บทที่ 2 เตรียมตัวเป็นเจ้าสาว
บทที่ 2
เตรียมตัวเป็นเจ้าสาว
ขัดผิวบำรุงเรือนกาย
“ไม่ต้องเป็นห่วงลูกหรอกนะเจ้าคะท่านพ่อท่านแม่ ตราบใดที่ตระกูลเหลียงเป็นตระกูลพ่อค้าที่ซื่อสัตย์มีคุณธรรม ลูกมั่นใจว่าชีวิตของลูกคงไม่ลำบาก”
หญิงสาวกลืนก้อนแข็งๆ ในลำคอ ขอบตาร้อนผ่าว ยิ่งเห็นบิดามารดาร้องไห้นางก็พลอยน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจังหวะนั้นเองน้องรองซึ่งมีอายุสิบห้าปี น้องสามมีอายุสิบสองปี น้องสี่อายุแปดปี และน้องห้าน้องเล็กคนสุดท้องที่มีอายุสี่ปีก็พากันเดินเข้ามาสวมกอดนางจากทางด้านหลัง กระท่อมเล็กแค่นี้ไม่ว่าอย่างไรก็ย่อมได้ยินเรื่องราวที่พูดคุยไม่อาจปิดบังได้
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ต่อไปนี้พวกเราจะไม่ลำบาก จะมีกินมีใช้ไม่ต้องอดมื้อกินมื้ออีกแล้ว”
“ตะ...แต่ว่าถ้าคนพวกนั้นรังแกพี่ใหญ่เล่าเจ้าคะ”
จางลี่เหมยบุตรคนที่สามเอ่ยถามพี่สาวคนโตด้วยความกังวล
“ไม่ต้องกลัวหรอกนะลี่เอ๋อร์ คนรวยใช่จะน่ากลัวเสมอไป พี่เชื่อว่าพี่ต้องโชคดีอย่างแน่นอน เถ้าแก่เหลียงขึ้นชื่อว่าเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม เขาย่อมต้องปกป้องลูกสะใภ้อย่างแน่นอน ส่วนนายน้อยเหลียงก็ขึ้นชื่อว่าทรงภูมิมากไปด้วยความรู้ เขาคงไม่คิดรังแกภรรยาหรอก”
จางถิงถิงพูดออกไปด้วยความมั่นใจเพราะไม่อยากให้น้องๆ ต้องกังวล แม้ว่าภายในใจลึกๆ นางจะหวั่นกลัว ขึ้นชื่อเรื่องจิตใจมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง
“รอข้าอีกหน่อยนะขอรับพี่ใหญ่ หากข้าโตกว่านี้ข้าจะไปรับท่านกลับมา”
น้องรองเอ่ยขึ้นอย่างแข็งขัน แม้มีอายุสิบห้าแต่ก็ไปรับจ้างทำความสะอาดในสำนักศึกษา แอบร่ำเรียนเขียนอ่านอย่างพากเพียรด้วยหวังสอบจอหงวน เพื่อจะได้มีกำลังมาช่วยดูแลครอบครัวได้ในสักวันหนึ่ง
“เพราะเสี่ยวหยีทูกคงจึงต้องยำบาก หากเสี่ยวหยีตายไปเสีย...”
น้องเล็กคนสุดท้องพูดยังไม่ทันจบ ถิงถิงก็ยื่นมือไปปิดปากน้องไม่ให้พูดก่อนจะดึงเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่น
“เสี่ยวหยีอย่าได้พูดเช่นนั้น พี่รักเจ้า พวกเราทุกคนรักเจ้า ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันนะ พวกเราต้องผ่านมันไปให้ได้ พี่สัญญาว่าทุกคนจะต้องสุขสบาย”
หญิงสาวกอดน้องชายคนเล็กผอมแห้งเอาไว้ นางไม่รู้หรอกว่าหนทางข้างหน้ามีอะไรรออยู่ แต่คงดีกว่าที่นางมีชีวิตอยู่ในตอนนี้เป็นแน่
เพราะต่อให้นางต้องลำบาก ต้องทุกข์ทรมาน แต่บิดามารดาและน้องๆ ทั้งสี่จะได้กินอิ่มนอนหลับ เพียงเท่านี้นางก็มีความสุขแล้ว
ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตนางก็พร้อมจะแลก!
