดของเด็กน้อย ได้แต่เก็บมาคิดให้ยิ้มขำเป็นเรื่องเล่าตลกของวันวานก็พอ

พอเดินคนเดียวแล้วนางก็อดท่องอาการคนป่วยไม่ได้ นางเป็นอย่างนี้เสมอ เดินพึมพำคนเดียว คงเพราะแบบนี้ทำให้นางมักใจลอยคิดเรื่องอื่นจนลืมเส้นทางที่แม้จะเดินประจำก็ยังหลงออกบ่อยไป

“ฝ่ามือบอกโรค ฝ่ามือต้องรู้สึกนุ่มนิ่ม สบาย ไม่เปียก ไม่ร้อน ไม่เย็น ฝ่ามือร้อน มาจากอาการหยินพร่องของไตและหัวใจ ความหงุดหงิด ร้อนใน นอนไม่หลับ หรือฝันบ่อย ฝ่ามือเย็น มาจากอาการพร่องของม้ามหรือไตหยาง ร่างกายอ่อนแอกลัวหนาว การดูดซึมอาหารไม่ดีเท่าที่ควร ฝ่ามือชื้นเปียกมาจากหัวใจและม้ามพร่อง ไฟในหัวใจร้อน ทำให้มีความรู้สึกตื่นเต้น และเป็นคนที่เหนื่อยง่าย ฝ่ามือแห้งมาจากอาการพร่องของม้ามและปอด ผิวจะแห้งกร้าน และไม่สบายง่ายด้วย...”

เสียงหวานชะงักไปเมื่อเห็นงูตัวยาวกำลังเลื้อยผ่าน เท้าทั้งสองหยุดนิ่งและดวงตาสีนิลหรี่ตามองว่าเป็นงูชนิดใดและจะหาทางจับมันกลับบ้านด้วย ทันใดนั้น มีดสั้นเล่มหนึ่งก็พุ่งฝ่ากระแสลมปักฉึกที่หัวงู! งูตัวยาวดิ้นรนอย่างน่าเวทนาเพียงอึดใจก็แน่นิ่งไป หญิงสาวอ้าปากค้าง พอได้สติก็หันขวับไปทางด้านหลัง เงาร่างของบุรุษอยู่บนหลังม้าทาบทับร่างของนาง หญิงสาวจ้องเขม็งจึงเห็นใบหน้าของบุรุษผู้นั้น

“คุณชายจ้าว!”

“มันตายแล้วละ” เขากล่าวย้ำเพราะเข้าใจไปว่านางกลัวจนขยับเท้าเดินต่อไม่ได้ นี่นางคงไม่ได้รอให้เขาประคองนางเดินหรอกใช่ไหม?

“ท่านทำมันตาย!” นางตวาดด้วยความโมโห

“เป็นข้า แล้วอย่างไร ถึงมันจะมีพิษหรือไม่ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นงูก็ไว้ใจไม่ได้” จ้าวจิ่นสือทำเสียงหงุดหงิด “ข้าควรได้รับคำขอบคุณหรือไม่”

“ท่านจะมาทวงคำขอบคุณทำไมกัน ในเมื่องูตัวนี้มันตายแล้ว!” นางเกรี้ยวกราดอย่างลืมรักษากิริยา “ข้ากำลังคิดจะจับมันเป็นๆ อยู่นะ”

“จับงูเป็นๆ?” เขาขมวดคิ้วแล้วตัดสินใจกระโดดลงจากหลังม้า เขาเพิ่งกลับจากบ้านตระกูลเหวิน ผ่านเส้นทางนี้เห็นเพียงมีงูอยู่เบื้องหน้าหญิงสาว แต่ไม่รู้ว่าหญิงที่ยืนอยู่คนนี้คือบุตรสาวของท่านหมอมู่

“ใช่! ข้า-ต้อง-การ-งู-เป็น-เป็น”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel