บทที่ 1: คืนจันทร์ลวงใจ
"หากสวรรค์มีตา... ขอเพียงสักคราหนึ่ง ให้ข้าได้ลิ้มรสคำว่า 'ยุติธรรม' ไม่ใช่เพียงได้ยินแต่ในนิทานที่เล่าขานในวังหลัง!"
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นใต้ผืนจันทร์นวล ซูเหยียนในอาภรณ์สาวใช้ธรรมดานั่งเหม่อมองฟ้าอยู่บนหลังคาตำหนักเย็น ดวงตาของนางไม่สะท้อนแสงดาวใด ๆ มีเพียงเงาของอดีตที่ฝังแน่นในความทรงจำ
เจ็ดปีที่แล้ว... นางคือคุณหนูรองแห่งจวนแม่ทัพใหญ่ 'ซูหมิ่นเหยียน' ผู้มีพี่สาวงดงามที่สุดในแคว้นอย่าง 'ซูเมิ่งอวี้' เป็นดั่งแบบอย่าง แต่ค่ำคืนแห่งการแต่งตั้งองค์ชายกลับกลายเป็นจุดจบของตระกูลซู...
"ท่านพี่ ข้าสาบาน... จะทำให้เขารู้ว่าเลือดของท่านมิได้ไหลเปล่า!"
มือเรียวกำผ้าเช็ดหน้าผืนบางที่เคยเป็นของพี่สาวแน่น นั่นคือสิ่งเดียวที่เหลือจากความงดงามในวันวาน ขณะที่ลมเย็นพัดเส้นผมของนางให้ปลิวไสว
เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น ซูเหยียนกระโดดลงจากหลังคาอย่างคล่องแคล่ว นางกวาดตามองรอบตัวพลางถอนหายใจเบา ๆ คืนนี้คือเดิมพันสำคัญของชีวิตนาง คืนที่นางจะพลิกชะตาของตนเองด้วยมือคู่นี้
คืนนี้... องค์ชายหลงเยี่ยนจะลอบเสด็จมายังตำหนักเย็น และคืนนี้เอง... นางเตรียม 'ยา' พิเศษไว้เรียบร้อยแล้ว
“เขามาแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้หน้าตื่นกระซิบ ซูเหยียนยกยิ้มมุมปาก นางจัดสไบให้เลื่อนต่ำลง เผยไหล่ขาวระหง ก่อนฉีดน้ำหอมกลิ่นเหมยจาง ๆ บนลำคอระหง
ดวงตาคู่งามที่เคยหม่นหมองบัดนี้ฉายแววเจ้าเล่ห์ นางก้าวเดินไปยังห้องโถงกลางตำหนักอย่างช้า ๆ ทุกย่างก้าวพลิ้วไหวเย้ายวนราวบุบผาต้องลม
เมื่อบานประตูเลื่อนเปิดออก ร่างสูงในชุดคลุมยาวสีแดงเข้มขลิบทองปรากฏต่อสายตา ใบหน้าเรียบเฉียบ หล่อเหลาจนยากจะละสายตา
“ข้ามาช้าไปหรือไม่... สตรีลึกลับของข้า?”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือแววเย้าเยือนทำให้หัวใจนางสั่นระริก
ซูเหยียนไม่ตอบ นางเพียงยกจอกสุราขึ้นช้า ๆ แววตาวับวาวพลางส่งจอกให้เขาด้วยปลายนิ้วเรียวระหง
“สุรานี้... จะทำให้คืนของท่านหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง”
องค์ชายหลงเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ รับจอกสุรามาจากมือนาง นิ้วมือของเขาเฉียดผ่านปลายนิ้วของนางอย่างจงใจ ทำให้ร่างบางสะท้านเล็กน้อยโดยไม่อาจควบคุม
เขายกสุราขึ้นจิบ... ดวงตาคมปลาบจับจ้องนางไม่วางตา กลิ่นหอมหวานจากตัวนางลอยมากระทบจมูก ชวนให้หัวใจเขาเต้นแรงผิดปกติ
สุราผสมยาเริ่มทำหน้าที่อย่างเชื่องช้า เพลิงอารมณ์เริ่มสุมในอก มือเรียวขององค์ชายเอื้อมแตะปลายคางของนางเชยขึ้นเบา ๆ
ไม่รู้ว่าเริ่มต้นอย่างไร ร่างสูงตวัดเอวบางเข้าหาอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากหยักกดจูบลงบนเรียวปากแดงระเรื่ออย่างหิวกระหาย รสชาติหวานล้ำทำให้เขาแทบคลั่ง
ซูเหยียนสะดุ้ง ใจเต้นไม่เป็นส่ำ นางพยายามผลักเขาออกแต่กลับไร้เรี่ยวแรง ร่างกายเหมือนถูกพันธนาการด้วยไฟวาบร้อนจากภายใน
“ท่าน...!?”
