บทที่ 6 ข้าไม่ใช่นักพรตหญิง!
ช่วงสายของวันเดียวกันนั้น ทัวป๋าอู๋จี้พาหญิงสาวออกนอกสำนักด้วยการใช้ม้า ม้าที่เขาเลือกให้นางก็คือม้าป่าสีขาวดุจหิมะตัวหนึ่ง ส่วนม้าที่เขาใช้คือม้าป่าแดง ตัวเดียวกับที่นางใช้ควบมายังสำนักเสือขาวนั่นแหละ
สถานที่ที่เขาพานางไปนั้นก็คือภูเขาทางตะวันออก ได้ยินว่าทางตีนเขามีกระโจมตั้งอยู่ ไม่แน่ใจเช่นกันว่าตำแหน่งที่มีกระโจมตั้งนั้นจะเป็นที่ตั้งของกลุ่มโจรเดียวกับชาวบ้านล่ำลืออยู่ในตอนนี้หรือไม่ หรือจะเป็นนักเดินทางเร่ร่อนที่เดินทางย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย แต่จะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง อย่างไรเขาก็ต้องไปตรวจสอบอยู่ดี
ตอนที่สองหนุ่มสาวควบม้าผ่านลำธาร ไป๋หลันยิ้มพลางมองความสนุกรื่นรมย์รอบตัวพลางคิดสถานที่นี้สวยและมีเสน่ห์มาก แต่ทันใดนั้น...
ตู้ม!
เสียงของหนักตกลงในธารน้ำ พร้อมกับน้ำสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะขบขัน เรียกความสนใจคนทั้งหมดให้หันไปมอง ไม่เว้นแม้แต่สองหนุ่มสาวที่ควบม้าผ่านมา
ในธารน้ำใสไหลเอื่อย สตรีนางหนึ่งกำลังหยอกล้อเด็กหนุ่มอย่างสนุกสนาน บ้างเกาะเกี่ยวแขนกัน บ้างวักน้ำใส่กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ทัวป๋าอู๋จี้ยิ้มพร้อมกับเบนสายตามองสตรีด้านข้าง ทว่าสีหน้าของนางกลับแสดงออกว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร
“มีอะไรหรือ” เขาเอ่ยถาม พร้อมกับคาดเดาว่านางอาจหวาดกลัวธารน้ำ แต่ธารน้ำนี้ไม่ได้ลึกมาก จึงไม่น่ากลัวแต่อย่างใด
ทว่าคำตอบของนางทำเขาผิดคาด
“ก็จะอะไรเสียอีกล่ะ! หนึ่งหญิงหนึ่งชายอยู่ในน้ำ แตะเนื้อต้องตัวกันผ่านเสื้อผ้าที่เปียกและบางเบานั้น ‘ไม่เหมาะไม่ควร’ อย่างยิ่ง พวกเขารู้หรือไม่นะว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด” นางเริ่มร่ายยาวอีกแล้ว ทั้งยังพูดโดยไม่หันมองเขา แต่น้ำเสียงนั้นคล้ายกับเป็นเรื่องใหญ่ถึงแก่ชีวิต
เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ยังไม่ทันได้คิดอย่างลึกซึ้ง นางก็กระโดนลงจากหลังม้าและโพล่งขึ้น
“แม่นางน้อย เจ้าหยอกล้อบุรุษ อีกทั้งแตะเนื้อถูกตัวกันเช่นนี้ไม่เหมาะไม่ควรเลยนะ!”
หญิงสาวและเด็กหนุ่ม รวมทั้งทุกคนที่อยู่ริมธารน้ำล้วนหันมองสตรีชุดขาวที่วางตัวดุจแม่ชีอย่างงุนงง แต่เมื่อสายตาปะทะกับทัวป๋าอู๋จี้ที่นั่งบนหลังม้า ทุกคนต่างก็ทักเขา
“นั่นพี่อู๋จี้หรอกหรือ”
“พี่อู๋จี้ แม่นางท่านนี้...?”
ทัวป๋าอู๋จี้ยักไหล่ ไม่พูดอะไร
สตรีในน้ำจึงย้อนถามไป๋หลันเสียเอง
“นักพรตหญิง ข้าเล่นน้ำกับน้องชายไม่เหมาะไม่ควรหรือเจ้าคะ เหตุใดข้าเพิ่งรู้” ช่วงที่อากาศร้อน นางเล่นน้ำกับน้องชายเช่นนี้ออกจะบ่อย ไม่เพียงแค่นาง ทุกคนละแวกนี้ล้วนมาเล่นน้ำที่นี่ประจำ แต่ทำไมคนที่นี่ไม่เห็นมีใครบอกนางว่าไม่เหมาะไม่ควรเลยล่ะ!
