บทย่อ
“เธอมันก็เหมือนแม่ของเธอ ร่าน แพศยา เหมือนกันไปหมดทั้งนิสัยแล้วก็ความร่าน!” คำด่าทอที่อีกฝ่ายส่งกลับมารุนแรงเหมือนถูกคลื่นทะเลลูกใหญ่สาดซัดเข้าที่ใบหน้าไม่มีผิด แม้ในใจอยากจะยอกย้อนตอบโต้กลับไปบ้าง แต่จิตใต้สำนึกก็สั่งให้หญิงสาวเลือกที่จะเงียบก่อนจะลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับคนบ้าอำนาจข่มความกลัวเอาไว้ให้ลึกสุดใจ เธอไม่ปลอดภัยแน่ๆ หากยังอยู่ในห้องนี้กับเขาสองต่อสองในขณะที่g-kแทบจะไม่หลงเหลือสติให้ได้เห็น เมื่อจิตใต้สำนึกสั่งการให้หนี สองเท้าเล็กๆ ก็ก้าวมุ่งตรงไปยังประตูโดยทันที แต่ยังไม่ทันจะถึงจุดหมาย เอวคอดกลับถูกกระชากอย่างแรงจากด้านหลังเข้าเสีย ก่อนจะถูกกลับให้ล้มไปลงบนเตียงอีกครั้งด้วยฝีมือคนเถื่อน “อย่านะคะแพทริค อย่าทำฉัน!” “อย่าเล่นตัวนักเลย! ถ้าเกิดทำตัวดีดีบางทีฉันอาจจะตบรางวัลให้เธออย่างงาม อยากได้อะไรเพื่อแลกกับเสียงครวญครางดีล่ะ เงิน ทอง หรือรถใหม่สักคันดี!!” เรียวนิ้วเล็กถึงกลับทนไม่ไหวทิ้งความกลัวเอาไว้ด้านหลังฟาดลงไปกลางใบหน้าของคนเลวตรงหน้าอย่างแรงให้สาสมกับคำพูดเลวๆ ที่เขาพ่นมันออกมา “เธอกล้าดียังไงตบฉันเพียงขวัญ!” แพทริคขบกรามตวาดถามเสียงสั่นด้วยความโมโหก่อนจะใช้ลิ้นดุนปากตนเองเอาไว้แน่น มือแกร่งกดข้อมือบางแนบชิดข้างตัวเพื่อให้หล่อนหยุดพยศดื้อรั้น ภายในใจนึกอยากจะปรบมือให้ดังๆ กับการกระแสดงละครชั้นเลิศในบทหนูน้อยผู้แสนไร้เดียงสา “มากกว่านี้ฉันก็กล้า! ถอยออกไปนะคนเลว!” “ถอยน่ะถอยแน่ แต่หลังจากนี้ต่างหาก!” สิ้นคำนั้นมือหนาก็กระชากเสื้อตัวจิ๋วออกไปให้พ้นตัวก่อนจะแนบชิดร่างเล็กที่กำลังดิ้นเร่าอย่างหนักด้วยท่อนขาแกร่งทั้งสองข้างของตน เธอจะต้องสำนึกและเสียใจที่ตบหน้าคนอย่างเขา และเขาจะไม่ปราณีเธออีกต่อไป
บทนำ
ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน
เพียงขวัญ วิสุทธิ์สมบูรณ์ ค่อยๆ วางกระเป๋าเดินทางสีดำเงาวับขนาดเล็กที่มีสภาพปานกลางที่บ่งบอกให้เห็นถึงระยะเวลาการใช้งานที่นานมากแล้วในมือลงบนพื้นสนามหญ้าสีเขียวขจีข้างกายลงทันทีเมื่อเดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางที่เธอนั้นไม่ได้อยากจะมาเยือนสักเท่าไหร่นัก
