Chapter 7 ขออิสรภาพ
เช้าวันต่อมา…มายาวีย์ก็ลากกระเป๋าใบใหญ่ลงมา ดูจากขนาดของกระเป๋าน่าจะอยู่นาน นั่นทำให้มาลียิ้มออกมาอย่างดีใจ คิดว่าทัตเทพทำสำเร็จ กล่อมจนมายาวีย์ยอมไปเจอลีอาห์
“น่ารักที่สุด ยอมไปช่วยงานแม่แล้วใช่ไหมลูกรัก” มาลีเอ่ยถามลูกสาวเสียงหวานหยด คนฟังรู้สึกขนลุกกับน้ำเสียงและกริยาของมารดา
มายาวีย์ทำหน้างง พอปะติดปะต่อเรื่องราวเธอก็พอเดาได้ แต่แม่คงจะเข้าใจอะไรผิดสักอย่างแน่ “แม่หมายความว่าไง”
“ก็ลูกเปรี้ยว เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมตัวไปเจอคุณลีอาห์ใช่ไหมจ๊ะ”
“บ้าไปกันใหญ่แล้วแม่ หนูบอกไปตั้งกี่รอบแล้ว ว่าหนูไม่ไป!”
“แล้วนี่แกจะไปไหน” มาลีเสียงแข็งขึ้นมาทันที
“เหมือนหนูจะบอกแม่แล้วว่าได้งานทำ และยังเคยบอกอีกว่า...เมื่อได้งานทำ หนูจะไปจากที่นี่ทันที” ได้ยินแบบนั้นมาลีก็ของขึ้นทันที
“นังลูกอกตัญญู แกคิดถึงข้าวแดงแกงร้อน เงินทองที่ฉันส่งเสียให้แกได้เรียนจบบ้างมั้ย”
"ถึงกับทวงบุญคุณกับลูกเลยเหรอ ดวงตกหมดหนทางทำมาหากินแล้วสิมึง" เสียงของต้องตาตะโกนข้ามกำแพงต้นไม้ที่กั้นระหว่างร้านเอาไว้
"หนวกหูหมาแถวนี้เห่าจริงโว้ย เสือกไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวจริงๆ" มาลีตอบกลับทันที
มายาวีย์รีบห้ามทัพ เพราะกลัวว่าจะเดินทางไม่ทัน เธอหันไปบอกมาลีผู้เป็นแม่
“เอาเป็นว่า...หนูจะผ่อนชำระคืนให้แม่ทุกเดือน ทบต้นทบดอกให้ แม่ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเปรียบนะ” มายาวีย์บอกเสียงเย็น จากเงินเดือนที่เธอได้รับ สามารถแบ่งให้แม่ใช้ได้สบาย
พูดจบมายาวีย์ยกมือทำความเคารพผู้ให้กำเนิดก่อนจะลากกระเป๋าเดินผ่านหน้านางไป
"ในฐานะแม่ ฉันขอสั่งห้ามแก ถ้าแกจะออกไปจากตรงนี้ คืนเงินที่ฉันเลี้ยงดูแกมาก่อน" มาลีขู่ นางต้องการเพียงแค่ห้ามไม่ให้ลูกสาวออกไป
แต่ประโยคนั้นทำให้น้ำตาของมายาวีย์ไหลอาบนองในหัวใจ ตัวเธอเพียงแค่วัตถุที่มีไว้แลกเงิน เพื่อบำเรอความสุขสบายของมารดาเท่านั้น
รถที่เธอเรียกจากแอปมาจนจอดรอรับที่หน้าร้านในเวลานัดหมาย ท่ามกลางจราจรที่แออัดในซอยเล็กซอยหนึ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดของพัทยา นั่นหมายถึงเวลาที่มายาวีย์ต้องเร่งรีบ
"แกจะไปอยู่ที่ไหนวะเปรี้ยว"
"จะไปจริงๆ เหรอเปรี้ยว"
"ฉันจะไปทำงานจ้ะ หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะทุกคน ดูแลตัวเองกันด้วยนะ"
พนักงานในร้านต่างส่งเสียงถามเธอ แต่มายาวีย์เพียงยิ้มและบอกว่าจะไปทำงานเท่านั้น เธอไม่ให้รายละเอียดกับใครแม้กระทั่งแม่ของตัวเอง
มายาวีย์เดินออกมาหน้าร้านและยกมือไหว้ต้องตา "หนูลานะคะน้าต้อง"
"เดินทางปลอดภัยนะเปรี้ยว ขอให้แกเจอแต่เรื่องดีๆ ประสบความสําเร็จในชีวิต หลุดพ้นจากนรกขุมนี้สักที"
"ขอบคุณค่ะน้าต้อง"
"กูบอกให้มึงหยุด" เสียงประกาศิตของมาลีดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง แต่มายาวีย์ก็ไม่รอ ก้าวขึ้นรถไปทันที
"อีเปรี้ยว!"
“ช่วยไปเก็บศพผัวเด็กแม่บนชั้น 4 ด้วยนะ ไม่รู้ว่ามันตายหรือยัง เมื่อคืนหนูไม่ได้ออมแรงด้วย เมื่อกี้เดินผ่านมามันยังสลบอยู่เลย” มายาวีย์บอกมารดา นั่นทำให้มาลีหน้าตื่น
“แกทำอะไรทัตเทพ”
“แม่ก็ขึ้นไปดูเองก็แล้วกัน มันบุกลุกขึ้นไปชั้น 4 เองนะ หนูหวังว่ามันจะไม่ใจเสาะตายไปซะก่อน” พูดจบหญิงสาวก็ปิดประตูรถแท็กซี่ คนขับก็เคลื่อนรถออกไปทันทีเพราะการจราจรในซอยคับแคบ ไม่สามารถจอดแช่เอาไว้ได้นาน
เมื่อคืนทัตเทพย่องขึ้นไปหาเธอบนชั้น 4 ในเวลากลางดึก มายาวีย์ซัดหมอนั่นหมอบราบคาบแบบไม่ออมมือ และเห็นว่าดึกแล้วจึงไม่อยากปลุกคนอื่นให้แปลกตื่นขึ้นมา เรื่องของเมื่อคืนเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจเก็บกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านก่อนกำหนดในเช้าวันนี้ เธอจะต้องหลุดพ้นจากขุมนรกขุมนี้ให้เร็วที่สุดเท่านั้น
หลังจากลูกสาวขึ้นรถแท็กซี่ออกไปแล้ว มาลีก็ประกาศกร้าว
“มึงคิดว่ากูจะยอมแพ้มึงเหรออีเปรี้ยว กูเป็นแม่มึงนะ”
“ถือว่าทำหน้าที่แม่ที่ดีสักครั้งในชีวิตเถอะว่ะ” เสียงของต้องตาพูดขึ้นลอยๆ
“มึงมาเสือกอะไรด้วย”
“กูไม่ได้พูดกับมึงสักหน่อย กูเปรยกับลมเว้ย”
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” มาลียกมือขึ้นคาดโทษ หันมาบอกพนักงานในร้าน
“ใครรู้ว่านังเปรี้ยวไปไหน ไปกับใคร ใครและพามันกลับมาได้ กูให้แสนนึง”
ทุกคนตาลุกวาวเมื่อได้ยินค่าตอบแทนที่จะได้รับ เสียงจอแจของพนักงานในร้านดังขึ้น สันนิษฐานต่างๆ นานา
“จริงเหรอพี่”
“เมื่อกี้ทะเบียนรถอะไรนะถ่ายไว้ทันหรือเปล่า”
“ตายแล้ว! ผัวฉัน” มาลีเหมือนพึ่งนึกได้ รีบตาลีตาเหลือกขึ้นไปชั้นบน
ทัตเทพในสภาพเหมือนผักเหี่ยวนั่งซบอยู่กับผนังห้องน้ำ ทั้งมือและขาของเขาถูกมัดด้วยผ้า ปากก็โดนสก๊อตเทปปิดทับเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียง นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียง แม้ว่าเมื่อคืนคนเจ็บจะร้องอย่างสุดเสียงและตะเกียกตะกายขอความช่วยเหลือมากแค่ไหนก็ตาม
“ทัตเทพ!” มาลีปลุกเรียก
“อือ!”
“เกิดอะไรขึ้น” นางถามอย่างร้อนรนใจ รีบแกะเชือกและสก๊อตเทปที่ปิดปากของทัตเทพออก
“อีเอี้ยว…อึง อ่อย อู” ทันทีที่สก๊อตเทปถูกเปิดออก ทัตเทพก็พยายามสื่อสาร แต่ความบวมเจ่อที่ปากทำให้เขาพูดไม่ได้สัพจนฟังไม่รู้เรื่อง
“ใครก็ได้ขึ้นมาช่วยฉันที” มาลีตะโกนเรียกลูกน้อง จากนั้นเด็กๆ ในร้านก็พากันวิ่งขึ้นมา ช่วยกันหามทัตเทพลงมาข้างล่าง รีบพาไปส่งโรงพยาบาล เพราะทัตเทพอาการหนักพอสมควร
“อ้าวๆๆ ไหงได้หามกันลงมาอย่างนั้นล่ะ ยังไม่ตายหรือนั่น” เสียงของต้องตาตะโกนทักข้ามกำแพงมาอีก รู้ในทันทีว่าต้องเป็นฝีมือของมายาวีย์แน่ๆ
“มึงแช่งผัวกูเหรอ”
“ใจก็อยากแช่งอะนะ แต่กลัวบาปกรรมมันติดตัวมา แค่สมน้ำหน้าได้มั้ย” ต้องตาบอก ในขณะที่ทัตเทพยกมือขึ้นชี้หน้าต้องตาอย่างคาดโทษ
“เอาตัวมึงให้รอดก่อนเถอะไอ้เทพ อย่ามาทำเก่ง”
“รีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทัน” มาลีตัดบท สั่งให้เด็กช่วยหามทัตเทพออกไป โชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลมาก
“ตายเร็วๆ นะมึง อุ้ยๆๆ ขอโทษ ขอโทษ หายเร็วๆ นะมึง” ต้องตาตะโกนตามหลัง
มาลีเดินทางไปต่างประเทศโดยการนัดผู้ชายที่คุยอยู่ใน เว็บหาคู่ โดยที่นางบอกกับทุกคนว่าจะไปอยู่กับเพื่อน(นางมีเพื่อนอยู่หนึ่งในประเทศเชงเก้น แต่อยู่แค่ในนามนะ) นางจะจัดคิว ผู้ชายทุกคนจะต้องจองตั๋วให้นางไปหาจากประเทศนั้น แล้วบินกลับมาตั้งหลักที่ประเทศต้นทาง ทำแบบนี้วนกันอยู่ 3 เดือน โดยผู้ชายทุกคนจ่ายเงินให้นาง รู้ตอนแรก ช็อคมากมีผู้หญิงแบบนี้ด้วยเหรอ เปิดโลกมากเลยค่ะทุกคน