“น้องชายของเจ้าอย่างนั้นเองหรือ” ไป๋หลันเอ่ยถามพลางยิ้มแห้งๆ
“เขาคนนี้ก็คือน้องชายข้าเจ้าค่ะ” หญิงสาวในน้ำตอบอย่างไม่ค่อยเข้าใจในตัวนางนัก
เมื่อเข้าใจความเป็นมา ไป๋หลันก็หันหน้าไปทางทัวป๋าอู๋จี้ และยิ้มแหย
“เหตุใดท่านไม่บอกข้า”
“เจ้าไม่ได้ถามข้านี่” เขาบอก และตีหน้าซื่อ
ขณะเดียวกัน ทุกคนในที่นั้นต่างมองไป๋หลันด้วยแววตาประหลาดและสนใจอยู่ในที
ไป๋หลันยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติให้กับทุกคน ก่อนจะเดินกลับมาและตวัดตัวขึ้นหลังม้าป่าสีขาว มุ่งหน้าออกจากที่ตรงนั้นทันที
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังติดตามหลัง ราวกับกำลังเย้ยหยันเรื่องที่นางกระทำลงไปเมื่อครู่
“ข้าเพิ่งเคยพบคนแบบเจ้าครั้งแรก นักพรตหญิงหรือ สำนักซานเหลิ่งสอนสั่งศิษย์เป็นนักพรตหญิงหรอกหรือ ข้าเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง” เขาบอกอย่างขบขัน
ช่วยไม่ได้นี่น่า นางอยู่สำนักเต๋าตั้งแต่อายุเจ็ดแปดขวบ ภายในสำนักล้วนมีแต่สตรี อีกทั้งที่บ้านของนางก็อบรมเลี้ยงดูอย่างเคร่งครัด เรื่องระหว่างชายหญิงไหนเลยมีข้อยกเว้น
แต่ต่อให้นางเขินอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน นางก็ต้องข่มกลั้นอารมณ์ และหันมองทัวป๋าอู๋จี้ด้วยสายตาและสีหน้านิ่งเฉย
“ข้า... ข้าไม่ใช่นักพรตหญิง” นางแก้ต่างให้ตนเอง
“แต่เจ้ากระทำตัวว่าเหมือน” เขาบอก แต่ถึงนางจะเป็นนักพรตหญิงจริง บอกตามตรง เขาเริ่มสนใจในตัวนางขึ้นมาบ้างแล้ว ซ้ำยังมีความคิดท้าทายทำนองว่า อยากดึงคนที่อยู่สูงให้ตกลงมาเบื้องล่างด้วยตัวของเขาเอง
นางหน้าแดงวาบ พูดอะไรไม่ออกก็ได้แต่หันหน้าหลบไปทางอื่น
นี่น่ะหรือคือนิสัยของสตรีจงหยวน ไม่เหมือนกับสตรีตะวันตกที่มีความคิดและแสดงออกตรงๆ สำหรับเขา เปิดเผยเกินไปก็ไร้ความท้าทาย
ไป๋หลันตรงกันข้าม แต่เขาก็ชอบนะ เริ่มรู้สึกสนุกและชอบหยอกล้อนางขึ้นมาเสียแล้ว
คนทั้งสองควบม้าออกมาถึงเขตป่าตะวันออก เมื่อพวกเขาลงสำรวจก็พบว่าบนพื้นมีร่องรอยว่าเคยมีคนตั้งกระโจมอยู่แถวนี้จริง
“กลุ่มโจรทะเลส่วนมากอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะออกตามหาสตรีที่ถูกพวกมันจับและช่วยเหลือนางกลับมา” ทัวป๋าอู๋จี้บอก
“ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นหลักฐานว่าพวกมันเคยพักอยู่ที่นี่” หญิงสาวมองร่องรอยด้วยสีหน้าวิเคราะห์ และคิดว่าหากทัวป๋าอู๋จี้ต้องการทำตัวให้เป็นประโยชน์ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่เหตุไฉน ที่ผ่านมาเขาถึงไม่ค่อยจริงจังกับเรื่องนี้เท่าไรนะ
“แถวนี้มีหมู่บ้านเล็กๆ ในเมื่อมีร่องรอยของโจรใกล้ๆ นี้ บางทีควรไปตรวจสอบดูว่ามีหญิงสาวหายตัวไปหรือไม่” เขาเสนอ
“เป็นความคิดที่ดีเจ้าค่ะ”
เมื่อสรุปได้แล้ว ทัวป๋าอู๋จี้ก็พาไป๋หลันควบม้ามายังหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบริเวณที่พวกเขาสำรวจเมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันได้ควบม้าเข้าหมู่บ้าน พลันเกิดเสียงขอความช่วยเหลือดังขึ้น
“ปล่อยข้า... ไม่เช่นนั้นข้าร้องให้คนช่วยจริงๆ นะ”
“เจ้าต้องไปกับข้า”
“ไม่ไป ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที!”
เสียงของหญิงสาวตะโกนขอความช่วยเหลือได้ปลุกสัญชาตญาณของไป๋หลัน สั่งให้นางกระโดนลงจากหลังม้า และใช้วิชาตัวเบามุ่งหน้าไปตำแหน่งที่เกิดเสียงนั้น โดยไม่ฟังคำเตือนของชายหนุ่ม
“ช้าก่อน ไป๋หลัน!”
ไป๋หลันไหนเลยจะรอช้า นางมุ่งหน้าตรงไป และเมื่อมาถึง นางพบหญิงสาวนางหนึ่งกำลังถูกชายสองคนฉุดกระชากลากถู!