“เจ้าจุดไฟในตัวข้าเอง... ก็อย่าได้คิดหนีไปเสียล่ะ”
น้ำเสียงแหบพร่าข้างหูทำให้สติที่เหลืออยู่แทบขาดผึง
มือหยาบกร้านเลื่อนไปตามแนวไหล่เปลือยเปล่า ลากไล้จนถึงสาบเสื้อบางเบา ก่อนจะปลดออกอย่างใจเย็นในขณะที่สายตาอัดแน่นด้วยไฟปรารถนา
ผิวเนื้อสีหิมะถูกแสงตะเกียงเรืองรองย้อมให้ดูงดงามราวหยกสลัก มือใหญ่ลูบไล้อย่างแผ่วเบาจนหญิงสาวตัวสั่นเทา เสียงหอบหายใจเบา ๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากแดงระเรื่ออย่างไม่ตั้งใจ
“ข้า...” ซูเหยียนพยายามประท้วงเสียงพร่า ดวงตาฉ่ำเยิ้มไปด้วยไอสุราและแรงปรารถนาที่ไม่อาจระงับ
ปลายนิ้วเรียวขององค์ชายแตะริมฝีปากนางเบา ๆ เป็นเชิงห้าม พลางก้มลงครอบครองความหอมหวานจากเรียวปากนั้นอีกครั้งอย่างเร่าร้อนยิ่งขึ้น ราวกับต้องการกลืนกินนางทั้งตัว
มือหนาเลื่อนไปตามแผ่นหลังเปลือยเปล่า สัมผัสอุ่นร้อนที่ไล้ไปตามแนวโค้งเว้าอย่างเชื่องช้า ก่อนจะพานางเข้าสู่อ้อมแขนที่แข็งแรงมั่นคงราวเหล็กกล้า
ทุกอณูของร่างกายแนบสนิทจนแทบไม่มีช่องว่าง อุณหภูมิในห้องสูงขึ้นราวกับถูกจุดไฟเผาไหม้ นางปล่อยตัวเองจมดิ่งลงสู่ทะเลเพลิงหฤหรรษ์อย่างไม่อาจขัดขืน
ภายใต้แสงจันทร์และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกเหมย คืนนี้กลายเป็นราตรีที่พันธนาการหัวใจสองดวงเข้าด้วยกันอย่างมิอาจแก้ไข...
จนกระทั่งรุ่งสาง
เมื่อสติกลับคืนมา ซูเหยียนตื่นขึ้นในอ้อมแขนอันอบอุ่น ร่างกายเปลือยเปล่าของนางแนบแน่นกับร่างสูงใหญ่ สร้างรอยแดงช้ำจาง ๆ เป็นพยานแห่งความร้อนเร่าที่เกิดขึ้น
ดวงตานางเบิกกว้างด้วยความตกใจ นางรีบเก็บเสื้อผ้า หยิบผ้าเช็ดหน้าของพี่สาวขึ้นแนบอก แล้วกระโจนออกจากห้องอย่างเงียบงัน ปล่อยให้องค์ชายหลงเยี่ยนนอนเคว้งคว้างอยู่เพียงลำพัง
เบื้องหลัง...
องค์ชายหลงเยี่ยนลืมตาขึ้น ดวงตาคมกล้าเป็นประกายวาววับ
“สตรีน้อย... เจ้าอยากหนีข้าอย่างนั้นหรือ?”
ริมฝีปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนเสียงหัวเราะทุ้มต่ำจะดังขึ้นในห้องเงียบสงัด