เมื่อสิ้นสุดการลงนามในสัญญาซื้อขายเจ้าสาว จางถิงถิงก็ถึงกับหัวหมุน นางถูกนำตัวไปพักยังโรงเตี๊ยมในตลาด ก่อนจะถูกขัดสีฉวีวรรณจนผิวที่ขาวอยู่แล้วยิ่งนวลเนียนผุดผาด เส้นผมถูกบำรุงเงางามด้วยน้ำมัน ได้สวมใส่เสื้อผ้าชั้นดีที่ได้รับการตัดเย็บอย่างประณีตหาใช่เสื้อผ้าเนื้อหยาบที่ผ่านการปะชุนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
นางต้องฝึกกิริยามารยาทใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนั่ง การยืน และการรับประทานอาหาร แม้ตระกูลเหลียงจะไม่ใช่ตระกูลขุนนาง แต่ก็ติดต่อค้าขายกับเหล่าขุนนางเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการที่หญิงชาวบ้านจะแต่งเข้าไปเป็นนายหญิงน้อยของตระกูลย่อมต้องฝึกฝนให้เพียบพร้อม
ต่อให้ใครจะดูถูกลับหลังว่ามาจากชนบทอย่างไร แต่คนเหล่านั้นจะไม่สามารถดูแคลนเรื่องการวางตัวเป็นอันขาด
ซึ่งระหว่างนี้แม่สื่อได้มอบเงินบางส่วนเพื่อให้บิดาของถิงถิงนำไปเป็นค่ารักษาบุตรชายคนเล็กและใช้หนี้ ส่วนเงินที่เหลือจะได้รับก็ต่อเมื่อถิงถิงได้เข้าหอกับนายน้อยเหลียงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนับว่าข้อสัญญามีผลอย่างสมบูรณ์
ถิงถิงเมื่อรู้ว่าน้องชายได้รับการรักษาจากหมอมากฝีมือ นางก็คลายกังวลลงไปกว่าหลายส่วน ยิ่งเห็นว่าครอบครัวสุขสบายมากขึ้นเท่าไหร่นางก็ยิ่งตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดี
จนกระทั่งแม่สื่อเริ่มสอนถึงการปรนนิบัติบุรุษ การทำให้บุรุษพึงใจบนเตียง หัวใจของนางก็ถึงกับหนักอึ้งเมื่อตระหนักได้ว่าหน้าที่ของภรรยานั้นแท้ที่จริงต้องทำสิ่งใด...
“โชคดีนะถิงเอ๋อร์ลูกแม่”
“ขอให้มีแต่คนรักเจ้าจะถิงเอ๋อร์ลูกพ่อ”
“อดทนนะขอรับท่านพี่ ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นแล้วไปรับท่านออกมาให้ได้”
“พวกเขาต้องรักพี่เหมือนที่พวกเรารักพี่แน่นอนเจ้าค่ะ เพราะท่านเป็นพี่สาวที่ดีที่สุด”
“เสี่ยวหยีคิดถึงพี่ ฮือ...”
เสียงสั่งลาจากคนในครอบครัวดังไล่หลังรถม้าที่เคลื่อนตัวออกจากเมืองเป่ยเป่า ถิงถิงชะโงกหน้าออกจากหน้าต่างรถม้า มองครอบครัวที่ยืนโบกมืออยู่ทางด้านหลังด้วยใบหน้าอาบน้ำตา
แม่สื่อวัยกลางคนหยักยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าครอบครัวนี้รักใคร่ปรองดองกันดี นางทำอาชีพนี้มานานย่อมต้องพบเจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เจ้าสาวจากชนบทมักถูกบังคับขู่เข็ญจากบิดา หาใช่สมัครใจเช่นนี้เพื่อตอบแทนคุณเช่นนี้
‘ช่างเป็นเด็กกตัญญู หวังว่าตระกูลเหลียงจะเมตตาเจ้า’
แม่สื่อได้แต่คิดในใจ มีตระกูลมากมายที่ฉากหน้าเปี่ยมไปด้วยเมตตา แต่ฉากหลังกลับโหดเหี้ยมอำมหิต ซึ่งไม่อาจคาดเดาได้เลย จนกว่าจะเข้าไปสัมผัสด้วยตนเอง
เมื่อเดินทางพ้นจากเมืองเป่ยเป่าเข้าสู่เมืองเทียนไท่ แม่สื่อก็พาจางถิงถิงแวะพักเรือนหลังหนึ่ง ซึ่งเจ้าของเรือนดูสนิทสนมกับแม่สื่อราวกับนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่สื่อนำหญิงสาวแปลกหน้ามาขอพักค้างคืน มิหนำซ้ำนางยังแอบเห็นว่าแม่สื่อยื่นถุงเงินให้เจ้าของเรือนอีกด้วย
เดาว่าคงจะใช้เรือนหลังนี้เป็นสถานที่ส่งตัวเจ้าสาวไปยังเรือนเจ้าบ่าวอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนางคือเจ้าสาวชนบทจากแดนไกล
รอจนรุ่งสางจึงจับนางอาบน้ำแต่งกายด้วยชุดเจ้าสาวสีแดงมงคลงดงาม
จางถิงถิงเยี่ยมหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง จึงเห็นว่าเวลานี้มีเกี้ยวเจ้าสาวประดับประดาด้วยผ้าสีแดงจับช่อเป็นดอกไม้งดงาม มีหีบสามสี่ใบผูกผ้าสีแดงเอาไว้ นั่นคงเป็นสินเดิมเจ้าสาวที่เถ้าแก่เหลียงแห่งโรงเลี้ยงม้าสั่งให้แม่สื่อจัดเตรียมไว้ให้นางเพื่อกันข้อครหาดูถูก เพราะเจ้าสาวชนบทผู้ยากไร้หาได้มีสินเดิมติดตัว แม้แต่ผ้าแพรสักผืน หวีสักด้ามก็ยังไม่มีติดตัวเลยด้วยซ้ำไป