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนสุกใสค่อยๆ เงยขึ้นอย่างเชื่องช้าก่อนจะใช้สายตาหวานฉ่ำของตนเองจ้องมองคฤหาสน์หลังงามที่กินพื้นที่ประมาณด้วยตาเปล่ามันช่างไกลแสนไกลจนสายตามองหาจุดสิ้นสุดแทบจะไม่เจออยู่นานหลายนาทีก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่สี่ในรอบสองนาทีเมื่อสำนึกได้ถึงเหตุผลสำคัญที่ทำให้เธอต้องเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอนมาไกลถึงประเทศเยอรมันแห่งนี้ด้วยเหตุผลที่ยากจะปฏิเสธได้ลงคอ
เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อนที่เธอได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิตว่าผู้เป็นพ่อที่เธอไม่เคยเจอหน้าเลยสักครั้งในชีวิตนั้นได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ นับว่าเป็นข่าวร้ายที่สุดอีกข่าวหนึ่งเลยก็ว่าได้ที่เกิดขึ้นกับหญิงสาว
พ่อที่ไม่เคยแยแสหรือส่งข่าวกลับไปหาแม่ของเธอเลยสักครั้งเพียงเพราะเหตุผลแค่ว่าแม่ของเธอนั้นมาทีหลังผู้หญิงอีกคนที่ได้ศักดิ์เป็นเมียหลวงที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา นั่นคือความจริงเรื่องสุดท้ายที่แม่ของเธอได้ฝากเอาไว้ก่อนจะจากไปด้วยโรคร้ายเมื่อสองปีก่อน เพียงขวัญที่ใช้ชีวิตตามลำพังมาโดยตลอดจนเริ่มจะชาชินกับความโดดเดี่ยวบ้างแล้ว แต่ทว่าความโดดเดี่ยวตรงหน้าที่เธอกำลังจะต้องเผชิญกับมันนั้นช่างเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่เธอจะมีใจกล้ามากพอจะเดินไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงเพียงลำพังเช่นนี้...
ความจริงที่แสนโหดร้ายที่มันไม่ต่างอะไรกับตราบาปที่คอยหลอกหลอนเธอมาตลอดครั้งชีวิตที่ผ่านพ้น เมื่อครั้นยามที่หลับตาลงคราใด.....
คำว่า ‘ลูกเมียน้อย’ นั้นก็ยิ่งตามหลอกหลอนไม่รู้จบ ไม่ต่างอะไรจากฝันร้ายที่เธอมักจะฝันมันซ้ำๆ เหมือนแผ่นหลังที่หมุนเล่นอยู่ตลอดเวลา
แต่ใครจะนึกกันล่ะว่าเมื่อผู้เป็นพ่อที่ไม่เคยแม้แต่จะมาสนใจใยดีอะไรตัวของเธอและผู้เป็นแม่ที่จากไปนานแล้วเลยสักอย่างนั้นกลับได้เขียนพินัยกรรมฉบับหนึ่งเอาไว้ก่อนเสีย หนำซ้ำยังมีจดหมายกำชับว่าเธอต้องเดินทางมาที่นี่เพื่อฟังการเปิดพินัยกรรมด้วยเท่านั้นมิฉะนั้นแล้วพินัยกรรมจะถูกปิดตายไปตลอดกาล...
มันช่างเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเย็นเสียเหลือเกินที่เธอจะทำใจก้าวเดินไปเบื้องหน้าแต่เมื่อไม่มีทางเลือกบวกกับอากาศหนาวเหน็บที่เกือบๆ จะติดลบอยู่นั้น ทำให้หญิงสาวจำต้องกระชับเสื้อสูทสีเทาอ่อนของตนเองเอาไว้แน่นให้คลายความหนาวก่อนจะกลั้นหายใจเดินตรงไปเบื้องหน้าอย่างกล้าหาญ
แต่ใครกันเล่าจะล่วงรู้ว่าเพียงก้าวนี้เท่านั้นมันจะทำให้ชีวิตของเธอต้องแปรเปลี่ยนไปตลอดกาล...

