บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เหมือนจะลืมอะไรบางอย่าง

ไม่มีใครรู้ หลังจากชายหนุ่มนามว่า ‘อู๋จี้’ ส่งไป๋หลันถึงเรือนใหญ่ของเจ้าสำนักทัวป๋าแล้ว มุมปากบางที่เม้มแน่นมาตลอดค่อยเผยอเป็นรอยยิ้มกว้าง

ชายหนุ่มจูงม้าป่าแดงออกมากินน้ำกินหญ้า ก่อนจะลูบแผงคอและหลังของมันอย่างสนิทสนม ม้าป่าแดงพ่นเสียงออกมาดัง “พรืด” คล้ายมีความสุขที่ถูกเขาลูบอย่างเอาใจ

“เจ้าหมอกแดง เจ้าก็คิดว่านางงดงามใช่ไหมล่ะ” เจ้าหมอกแดงไม่ตอบ เพราะมันไม่อาจตอบเป็นภาษามนุษย์ได้ ดังนั้นเขาจึงพูดต่อ “อย่าบอกข้านะว่าเจ้าชอบนางเข้าแล้ว” ประโยคหลังไม่คล้ายพูดกับม้า แต่คล้ายพูดกับตนเองเสียมากกว่า “เจ้าห้ามชอบนางนะ นางเป็นศิษย์สำนักเต๋า มาที่นี่ก็เพื่อทำงานของนาง!”

ผู้หญิงคนนั้น มาที่นี่ก็เพื่อตรวจสอบเภทภัยแถบตะวันตก เป็นงานที่แม้แต่เจ้าสำนักทัวป๋ามิอาจกระทำอย่างเปิดเผยได้

แต่จะว่าไปแล้ว หญิงสาวที่เหมือนคุณหนูจากตระกูลใหญ่กลับแสดงกิริยาและพูดจาดุจแม่ชีน้อยจะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่ ปราบโจรป่ายังว่าง่าย แต่ปราบโจรทะเลทรายอาจมีผลกระทบตามมาไม่น้อยทีเดียว

ชาวตะวันตกมีมากมายหลายเผ่า หากแสดงออกว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อเผ่าใดเผ่าหนึ่งมีหวังสำนักเสือขาวได้ย่ำแย่แน่ ทว่าสำหรับผู้หญิงจากจงหยวนคนนี้คงไม่มีอะไรน่ากังวลกระมัง อย่างน้อยนางก็มีความสามารถอยู่บ้าง...

ช่วงที่เขาคิด ชายคนหนึ่งวิ่งตึกๆ เข้ามาหา ในมือถือตะกร้าหนึ่งใบ ปากก็ตะโกน

“พี่อู๋จี้ พี่อู๋จี้ ดูผลหลี(ลูกแพร์) นี่สิขอรับ พอที่จะเก็บไปขายในเมืองได้หรือยังขอรับ”

อู๋จี้มองผลหลีที่มีสีเขียวอมแดงลูกใหญ่หลายลูกในตะกร้า ก่อนหยิบขึ้นมาหนึ่งลูก ใช้มือถูๆ แล้วกัดกินคำหนึ่ง เสียงผลหลีกรอบดังกร๊วบ! ตามมาด้วยรสหวานฉ่ำน้ำ เขาเคี้ยวกลืนแล้วนั่นแหละถึงบอกฝ่ายนั้น

“ไม่สุกเกินไป ไม่ดิบเกินไป ใช้ได้ทีเดียว เก็บลูกสุกพอประมาณเช่นนี้ไปขายสด ดิบกว่านี้นำไปแช่อิ่ม ส่วนลูกที่สุกเกินไปนำไปเคี้ยวกับน้ำผึ้งผสมมะนาว แล้วอย่าลืมทำเผื่อไปแจกชาวบ้านที่อยู่นอกด่านด้วยล่ะ”

“ขอรับ” ซือเอ๋อหลางพยักหน้าแรงๆ ยิ้มหน้าบาน

ต้นหลีเต็มสวนที่ท้ายสำนักเป็นพี่อู๋จี้ไว้วางใจให้เขาเป็นหัวหน้าดูแลคนงาน แล้วเขาจะไม่ดูแลเป็นอย่างดีได้หรือ ผลหลีที่ได้มากมายนี้ล้วนแล้วแต่เต็มคุณภาพ ขายหมดสวนย่อมได้กำไรมหาศาล กระนั้นพี่อู๋จี้ยังให้แบ่งสันปันส่วนแจกชาวบ้านทุกข์ยากที่นอกด่าน นับว่าได้ทั้งกำไรได้ทั้งบุญ

“มีอะไรอีกหรือ” อู๋จี้ถาม ก่อนวางผลหลีในมือลงในตะกร้า

“ข้ากำลังคิดว่า พี่อู๋จี้ช่างใจดียิ่งนัก ถึงไม่ได้ช่วยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโจรทะเลทรายโดยตรง แต่ท่านก็ช่วยเหลือพวกเขาเท่าที่ทำได้” ซือเอ๋อหลางบอก “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะนำคนทำสวนไปเก็บผลหลีเดี๋ยวนี้เลยนะขอรับ”

