บทที่ 5 เจ้าสำนักทัวป๋าอู๋จี้
แสงอรุณรุ่งมาเยือน ไป๋หลันลุกลงจากเตียงอย่างเชื่องช้ารอบคอบ นางล้างหน้า สวมใส่ชุดสีขาวสะอาดตาที่นางนำติดตัวมาด้วย
เมื่อเย็นวาน อาสือห้าวเพิ่งจัดแจงห้องของนางให้แล้วเสร็จ อาสือห้าวเป็นคนสนิทและองครักษ์ของเจ้าสำนักทัวป๋าอู๋จี้ และยังเป็นคนที่จัดแจงทุกอย่างให้นางตามแต่นางจะต้องการ
แต่สำนักเต๋าไหนเลยจะยังต้องการของใช้มากมายให้ฟุ่มเฟือย นางจึงบอกเขาว่าต้องการเพียงห้องที่สงบเงียบห้องหนึ่งเท่านั้น อาสือห้าวจึงจัดเตรียมเรือนให้นางซึ่งเป็นเรือนที่ใกล้เรือนของเจ้าสำนัก ด้วยบอกว่านี่เป็นเรือนที่เงียบที่สุด
บริเวณเรือนของเจ้าสำนักแบ่งออกเป็นสองส่วน นั่นคือซ้ายและขวา อาสือห้าวพักอยู่ที่เรือนฝั่งซ้าย ส่วนนางอยู่เรือนฝั่งขวา เครื่องเรือนแม้มีไม่มาก แต่ครบและใช้งานได้จริง ที่สำคัญ เรือนแห่งนี้มีความเป็นส่วนตัวไม่ต่างจากเรือนพักของนางที่สำนักซานเหลิ่ง
พูดไปแล้ว ในเมื่ออาสือห้าวเลือกเรือนที่ดีและเงียบให้นาง นางจะพยายามมองข้ามเรื่องที่เจ้าสำนักของเขาปล่อยให้นางนั่งรอเก้อก็แล้วกัน
หลังจากหญิงสาวจัดแจงตัวเองเรียบร้อยแล้ว นางก็เดินออกมาข้างนอกเพื่อพบเจ้าสำนักทัวป๋าและชี้แจงจุดประสงค์ในการมา
และเมื่ออาสือห้าวพานางเข้ามาในหอหนังสือของสำนัก นางพบอู๋จี้และชายหนุ่มอีกคนที่ดูทรงภูมิมากกว่า ทว่าพวกเขาทั้งสองคนกลับนั่งเสมอเคียงกัน ดวงตาก็จับจ้องมองมาทางนางตลอด...
“ท่านผู้นี้คือรองเจ้าสำนัก ‘มู่เค่อเจี๋ยเฉิง’ หรือเรียกว่าท่านรองก็ได้” อาสือห้าวแนะนำพลางผายมือไปทางชายหนุ่มที่มีท่าทางทรงภูมิ
“คารวะท่านรอง ข้ามีนามว่าไป๋หลัน มาจากสำนักซานเหลิ่งเจ้าค่ะ” หญิงสาวประสานมือทำความเคารพรองเจ้าสำนักอย่างมีมารยาท
มู่เค่อเจี๋ยเฉิงพยักหน้ายิ้มๆ ให้นาง
ต่อมามือของอาสือห้าวเลื่อนมาทางอู๋จี้ นางก็มีสายตาว่า ‘รู้อยู่แล้วนา’ แต่ทว่า สิ่งที่นางเข้าใจตั้งแต่เมื่อวานกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่ได้ยินอย่างสิ้นเชิงเมื่ออาสือห้าวแนะนำว่า
“ส่วนท่านผู้นี้คือเจ้าสำนักทัวป๋า ทัวป๋าอู๋จี้”
คราวนี้ไป๋หลันเบิกตาโต แสดงท่าทางตกใจอย่างเห็นได้ชัด
กระนั้น ทัวป๋าอู๋จี้หรืออู๋จี้กลับหัวเราะร่า ราวกับเห็นท่าทางตกใจของนางเป็นเรื่องสนุก
“ขอโทษด้วยที่ข้าไม่ได้บอกฐานะกับเจ้าตั้งแต่เมื่อวาน”
น้ำเสียงและสีหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกว่ารู้สึกผิดอย่างที่พูด ไม่เพียงแค่เขาไม่ได้บอกฐานะกับนางกระมัง ทั้งที่เขาเป็นคนพานางมาแท้ๆ แต่กลับปล่อยให้นางนั่งรอเขาจนถึงเย็น!
