Ep.3
“เอ้าแด๊ดดี้ ทำไมนั่งทำหน้าสบายอารมณ์แบบนี้ล่ะครับ” คนที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเดินมานั่งแหมะที่โซฟาทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“นี่สายตาของแกผิดปกติหรือเปล่าเนี่ยหา แกไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังอารมณ์ไม่ค่อยจะดีอยู่ ฟินิกซ์” นายโรเบิร์ตท้วงบุตรชายด้วยนัยน์ตาขุ่นขวาง
“โธ่แด๊ดดี้ ผมก็แค่ล้อเล่นคร้าบ”
“แกล้อเล่นกับฉันได้ แต่แกไม่ควรจะไปล้อเล่นกับผู้หญิงไทย ด้วยการไปคิสกับเขากลางวันแสกๆ แบบนั้น ที่สำคัญเขาไม่ใช่แฟนแก” ผู้เป็นพ่อส่งสายตาตำหนิไปยังตัวก่อเรื่อง ที่กำลังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่ได้ทำผิดอะไรมา
“โอ พ่อรู้แล้วเหรอครับ แล้วรู้ได้ยังไง ใครเป็นคนบอกแด๊ดดี้เรื่องนี้?” ฟินิกซ์หันไปถามบิดาทันทีด้วยความแปลกใจ
“คุณวิไลวรรณน้าสาวของเขาโทรมา บอกว่าแกไปทำรุ่มร่ามกับหลานสาวของเขา ถึงเขาจะไม่โกรธ แต่ฉันไม่ยอมแน่ๆ ยังไงซะพรุ่งนี้แกก็ต้องเป็นฝ่ายขอโทษเขาก่อน” นายโรเบิร์ตอธิบายแกมบังคับ
“โอว หมายความว่าผู้หญิงที่แด๊ดดี้ไป เดทด้วยเมื่อเย็นนี้ คือน้าสาวของเธอคนนั้นเหรอครับ?” ดวงตาเจ้าเล่ห์ทอประกายเจิดจ้าขึ้นมาทันทีอย่างพึงพอใจ
“ใช่! พรุ่งนี้เย็นพวกหล่อนทั้งสองจะมาเป็นแขกของเราที่บ้าน จัดการเตรียมต้อนรับสุภาพสตรีทั้งสองคนให้ดีๆ และมีมารยาทด้วยนะฟินิกซ์ อ้อ...แล้วอย่าลืมขอโทษเธอคนนั้นของแกด้วยล่ะ ฉันขอร้อง” ผู้เป็นพ่อหันไปมองบุตรชายด้วยสายตาไม่มั่นใจนัก ว่าฟินิกซ์จะทำตามที่เขาขอร้องได้หรือเปล่า
“ได้อยู่แล้วแด๊ดดี้ รับรองว่าลูกชายคนนี้จะไม่ทำให้แด๊ดดี้ผิดหวังแน่นอน” รอยยิ้มแสนเสน่ห์แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้าชวนฝันนั้นอีกครั้ง โอกาสมาถึงมือเขาแล้ว เขาจะไม่มีวันปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไปง่ายๆ แน่ และคืนนี้เขาจะถามรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเธอกับบิดาในทุกเรื่อง เพื่อจะได้วางแผนครอบครองหญิงสาวให้ได้เร็วที่สุด
“ยัยก้อย! แกต้องช่วยฉันนะ ฉันเกลียดไอ้หมอนั่น เกลียดมากๆ แต่พรุ่งนี้ฉันต้องไปขอโทษเขา ทั้งๆ ที่ฉันเป็นคนถูกรังแก ยัยก้อย...แกคิดดูสิ ว่าฉันต้องเจ็บช้ำน้ำใจมากแค่ไหน” ม่านไหมโทรไประบายกับเพื่อนรัก ด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยแกมเจ็บใจไอ้ผู้ชายที่กล้าบังอาจข่มเหงรังแกเธอ
“ม่านไหม แกใจเย็นๆ ก่อนสิ และจงอย่าพูดคำว่าเกลียดไอ้หมอนั่น เพราะโบราณเขาว่าไว้ เกลียดสิ่งใดมักได้สิ่งนั้น เพราะฉะนั้นแกต้องทำเฉยๆ เข้าไว้ แล้วฉันจะช่วยแกเอง” กรกนก วลีรัตน์ หรือก้อยเพื่อนสนิทที่สุดของม่านไหม ให้คำปรึกษาเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจแบบสุดๆ
“แล้วแกจะช่วยฉันได้ยังไงล่ะ รีบบอกมาสิ ฉันจะบ้าตายอยู่แล้วนะ” เจ้าตัวทำท่าร้อนรน จนคนปลายสายต้องรีบสาธยาย
“แกจำ ไซมอนเพื่อนรักของเราอีกคนไม่ได้เหรอ เขาหล่อไม่เบาเลยนะ” เสียงปลายสายมีแววเจ้าเล่ห์นิดหน่อย จนม่านไหมเดาออกว่าเพื่อนรักหมายความว่ายังไง
“แกหมายความว่า...”
บ้านของชาญณรงค์ ชัยมงคล หรือไซมอน ชื่อที่เจ้าตัวชอบมากที่สุด
“ตายแล้ว ยัยชะนี นี่หล่อนจะให้ฉันทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วยนางเอกหรือไงยะ ฉันทำไม่ได้หรอก แต่ถ้าอีตานั่นหล่อมากละก็...ไม่แน่” ชายใจหญิงทำตาลอยจนกรกนกมองอย่างหมั่นไส้
“ตานั่นเหรอ เห็นม่านไหมบอกว่าเขาเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ หล่อมากๆ แต่กามสุดๆ” กรกนกต่อท้ายประโยคเองอย่างถือวิสาสะ เพราะรู้ว่าเพื่อนซี้คนนี้บ้าผู้ชายหล่อๆ มากแค่ไหน
“ว้าว! หล่อมากแอนด์กามสุดๆ สเปคฉันเลยอ่ะ ยัยก้อย ตกลงๆ ฉันโอเคนะ แล้วจะเริ่มงานเมื่อไหร่จ๊ะ?” คนที่ทำท่าเหมือนปฏิเสธแต่แรก กลับกระตือรือร้นที่จะรับงานหน้าตาเฉยเมื่อได้ฟังรายละเอียดเพิ่มเติมที่ค่อนข้างจะถูกใจ
“รอฟังยัยไหมพรุ่งนี้ก่อนแล้วกัน แต่แกต้องทำตัวเป็นผู้ชายมาดแมนนะยะ ไม่ใช่ให้ไปงาบไอ้ฝรั่งหน้าหล่อคนนั้น เดี๋ยวเสียแผนหมด” กรกนกหันไปส่งสายตาเขียวปัดปรามนิดๆ ใส่เพื่อนชายที่ออกจะแจ๋นเกินชายแวบหนึ่ง ก่อนที่จะหลุบเปลือกตาลงอมยิ้มอย่างขำๆ
“วันนี้ฉันกลับก่อนนะ จะรีบไปดูร้าน แกจะไปด้วยกันไหมล่ะไซมอน” กรกนกหันมาถามเพื่อนรักแต่ดูท่าทางชาญณรงค์จะไม่สนใจสักเท่าไหร่
“ไม่ล่ะ บ่ายนี้ฉันก็มีนัดเหมือนกันย่ะ น่ากินกว่ากาแฟที่ร้านของแกเป็นไหนๆ”
“ที่แกพูดนี่ หมายถึงผู้ชายหรือของกินยะ แหมๆ ดูทำท่าเข้าสิอย่างกับจะไปเปิบของหวานจานพิเศษอย่างนั้นแหละ”
“โอว ก็แน่สิยะ ฉันไปล่ะ บ่ายนี้ฉันต้องเด้งที่สุด” ชายใจหญิงที่รูปร่างสูงยาวเกลี้ยงเกลาดูเนี๊ยบแต่แอบกิ๊บเก๋นิดๆ พูดทิ้งท้ายก่อนที่จะรีบเดินเข้าไปในบ้านด้วยอารมณ์สุนทรีอย่างที่สุด
กรกนกหลังจากที่แยกกับชาญณรงค์มาก็รีบมาดูร้านกาแฟของตนเองที่ห้างทันที วันนี้มีลูกค้าค่อนข้างหนาตา แต่มีลูกค้าผู้ชายโต๊ะหนึ่งที่ดูโดดเด่นยิ่งกว่าใครๆ คนหนึ่งท่าทางจะเป็นหนุ่มลูกครึ่ง ครึ่งอะไรหญิงสาวก็ไม่ทราบเช่นกัน ส่วนอีกคนน่าจะเป็นไทยแท้ ท่าทางผู้ชายสองคนนี้ดูสนิทกันมาก ที่สำคัญหล่อมากๆ อีกด้วย สังเกตจากสาวๆ ที่นั่งแถวนั้นต่างก็หันไปมองพวกเขาสองคนเป็นตาเดียว
“ฟินิกซ์ทำไมยูถึงได้ บินกลับมาเมืองไทยกะทันหันแบบนี้วะเพื่อน?”
ชัชวาลถามเพื่อนรักด้วยความสงสัย เพราะเมื่อครั้งที่เขาเรียนที่อังกฤษฟินิกซ์เคยบอกเขาว่า ชายหนุ่มไม่คิดที่จะกลับมาเมืองไทย เพราะอยากจะอยู่ช่วยดูแลกิจการร้านอาหารไทยของมารดาที่เป็นคนไทยที่อังกฤษมากกว่า
แต่ชัชวาลก็ไม่รู้หรอกว่าฟินิกซ์มีปัญหากับพ่อเลี้ยงคนใหม่ของเขา และช่วงนั้นก็เป็นตอนที่พ่อแท้ๆ ของเขาโทรให้มาช่วยดูแลงานที่โรงแรมในช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้พอดี เขาก็เลยตัดสินใจเดินทางมาเมืองไทย
“ไอมีปัญหานิดหน่อย ก็เลยอยากมาพักผ่อนที่เมืองไทย และที่นี่มีสาวๆ สวยๆ เยอะ ไอเลยอยากจะรู้จักกับสาวไทย ยูช่วยไอหน่อยสิชัชเพื่อนรัก ฉันเจอเธอคนนั้นแล้ว เธอสวยมากๆ หวาน...หวานเหลือเกิน”
ชัชวาลแทบสำลักกาแฟที่เพิ่งดื่มเข้าไป เมื่อฟินิกซ์พูดถึงสาวไทยที่เขาเพิ่งเจอแต่กลับบอกว่า หล่อนหวานซะอย่างนั้น มันหมายความว่ายังไง
“ฟินิกซ์ นี่แกชิมเธอแล้วเหรอถึงได้บอกว่าหล่อนหวานน่ะ”
“โอ...เยส ใช่แล้วไอจูบเธอไปทีหนึ่งตอนเจอกันครั้งแรก ไอประทับใจมาก แต่เธอสิ ตบหน้าไอจนเลือดซิบเลย ไอไม่เข้าใจ ทำไมวะเพื่อน ไอทั้งหล่อทั้งรวย ที่เมืองนอกนะมีแต่สาวๆ อยากให้ไอนอนด้วย แต่ทำไมเธอถึงได้รังเกียจไอ ไอมันน่ารังเกียจตรงไหนวะ” คนถามทำหน้าตาใสซื่อเสียจนคนฟังไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขายังไง
“ไอ้บ้าเอ๊ย แกกับเขายังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่แกก็ไปทำกับเธอซะขนาดนั้น แค่ตบยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ชัชวาลซ้ำเติมเพื่อนรักอย่างขำๆ แกมสมน้ำหน้า
“ทำไม นี่ยูไม่เข้าข้างไอเลยเหรอ ยูเป็นเพื่อนประสาอะไร ไม่รู้ล่ะ ไอสนใจผู้หญิงคนนั้น ไอก็ต้องได้เธอ ไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเสน่ห์ของไอได้”
นี่ชายหนุ่มจะรู้ไหมนี่ว่ามีผู้หญิงหลายคนที่นั่งดื่มกาแฟรอบๆ กายเขากำลังมองมาที่เขาด้วยสาตาแปลกๆ และเริ่มที่จะไม่เป็นมิตรเสียแล้ว
“เฮ๊ย! ฟินิกซ์ ใจเย็นสิวะ ที่นี่เมืองไทยนะโว้ย อย่าพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าในที่สาธารณะแบบนี้สิ แกเห็นมั้ยว่าคนอื่นเขาเริ่มมองแกไม่ค่อยดีแล้วนะเว้ย” ชัชวาลห้ามปรามเพื่อนรักในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนผู้หวังดีและเป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่ยังให้เกียรติผู้หญิงไทยมากพอสมควร
