บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ชายผู้นี้ช่างประหลาด

ม้าป่าแดงแห่งแดนตะวันตกวิ่งได้ไวเหนือคำบรรยาย!

ไป๋หลันควบม้าป่าแดงพลางคิดอย่างเลื่อมใสว่าสำนักเสือขาวเลือกอาชาได้ดียิ่งนัก ระหว่างนั้นนางก็มองพี่ชายร่างสูงบึกบึนที่โผนทะยานอยู่เบื้องหน้า คอยนำทางนางไปยังสำนักเสือขาว

แต่จะว่าไปแล้ว นางยังไม่รู้ฐานะของพี่ชายท่านนี้เลยมิใช่หรือ!

ติดตามเขามาทั้งที่ไม่ได้สอบถามฐานะ นี่ไม่ใช่นิสัยของศิษย์สำนักเต๋าพึงกระทำ ทว่าก็ช่างมันเถอะ ในเมื่อเจ้าสำนักอู๋เล่ยซิงส่งนางให้มาทำภารกิจ รวมทั้งเจ้าสำนักเสือขาวก็ยินดีช่วยเหลือ ถึงแม้จะออกหน้าไม่ได้ นางยังจะสงสัยสิ่งใดอีก...

ความคิดของหญิงสาวหยุดลงเมื่อเบื้องหน้าของนางคือภูเขาลูกสูงทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา ยอดเขามีหิมะสีขาวที่ไม่ละลายตลอดปีสะอาดตางดงาม ตัดกับภาพเบื้องล่างที่เป็นหญ้าและผืนดินกึ่งทรายสีส้มเกือบน้ำตาล ทัศนียภาพแม้ไม่ได้เขียวขจีดุจเดียวกับทางใต้ แต่ก็งดงามในแบบที่มีมนต์ขลังของชาติต่างเผ่าพันธุ์

หญิงสาวควบม้าตามหลังพี่ชายร่างสูงใหญ่คนนั้นไปติดๆ หากพอผ่านภูเขาลูกนี้เข้าไปก็เข้าสู่สำนักเสือขาว

ใช้เวลาเกือบสองชั่วยาม ชายหนุ่มก็โผนทะยานมาหยุดหน้าประตูไม้ขนาดใหญ่ จากนั้นเขาแหงนหน้าตะโกนบอกคนหลังกำแพงเสียงดังฟังชัด

“ข้ากลับมาแล้ว!”

ไม่นาน ประตูไม้สำนักขนาดใหญ่ถูกเปิดออกจากด้านใน

“พี่อู๋จี้กลับมาแล้ว...” คนในสำนักเมื่อเห็นเขากลับมาต่างก็ยิ้มแย้มให้ ทว่าพอมองมาทางสตรีชุดสีขาวหม่นนั่งบนหลังม้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความพยศตัวนั้น พวกเขาเปลี่ยนจากยิ้มแย้มเป็นเพ่งตามองหญิงสาวในชุดขาวด้วยความสงสัย และยกความสนใจทั้งหมดมาที่นาง

“กลับมาแล้วๆ” ชายหนุ่มยิ้มร่า จากนั้นอธิบายว่า “นางมาเพื่อตรวจสอบเภทภัยทางตะวันตกน่ะ”

ไป๋หลันกะพริบตาอย่างสงสัย มิใช่ว่าเขาต้องการเก็บเรื่องนี้เป็นความลับหรือ เรื่องนี้เป็นอย่างไรกันแน่!

ทว่าอย่างน้อยนางก็รู้ว่าชายที่นางติดตามมาชื่ออู๋จี้...

อู๋จี้! เขาชื่ออู๋จี้อย่างนั้นหรือ ชื่อเหมือนเจ้าสำนักทัวป๋าเสียจริง แต่นางไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดชายคนนี้ถึงกล้าตั้งชื่อเหมือนเจ้าสำนักของตน นั่นเพราะเพียงเห็นเขาแค่แวบแรกนางก็สังเกตได้จากคิ้วหนาพาดเฉียง หางคิ้วชี้ขึ้นเล็กน้อยคล้ายแสดงออกถึงความไม่เกรงกลัวสิ่งใด ซ้ำแววตาคู่สีประหลาดนั้นยังแฝงความเจ้าเล่ห์อีกด้วย

กล้าตั้งชื่อเหมือนเจ้าสำนักทั้งที่อยู่ใต้จมูกของเขาแท้ๆ ความกล้าของคนผู้นี้มาจากไหนกัน...