หญิงสาวอยากจะบอกออกไปเช่นนั้น แต่ก็ติดว่าหากนางพูดอย่างที่คิดมีแต่จะทำให้ตัวนางดูแย่ในสายตาของผู้อื่น อีกอย่างสำนักเต๋าซานเหลิ่งก็มิได้เลี้ยงดูคนปากมากหรือคนเจ้าอารมณ์ นางมาจากสำนักเต๋า จะแสดงความฉุนเฉียวออกมามิได้
คิดได้ดังนั้นแล้ว ไป๋หลันก็สูดหายใจเข้าและออกหลายคราเพื่อทำให้ความเดือดดาลในใจสงบลง
ราวกับทัวป๋าอู๋จี้รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เขาพูดยิ้มๆ
“เมื่อวานข้าติดใจอยู่ว่าข้าลืมอะไรไป ที่แท้ก็ลืมเจ้า ขอโทษเจ้าจริงๆ นะ”
ไม่ใช่เรื่องน่าตลกเลยสักนิด! นางคิด มือที่ตกข้างลำตัวกำกระโปรงผ้าไหมสีขาวแน่นอย่างนึกโมโห ทว่าก็แสดงออกหรือพูดไม่ได้
“จริงสิ แม่นางไป๋หลันมาที่นี่ก็เพราะได้รับมอบหมายให้มาตรวจสอบเภทภัยทางตะวันตกใช่หรือไม่” มู่เค่อเจี๋ยเฉิงถาม พลางมองพิจารณานางหนึ่งตลบ “บุคลิกเรียบร้อย หน้าตาหมดจด งานนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่แม่นางคิดเลยนะ เจ้าไม่เปลี่ยนใจจริงหรือ”
ไป๋หลันมองออกมู่เค่อเจี๋ยเฉิงพูดขึ้นก็เพื่อขัดจังหวะอารมณ์โกรธของนาง แต่พอใคร่ครวญสิ่งที่เขาพูดให้ดี งานที่นางได้รับมอบหมายมาหนักหนาเกินไปสำหรับสตรีเช่นนางจริงๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางทำให้สำเร็จไม่ได้ ในเมื่องานนี้ราชสำนักเป็นผู้มอบหมายให้สำนักซานเหลิ่งทำก็ต้องมีความมั่นใจสำนักเต๋าอยู่มาก อีกอย่างสำนักเสือขาวก็ไม่ได้กระจอก หรือปล่อยให้นางทำงานคนเดียวกระมัง
หญิงสาวสูดหายใจลึกอีกครา ครั้งนี้นางพยายามเลี่ยงไม่มองทัวป๋าอู๋จี้คนน่าโมโห และเอ่ยกับมู่เค่อเจี๋ยเฉิงเข้าประเด็นทันที
“ข้าไม่เปลี่ยนใจเจ้าค่ะ งานนี้เจ้าสำนักอู๋เล่ยซิงมอบหมายแก่ข้าโดยตรง ข้าจะทำให้เสียเรื่องไม่ได้ เหตุนี้ข้าต้องขอการสนับสนุนจากสำนักเสือขาวแล้วเจ้าค่ะ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ทางเราก็อยากให้ปัญหานี้คลี่คลายเช่นกัน แต่ก็ติดตรงที่แสดงออกมากเกินไปไม่ได้” มู่เค่อเจี่ยเฉิงว่า “หากแม่นางไป๋หลันขาดเหลืออะไร บอกอาสือห้าวได้เลยนะ เขาจะจัดการทุกเรื่องให้เจ้า จริงสิ ไหนๆ พวกเราก็มีจุดประสงค์เดียวกัน เช่นนั้นแม่นางจะยืมกำลังคนของสำนักเสือขาวด้วยก็ได้ มากน้อยตามแต่เจ้าจะต้องการ”
ความมีน้ำใจในเรื่องนี้ทำให้นางยิ้มออกมา
“ขอบคุณท่านรองเจ้าค่ะ”
“ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้าเองก็จะตรวจสอบเรื่องนี้กับเจ้าด้วย” คราวนี้ทัวป๋าอู๋จี้พูดโพล่ง ราวกับต้องการเรียกร้องความสนใจจากนาง
ไป๋หลันกะพริบตาส่งเสียงถาม
“เจ้าคะ?”
“ไม่พอใจหรือ” ทัวป๋าอู๋จี้ถาม พลางมองนางเหมือนว่านางนั้นหัวรั้น
นางไหนเลยจะไม่พอใจ มีเจ้าสำนักใหญ่คอยหนุนหลัง นั่นยิ่งทำให้นางยิ่งกระเหี้ยนกระหือรือเรียกร้องความช่วยเหลือ เพียงแต่... ดูสายตาของเขาที่มองมาทางนางสิ! ราวกับโจรทะเลทรายที่จ้องมองเหยื่อตัวเล็กๆ อย่างไรอย่างนั้น สงสัยว่าคนที่นางต้องจัดการเห็นทีจะเป็นเขาคนแรกกระมัง
ทว่านางจะทำตัวเสียมารยาทไม่ได้ ต้องรีบอธิบาย
“เจ้าสำนักทัวป๋า ข้าไม่ได้บอกว่าไม่พอใจนะเจ้าคะ”
“แต่สีหน้าของเจ้าแสดงออกว่าไม่พอใจ” ทัวป๋าอู๋จี้ว่า
“เปล่าเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าก็ควรแสดงอาการดีใจหรือรีบขอบคุณข้าไม่ใช่หรือ”
ทำเหมือนอย่างที่นางทำกับมู่เค่อเจี๋ยเฉิงอย่างไรล่ะ! นั่นคือสิ่งที่เขาอยากพูด แต่ก็พูดไม่ได้เพราะติดที่เขาเป็นเจ้าสำนัก
เออ...
ไป๋หลันพูดอะไรไม่ออก ทว่าพอได้ใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ ในที่สุด ไป๋หลันก็พูดอย่างมีมารยาท เพราะไม่ต้องการต่อปากต่อคำกับเขาจนกลายเป็นเรื่องไร้สาระ
“ขอบคุณเจ้าสำนัก ต่อไปไป๋หลันต้องรบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ” พูดจบ นางฉีกยิ้มเล็กน้อย
สายตาและสีหน้าของทัวป๋าอู๋จี้เปลี่ยนไป เขามองนางคล้ายกับว่านางพูดจาไม่รู้เรื่อง
