ตอนที่ 5 เด็กหญิงในความทรงจำ (1/3)
ย้อนกลับไปเมื่อสิบแปดปีที่แล้ว...
ณ ห้องโถงสำหรับนั่งเล่นภายในปราสาทขนาดย่อมของตระกูลหวัง เศรษฐีชาวจีนซึ่งมาก่อร่างสร้างตัวและมีครอบครัวที่ประเทศไทย
ซึ่งบัดนี้ผู้เป็นเจ้าของและภรรยาได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว ทิ้งไว้แต่เพียงลูกชายคนเดียวของเขา ซึ่งมีอาการผิดปกติทางการรับรู้อารมณ์ของตนเอง
“นั่งรอพ่ออยู่ตรงนี้นะลูกรัก อย่าดื้อล่ะคนดี” ชายวัยเกือบสี่สิบเอ่ยสั่งเด็กหญิงหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา ก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตบนหน้าผากมนของเธอเบาๆ
“ค่ะคุณพ่อ” เด็กหญิงตัวน้อยตอบรับด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน ปล่อยให้เธอนั่งรออยู่ที่โซฟาตัวหรูเพียงลำพัง
ไมเคิล โจนส์ นักจิตวิทยาชื่อดังในหมู่เด็กๆ มีประสบการณ์การบำบัดรักษาอาการทางจิตใจให้กับเด็กเล็กมายาวนานนับสิบปี แม้เขาจะเป็นชาวออสเตรเลียแต่กำเนิด แต่กลับมาได้สาวชาวไทยเป็นภรรยา จึงตัดสินใจลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่กับครอบครัว
โดยทั้งคู่มีลูกสาวตัวเล็กน่ารักด้วยกันหนึ่งคน ก่อนที่ภรรยาของเขาจะเสียชีวิตลงในตอนที่ลูกสาวอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมาได้ร่วมสองปีแล้ว เพราะตอนนี้อลิซาเบธอายุครบสิบสองปีพอดี
อลิซาเบธ โจนส์ เด็กหญิงลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย ผู้มีความน่ารักราวกับตุ๊กตามาตั้งแต่กำเนิด ไม่ว่าผู้ใดพบเห็นก็มักจะหลงใหลในรูปลักษณ์ของเธออยู่เสมอ หลังจากที่แม่ผู้ให้กำเนิดจากไป อลิซาเบธก็ไม่รับใครเข้ามาในใจอีกเลยนอกจากพ่อ
ไม่ว่าผู้เป็นพ่อจะพยายามหาพี่เลี้ยง หรือฝากเธอเอาไว้กับบรรดาญาติๆ ฝั่งแม่ของเด็กหญิง แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำให้เธอยอมอยู่ด้วยได้ เธอเอาแต่ร้องไห้หาพ่ออย่างเดียว จนไมเคิลทนเห็นลูกรักเป็นแบบนั้นต่อไปไม่ไหว จึงต้องกระเตงเธอไปไหนมาไหนอยู่เสมอ
ยกตัวอย่างเช่นวันนี้...วันที่โรงเรียนของลูกสาวหยุด ไมเคิลจึงต้องหิ้วเธอมาที่นี่ด้วย เขามีนัดดูอาการให้กับเด็กชายผู้น่าสงสารคนหนึ่ง ที่เขาเผลอใจอ่อนตอบรับคำขอร้องป้าของเด็กชาย ว่าให้มาบำบัดอาการผิดปกติทางอารมณ์ให้กับเขาเป็นการส่วนตัว เพราะตั้งแต่เกิดมาอาการของเด็กคนนี้ มีแววดีขึ้นมากหลังจากได้เจอกับไมเคิล
เด็กชายเริ่มพูดคุยกับคนแปลกหน้า มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องตามคำสั่งของผู้เป็นแม่
เพราะได้รับรู้เรื่องราวของเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เด็กชายคนนี้เจอมา ด้วยความรู้สึกสงสารเขาจึงยอมตอบตกลงที่จะเป็นนักจิตวิทยาส่วนตัวให้
โดยมีเงื่อนไขว่าเขาจะเข้ามาดูอาการในทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์เพียงเท่านั้น เพราะวันธรรมดาเขาต้องประจำอยู่โรงพยาบาลที่ตนเองทำงานอยู่ ไม่สามารถที่จะลาออกมาเพื่อคนคนเดียวได้
“ไงเจโรม วันนี้ดูสีหน้าสดใสขึ้นนะ” ไมเคิลเอ่ยทักทายคนไข้ของเขาด้วยรอยยิ้มอบอุ่นทันที หลังจากเปิดประตูเดินเข้ามาด้านในห้องนอนของเด็กชายแล้ว
“ผมรอคุณอยู่พอดีเลยครับคุณอา ผมดีใจที่คุณมานะครับ” เจโรมยิ้มรับด้วยสีหน้าดีใจ ไมเคิลเปรียบเสมือนเพื่อนใหม่ที่เขาบังเอิญได้รู้จัก และรู้สึกสบายใจทุกครั้งเวลาที่ได้พูดคุยด้วย
ตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เด็กชายเฝ้ารอเพียงแค่วันเสาร์เท่านั้น วันที่เขาจะได้เจอกับไมเคิล โจนส์ นักจิตวิทยาประจำตัวของเขา
“ฉันก็ดีใจที่ได้เจอเธอเหมือนกันเด็กน้อย ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิ หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอทำอะไรมาบ้าง” ร่างสูงวางกระเป๋าสะพายของตนลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกขนาดพอเหมาะมือ กับปากกาลูกลื่นออกมาจากกระเป๋า
เขาทรุดกายนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ พร้อมกับเปิดสมุดและจับปากกาเพื่อเตรียมสำหรับบันทึกสิ่งที่เจโรมจะเล่าให้ฟัง
“ผมวาดรูปครับ นี่ไงรูปที่ผมวาด สวยไหม?” เด็กน้อยกล่าว ก่อนจะหยิบภาพวาดที่ตนเองบรรจงสรรค์สร้างมันขึ้นมาให้ไมเคิลได้รับชม
รูปภาพที่ดูไม่มีความหมายแถมลายเส้นแปลกๆ มีเพียงสีดำที่ถูกลากเป็นวงกลมยุ่งเหยิง กับสีขาวขีดไปขีดมาเป็นเส้นตรงทำให้ไมเคิลรู้สึกฉงน เขาพยายามมองมันและตีความหมายให้ออกว่าเจโรมกำลังจะสื่ออะไรในรูปรูปนี้