อู๋จี้พยักหน้า

เมื่อซือเอ๋อหลางจากไปแล้ว หญิงกลางคนเดินเข้ามาหาเขา

“พี่อู๋จี้ ท่านช่วยดูสีย้อมผ้านี้ที ข้าทำมาจากเปลือกเหยียนชง(หอมใหญ่) สีสวยงามหรือไม่” ถางลู่ลู่ แม่บ้านวัยสี่สิบที่รับหน้าที่ดูแลสีย้อมผ้า ถือผ้าที่นางเพิ่งย้อมใหม่มาให้เขาตรวจดู นางแก่กว่าเขาหลายปี แต่กลับเรียกเขาว่า ‘พี่’ เหมือนคนอื่นๆ นั่นเพราะพี่อู๋จี้คนนี้ไม่แบ่งแยกฐานะหรือยอมอ่อนข้อเพียงเพราะเขาอายุน้อยกว่า เขาทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีนอกไม่มีใน ทุกคนจึงให้ความเคารพเลื่อมใส

อู๋จี้หยิบผ้าย้อมสีเหลืองอ่อนกว่าสีของขมิ้นขึ้นมาพิจารณา สูดดม แล้วพูดเสียงราบเรียบ

“ย้อมด้วยเหยียนชงครั้งนี้นับว่าได้สีสวยทีเดียว แต่ยังมีกลิ่นอยู่ ลองเติมเกลือลงไปอีก และล้างหลายๆ น้ำหน่อย”

ถางลู่ลู่ยิ้มและพยักหน้ารับ

“ขอบคุณพี่อู๋จี้ ข้าจะปรับปรุงตามที่ท่านชี้แนะ”

“อ้อ ยังมีอีก ขอถามท่านป้าถาง ท่านป้ากับฝ่ายดูแลเย็บปัก ตัดผ้าสำหรับฤดูหนาวนี้ถึงไหนแล้ว”

ป้าถางตอบด้วยสีหน้ากังวล

“ตอนนี้ผ้าห่มที่ตัดเย็บออกมาสมบูรณ์ยังไม่เพียงพอสำหรับชาวบ้านที่อยู่นอกด่านเลยเจ้าค่ะ แต่ข้าน้อยจะเร่งยายเฮ่อให้เร่งมือขึ้นอีกนิดนะเจ้าคะ”

“ไม่เป็นไรหรอก หากไม่ทันจริงๆ ข้าจะหาคนไปช่วยฝ่ายตัดเย็บให้ได้มากที่สุด” เขาย่อมรู้ว่าฝ่ายตัดเย็บนั้นเร่งมืออย่างเต็มที่แล้ว อีกอย่าง ไหนจะต้องตัดเย็บชุดฤดูหนาวสำหรับคนในสำนัก ไหนจะเย็บผ้าห่มสำหรับชาวบ้านยากไร้ แค่นี้งานก็ล้นมือมากแล้ว

“ป้าถาง งานในสำนักมีมาก บอกทุกคนว่าอย่าโหมงานหนักจนไม่หลับไม่นอน หรือไม่ได้กินข้าวล่ะ” เขาบอกอย่างห่วงใย

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าน้อยไปก่อนนะเจ้าคะ”

“อืม” อู๋จี้พยักหน้าให้สตรีสูงวัย

ถางลู่ลู่เดินจากไปแล้ว เขาจึงหันมาลูบเจ้าหมอกแดง และตบบนแผงคอของมันเบาๆ

“เพราะความขยันของข้าแท้ๆ สำนักเสือขาวถึงได้เจริญรุ่งเรืองและน่าภาคภูมิเช่นนี้ ใช่ไหมเจ้าหมอกแดง ฮ่าๆ”

แววตาของอู๋จี้กลับมาซุกซนเหมือนก่อนที่ซือเอ๋อหลางและถางลู่ลู่จะเดินเข้ามา แต่นั่นไม่อาจกลบลบความองอาจทะนงได้

หลังจากช่วงบ่ายของวันนั้น ตลอดจนถึงเย็นย่ำ คนมากมายสลับกันเข้ามาหาและขอคำชี้แนะจากเขาในหลายๆ เรื่อง

ดวงอาทิตย์เคลื่อนต่ำและลับหายพร้อมกับแสงสว่างบนท้องฟ้า ดวงจันทร์แขวนลอยแทนที่ เขาถึงเพิ่งคิดขึ้นได้ว่าต้องกลับเข้าที่พัก

อู๋จี้นำม้าป่าแดงไปผูกที่คอกม้า เขาทักทายม้าทั้งหมดในคอก และเดินไปทางเรือนใหญ่

ตอนนี้เองถึงได้รู้สึกตัว คลับคล้ายคลับคราว่าจะหลงลืมอะไรไปสักอย่าง สิ่งนั้นคืออะไรกันนะ

แต่ก็ช่างเถอะ นึกไม่ออกก็ไม่ต้องไปนึก!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel