Ep.2
แม้ว่าภายในใจจะไม่ไว้ใจลูกค้าที่มีหน้าตาหล่อเหลากระชากใจสาวๆ อย่างชายหนุ่ม แต่หญิงสาวในฐานะหลานสาวเจ้าของร้านก็ต้องทำตามมารยาท เชิญลูกค้าคนสำคัญไปยังห้องทำงานส่วนตัวของเธอ
“ไหนคะ เอกสารที่คุณจะให้ฉันดู”
ม่านไหมรีบเข้าเรื่องทันทีที่เข้ามาในห้องทำงาน แม้ว่าภายในหัวใจของเธอจะสั่นๆ ที่ต้องอยู่กับผู้ชายสองต่อสองในห้อง แต่หญิงสาวก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติให้มากที่สุด
“ดูท่าทางของคุณ จะไม่ค่อยไว้ใจผมเลยนะครับ” เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวเหมือนจะรู้ว่าเธอมีอาการประหม่ามากแค่ไหนที่ต้องอยู่ต่อหน้าเขา
“คุณยัง ไม่ได้ให้ฉันดูเอกสารเลยนะคะ ดิฉันมีเวลาไม่มากนัก กรุณารีบพูดความต้องการของคุณมาเถอะค่ะ” เมื่อเห็นสายตากรุ้มกริ่มพราวระยับดั่งชายเจ้าชู้ยิ่งทำให้หญิงสาวต้องระวังตัว มองตาเขาไม่กะพริบ
“ถ้าผมจะบอกว่า ผมต้องการตัวคุณมากกว่าผ้าไหมพวกนี้ล่ะ”
ร่างระหงลุกจากเก้าอี้ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ ตั้งท่าจะเดินออกจากประตูห้องไป แต่ก็ถูกมือหนาและอ้อมแขนแข็งแรงเกี่ยวกระหวัดรัดร่างของเธอเอาไว้ เรียวปากที่กำลังจะอ้าเผยอร้องขอความช่วยเหลือ ถูกปิดลงทันทีด้วยริมฝีปากบางเฉียบได้รูปของชายหนุ่มที่ฉกลงมาอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวร้องอู้อี้เมื่อเรียวปากถูกบดขยี้อย่างจาบจ้วงจากร่างสูงใหญ่ เขาพันธนาการร่างเพรียวระหงของเธอด้วยมือหนาและพละกำลังอันมหาศาลของเขา และด้วยประสบการณ์อันร้ายกาจในเชิงรัก โดยเฉพาะการลิ้มรสรักด้วยจูบอันแสนหวาน หากหญิงใดได้สัมผัสจูบที่เร่าร้อนของเขา ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่อาจจะควบคุมสติของตัวเองได้อีกต่อไป ไม่เว้นแม้แต่ม่านไหมหญิงสาวผู้ไม่เคยต้องมือชายมาก่อน
ลิ้นอุ่นๆ ซอกซอนเข้าไปควานหาความหอมหวานของน้ำผึ้งในโพรงปากบางอิ่ม เมื่อเจอมันเขาก็ดื่มด่ำดูดกลืนกินอย่างโหยหิว ลิ้นเรียวหนาเกี่ยวกระหวัดลิ้นเรียวเล็กอย่างช่ำชองเร่าร้อนแต่ก็อ่อนหวาน จนร่างบางไม่อาจจะต้านทานเสน่หาอันรัญจวนนี้ได้แม้เพียงวินาทีเดียว มือเล็กที่ผลักไสในนาทีแรก กลับหาที่ยึดสะเปะสะปะเมื่อร่างกายเริ่มอ่อนระทวยดั่งขี้ผึ้งถูกไฟลน
“หวานเหลือเกิน ยาหยี”
ฟินิกซ์ถอนริมฝีปากออกเบาๆ อย่างแสนเสียดาย ที่จริงเขาอยากจะจูบหญิงสาวให้เนิ่นนานกว่านี้ แต่ก็กลัวร่างบางจะขาดใจไปเสียก่อน เพราะดูท่าทางหญิงสาวช่างอ่อนประสบการณ์เหลือเกิน
ม่านไหมเซเล็กน้อย เมื่อร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ ร่างเล็กถอยหลังไปชนผนังจนต้องพิงร่างพักหอบหายใจอยู่ตรงนั้น แล้วค่อยๆ หันไปมองคนที่บังอาจฉวยโอกาสกับเธอด้วยใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความโกรธสุดจะบรรยาย
เผียะ!
เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังสนั่นกลางอากาศ
“ออกไป! ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้ ไอ้ฝรั่งโรคจิต ไอ้คนเลว และจำเอาไว้เลยนะ ฉันไม่มีวันขายผ้าไหมอันมีค่าของฉัน ให้กับคนต่ำช้าอย่างนายเด็ดขาด ออกไป!”
ร่างที่กำลังสั่นเทิ้มชี้นิ้วสั่นๆ ของเธอไปยังประตูไล่ลูกค้าที่น่ารังเกียจออกไปด้วยความโมโหสุดขีด จนฟินิกซ์เองก็ยังตกใจ ไม่คิดว่าหญิงสาวจะโกรธเขามากมายถึงขนาดนี้
“เฮ้! คุณ ผมขอโทษ”
“ออกไป!! ฉันไม่ต้องการคำขอโทษจากฝรั่งที่เห็นผู้หญิงไทยเป็นของง่ายที่จะทำอะไรก็ได้อย่างคุณ ที่นี่ประเทศไทยไม่ใช่ที่ๆ คุณเคยอยู่ จงกลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะโทรเรียกตำรวจมาลากคอคุณเข้าคุก” ร่างบางเดินฉับๆ ไปเปิดประตูไล่แขกโดยไม่มองหน้าเขาอีกเลย
“ตกลงครับ ผมจะกลับ แล้วผมจะมาใหม่”
ร่างสูงใหญ่หันหลังกลับมา ท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นหลายคู่ ของคนที่ยืนออกันอยู่แถวหน้าประตู ฟินิกซ์ยิ้มให้กับทุกคนอีกครั้ง แล้วจึงหันไปมองที่ประตูห้องที่เขาเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่นิ่ง ก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถส่วนตัว
‘ผมจะกลับมาอีกแน่ ยาหยี คุณไม่มีทางหนีเงื้อมมือผมไปได้หรอก คุณหอมหวานออกอย่างนี้ ผมต้องได้คุณมาเป็นของผมให้ได้ เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ผมต้องการแล้วไม่ได้”
ร่างสูงใหญ่ยืนเพ่งมองมาทางร้านแพรพรรณผ้าไหมไทย ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจมาดมั่นอย่างที่สุด ที่คิดว่าเขาจะต้องพิชิตร่างกายอันยั่วเย้าแสนหวานของม่านไหมให้ได้ในเร็ววันนี้แน่นอน
‘ม่านไหม พยศแบบนี้สิ ฉันชอบ ฉันรับรอง ฟินิกซ์คนนี้จะต้องปราบเธอให้เชื่องให้จงได้’
ปัง!
เสียงประตูรถปิดลง รถเบนซ์สีบรอนซ์เงินวาววับเคลื่อนหายไปแล้ว ทิ้งไว้แต่รอยควันจางๆ ที่ม่านไหมแอบมองทางหน้าต่าง เหมือนฝันร้ายที่เธอไม่มีวันลืม
ร่างงามสง่าสวยสมวัยกำลังเดินเข้ามาในร้านด้วยรอยยิ้มละไม แม้ว่าตอนนี้ประตูร้านจะปิดแล้ว แต่ม่ายสาวพราวเสน่ห์ก็สามารถเปิดประตูเข้ามาได้ เพราะมันเป็นร้านของเธอเอง
วิไลวรรณ เจ้าของร้านแพรพรรณผ้าไหมไทย เดินมาเคาะประตูห้องหลานสาวเพื่อที่จะถามไถ่เรื่องที่ม่านไหมเฝ้าร้านให้เธอวันนี้เป็นวันแรก
“น้าวรรณ เพิ่งกลับมาถึงเหรอคะ?” สาวน้อยถามน้าสาวเสียงเรียบ รอยยิ้มเล็กๆ แต้มอยู่บนใบหน้าหวานใส
“ใช่ วันนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดีค่ะ”
วิไลวรรณจ้องหน้าหลานสาวนิ่ง เธอรู้ว่าวันนี้น่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง แต่แปลกที่ม่านไหมไม่คิดที่จะอธิบายให้หล่อนฟัง
“แล้ววันนี้มีลูกค้าแปลกหน้าคนไหน มาซื้อสินค้าของเราบ้างหรือเปล่า?” ที่จริงหล่อนรู้คำตอบดีอยู่แล้ว เพราะนายโรเบิร์ตโทรมารายงานให้หล่อนฟังหมดแล้ว
“ก็มีค่ะ แต่เขาไม่ได้ซื้ออะไร มาดูเฉยๆ แล้วก็ไป” ก็เธอไม่อยากอธิบายให้น้าสาวของเธอฟังนี่นาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะหญิงสาวคิดว่ามันน่าอายเกินกว่าที่จะเล่าเรื่องแบบนั้นให้ใครฟัง
“แกแน่ใจนะว่าไม่มีอะไร เล่าความจริงมาดีกว่าถ้าแกไม่อยากให้ฉันมีน้ำโห” ผู้มีอำนาจมากกว่าออกคำสั่ง
สาวน้อยมีท่าทางอึกอักทันทีที่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน เธอเกลียดเขานัก ‘ไอ้ฝรั่งบ้ากาม’
“ว่ายังไงม่านไหม! จะตอบได้หรือยัง?” คนที่รอฟังคำตอบเริ่มฉุนฉียว เมื่อยังไม่ได้ฟังคำตอบจากคนที่กำลังนั่งพับเพียบตรงหน้าเธอ
ม่านไหม หรือ นางสาวม่านไหม กิตติเจริญ ต้องจำยอมเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้น้าสาวเพียงคนเดียวของเธอฟัง แต่แทนที่วิไลวรรณจะเห็นใจเธอแต่ทุกอย่างที่สาวน้อยคิดผิดคาดทั้งหมด
“ม่านไหม! แกรู้ตัวมั้ย ว่าแกทำอะไรลงไป แกกำลังจะทำให้ฉันเสียลูกค้าคนสำคัญไป เท่านั้นยังไม่พอ แกกับฉันอาจจะไม่มีที่ซุกหัวนอนในเร็วๆ นี้ก็ได้” นางแม่มดแสร้งทำเดือดดาล เพื่อยัดเยียดความผิดให้กับหลานสาว
สาวน้อยก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาผู้มีพระคุณ ในใจก็คิดไปต่างๆ นานาว่าเธอผิดด้วยหรือที่ตอบโต้ผู้ชายเลวๆ คนนั้น และสงสัยเหลือเกินว่า ลูกค้าคนสำคัญสำหรับน้าสาวของเธอแท้จริงแล้วเขาเป็นใคร
“พรุ่งนี้แกต้องไปกับฉัน ไปกราบขอโทษเขางามๆ ถ้าแกยังเห็นแก่หน้าฉัน และยังเห็นฉันเป็นผู้มีพระคุณของแก เข้าใจไหม?!” ม่ายสาวออกคำสั่ง
“ค่ะ น้าวรรณ” แม้ในใจจะคัดค้านสักแค่ไหน แต่มันจะมีประโยชน์อะไรเมื่อเธอต้องทำตามคำสั่งของน้าสาว ญาติเพียงคนเดียวที่คอยดูแลเธอมาโดยตลอด ตั้งแต่แม่ของเธอเสียชีวิต และพ่อไปแต่งงานใหม่ ทำให้ม่านไหมต้องมาอาศัยอยู่กับน้าสาวที่แสนจะเจ้าระเบียบ และเห็นเงินเป็นสิ่งที่หอมหวาน
โรเบิร์ต ฮิสตัน บรู๊ค กำลังนั่งรอลูกชายคนเล็กด้วยสีหน้าร้อนรน เขากลัวเหลือเกินว่า ฟินิกซ์ จะไปทำอะไรห่ามๆ เหมือนตอนที่อยู่ที่เมืองนอกที่ไหนอีกหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันที่ประมุขของบ้านจะคิดอะไรต่อ หนุ่มหล่อมาดเท่ห์เจ้าของรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็เดินท่าทางองอาจเข้ามาในบ้าน