“อา... พี่อู๋จี้ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” ชายที่เฝ้าประตูพูดขึ้น หลังจากได้ยินคำตอบของอู๋จี้ และเมื่อมองมาทางนางสีหน้าของเขาก็แสดงออกว่าเข้าใจถึงเจตนาที่นางมา

“ตอนแรกข้าก็ยังสงสัยว่าเหตุใดท่านถึงพาสตรีมาที่นี่ หนำซ้ำท่านยังให้ขี่เจ้าหมอกแดง ม้าตัวโปรดอีก” ชายอีกคนพูดเสริม

“เป็นสาวงามจริงๆ” ส่วนอีกคนวิเคราะห์ “จะตรวจสอบเภทภัยหรืออะไรก็ช่าง แต่นางงดงาม...”

“ข้าเองก็ไม่นึกว่าสตรีจากจงหยวนจะงดงามเช่นนี้ ฮ่าๆ” อู๋จี้พูดกลั้วหัวเราะ ประหนึ่งว่าเก็บเม็ดพลอยเม็ดหยกได้

ท่าทางของพวกเขาทำให้นางเริ่มหวั่นใจแล้วว่าโจรทะเลทรายที่ฉุดคร่าหญิงสาวใช่เป็นคนจากสำนักเสือขาวนี้หรือไม่ เหตุใดพวกเขาทำเหมือนว่านางคือเหยื่อที่เก็บได้จากข้างนอกกันเล่า!

“แม่นาง ข้าจะพาเจ้าไปที่เรือนของเจ้าสำนัก ตามข้ามา” อู๋จี้บอก และดึงนางออกจากภวังค์ความคิด

หลังจากนางพยักหน้า เขาก็ใช้วิชาตัวเบาโผนทะยานนำนางเข้ามาด้านใน นางควบม้าป่าแดงผ่านตึกเล็กใหญ่ตามหลังเขา เมื่อพวกเรามาถึงพื้นที่โล่งซึ่งผ่านพื้นที่โล่งนี้ไปข้างหน้าก็จะเป็นเรือนหลังใหญ่

เขาหยุด

นางหยุด

“ถึงแล้วแม่นาง เจ้าเข้าไปเถอะ ข้าจะพาม้าไปกินหญ้ากินน้ำเสียหน่อย” อู๋จี้หันมาบอก

ไป๋หลันตวัดตัวลงจากหลังม้า มองเรือนหลังใหญ่ที่ตั้งเบื้องหน้า และหันมามองอู๋จี้พร้อมเอ่ยถามด้วยความหวั่นใจ

“หากท่านไม่เข้าไปด้วย เจ้าสำนักของท่านไม่คิดว่าข้าเป็นคนร้ายบุกรุกสำนักหรือ”

ฟังนางพูดจบ เขามีสีหน้าประหลาดใจแวบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนมาแหงนหน้าหัวเราะปากกว้าง แล้วก้าวฉับๆ ไปยืนหน้าประตูเรือน ตะเบ็งเสียงบอกคนด้านใน

“เจ้าสำนัก ข้าอู๋จี้ มีคนต้องการพบท่านขอรับ!”

พูดจบ เขาก็เดินเข้ามาหานางพร้อมรอยยิ้มสดใส

นางมองเขาด้วยความสงสัย

“ข้าบอกให้แล้ว แค่นี้เจ้าพอใจแล้วใช่ไหม เข้าไปเถอะ ที่นี่ล้วนเป็นกันเอง”

ไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น เขายังเดินอ้อมตัวนาง และเอื้อมมือจับบังเหียน จูงม้าป่าแดงเดินออกไปทันที

ไป๋หลันย่นหัวคิ้ว มองตามหลังชายหนุ่มจนเขาหายไปจากแนวสายตาของนาง

ประหลาด! ชายผู้นี้ช่างประหลาดเสียจริง

คิดแล้วนางก็หันมามองเรือนใหญ่ก่อนก้าวเดินไปข้างหน้า เมื่อหยุดหน้าประตูเรือน นางเคาะประตูสองสามที ทว่าด้านในกลับเงียบกริบ

ไป๋หลันยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกคนด้านในอย่างสำรวม

“ข้าขออนุญาตเข้าไปข้างในนะเจ้าคะ”

เงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบรับ

“เจ้าสำนักทัวป๋า?” ส่งเสียงไปแล้วก็รอคอยอีกชั่วครู่ เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ นางก็เคาะประตูและบอกอีกว่า “เช่นนั้นข้าเข้าไปจริงๆ นะเจ้าคะ”

ยังคงเงียบอยู่

“ข้าเข้าไปจริงๆ นะเจ้าคะ”

และก็ยังเงียบ

สรุปแล้ว เจ้าสำนักทัวป๋าอู๋จี้อยู่ข้างในหรือไม่นะ แล้วนางควรยืนรออยู่ตรงนี้จนกว่าเขาจะมาหรือเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปข้างดีล่ะ

คิ้วเรียวสวยย่นลงอีกเล็กน้อยด้วยเพราะกำลังลังเลว่าตนจะเข้าไปดีหรือไม่นั้น ประตูถูกเปิดจากด้านใน จากนั้นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งก็ออกมายืนตระหง่านค้ำหัวนาง และใช้ดวงตานิ่งเรียบมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า

ไป๋หลันยิ้ม ประสานมือและค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายอย่างมีมารยาท

“เจ้าสำนักทัวป๋า ข้าไป๋หลัน มาจากสำนักเต๋าแห่งเขาซานเหลิ่ง เพื่อ...”

นางยังพูดไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็บอกสั้นๆ จับใจความไม่ได้

“ไม่ใช่”

“ไม่ใช่? ไม่ใช่อะไรเจ้าคะ” นางถามพลางมองชายตรงหน้าด้วยความสงสัย ตั้งแต่มาถึงเมืองตะวันตก หากไม่พบคนพูดมากเกินไป ก็พบคนพูดน้อยเสียจนจับใจความอะไรไม่ได้เลย สรุปแล้ว ที่นี่มีอะไรพอดีบ้างหนอ

“ข้าไม่ใช่เจ้าสำนัก” เขาบอก

รอยยิ้มของนางแข็งค้าง แต่ต่อให้นางต้องเสียหน้า ใบหน้าอ่อนหวานของนางก็ยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่เป็นนิจ

“อย่างนั้นหรือเจ้าคะ”

“ข้าคืออาสือห้าว เป็นคนสนิทของเจ้าสำนัก เจ้าเข้ามาก่อนสิ” เขาแนะนำตัว แล้วบอกให้นางเข้ามานั่งรอในเรือน

ไป๋หลันเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย นั่งลงบนเก้าอี้ในห้องโถงส่วนหน้า ตามที่อาสือห้าวบอก ก่อนที่เขาจะเดินออกจากเรือนไป

โมงยามผ่านไปเนิ่นนาน นางนั่งรอจนเหมื่อยก้น ครั้นจะเดินออกนอกเรือนไปยืดเส้นยืดสายก็ใช่เรื่อง เพราะอาสือห้าวจะเดินเข้ามาดูนางทุกๆ ชั่วยาม พอนางถามอาสือห้าว เขาก็บอกเพียงว่า “รอก่อน” ดังนั้นนางจึงอดทนรอนั่งนิ่งบนเก้าอี้อีกสักพัก

นางรอแล้วรอเล่า รอจนกระทั่งตะวันใกล้ตกดิน แต่เจ้าสำนักทัวป๋าอะไรนั่นกลับไม่มาเสียที มีเพียงอาสือห้าวที่ยกน้ำชาและขนมมาวางให้นางเท่านั้น สรุปแล้ว นางมาเพื่อตรวจสอบเภทภัยทางแถบตะวันตก หรือมาเพื่อนั่งรอท่านเจ้าสำนักทัวป๋ากันแน่!

ตั้งแต่เล็กจนโต หัวใจของไป๋หลันไม่เคยเต้นแรงด้วยความฉุนเฉียวมาก่อน ตลอดเดินทางมาดินแดนตะวันตกนี้ ได้ยินเรื่องมากมาย นางก็ไม่เคยรู้สึกโมโห นางเหมือนผ้าขาวที่ถูกพับจีบอย่างเรียบร้อย ไม่เคยเดือดดาล ไม่เคยฟุ้งซ่าน และการที่หัวใจนางกระเพื่อมไหวรุนแรงเพียงเพราะรอเจ้าสำนักทัวป๋าอู๋จี้ ประหนึ่งเป็นลางบอกว่านับจากนี้ผู้ชายคนนั้นจะเข้ามามีอิทธิพลกับหัวใจนาง...

หญิงสาวยกมือขึ้นประกบเป็นท่าพนมและท่อง ‘อามิตาภพุทธ’ ซ้ำไปซ้ำมา หากมีลูกประคำในมือ การได้นับลูกประคำทีละลูกยิ่งทำให้หัวใจนางสงบลงได้ง่ายกว่านี้

และนี่ก็คือการสงบจิตใจของนาง

ว่าแต่ สรุปแล้ว นางมาสำนักเสือขาวเพื่อการใดกันแน่ มิใช่เพื่อตรวจสอบเภทภัยทางแถบตะวันตกหรอกหรือ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel