ตอนที่ 4 ตัวปัญหา (1/2)
ร่างเพรียวระหงของไอรีน หวัง ก้าวลงจากรถโรลส์รอยซ์แฟนทอมสีบอร์นเทา โดยเธอไม่ลืมที่จะหยิบแฟ้มเอกสาร ซึ่งภายในบรรจุใบสมัครและประวัติส่วนตัวของนักจิตวิทยาเก่งๆ เอาไว้หลายคนติดมือลงมาด้วย
หลังจากที่โจนาธานขับเข้ามาจอดยังลานหน้าบ้านสไตล์ยุโรป ซึ่งความจริงแล้วใช้คำว่าบ้านมันอาจจะดูไม่ตรงปกสักเท่าไหร่นัก เพราะบ้านหลังนี้ก้ำกึ่งไปทางปราสาทเสียมากกว่า
สองขาเล็กบนรองเท้าแบรนด์เนมราคาหลักแสน ย่ำลงบนพื้นหินขัดเทอร์ราซโซเข้าไปยังด้านในของบ้าน จุดมุ่งหมายของเธอคือห้องนอนใหญ่บนชั้นสอง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณฝั่งปีกขวาของปราสาทขนาดย่อมแห่งนี้ โดยที่สายตาของไอรีนไม่แม้แต่จะเหลือบมองทัศนียภาพรอบกายเลยสักนิด
ความประณีตของการประดับตกแต่งบ้านสไตล์คลาสสิคตะวันตก ความอ่อนช้อยงดงามของการสรรค์สร้างผลงานปั้นโดยช่างฝีมือระดับสูง ไม่สามารถดึงดูดความสนใจในครั้งนี้ของหญิงวัยกลางคนได้เลย
แม้ไอรีนจะแวะมาที่นี่บ่อยพอสมควรราวกับเป็นบ้านของเธอเอง แต่เธอก็ยังคงชื่นชอบในการเสพความงดงามของงานศิลป์ที่นี่ แต่วันนี้เธอไม่ค่อยมีอารมณ์แบบนั้นเท่าไหร่นัก ความกังวลใจในตัวของหลานชายที่ไม่ยอมรับการบำบัด ทำให้เธอรู้สึกเครียดเป็นอย่างมาก
หลังจากที่พ่อแม่ของเจโรมเสียชีวิต ทุกอย่างที่เป็นของพวกเขาตกทอดมายังลูกชายเพียงคนเดียวทั้งหมด รวมถึงบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานร่วมหมื่นชีวิตทำงานอยู่
แต่เนื่องด้วยเด็กชายวัยสิบสองขวบยังไม่มีทักษะในการตัดสินใจ ความรู้ หรือความสามารถมากพอที่จะบริหารอะไรได้ ทั้งหมดจึงตกอยู่ภายใต้การดูแลของ ‘ไอรีน หวัง’ ผู้เป็นป้า
จนกว่าเจโรมจะบรรลุนิติภาวะ หรือจนกว่าเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป นั่นก็คืออาการผิดปกติทางอารมณ์ของเขา จะต้องได้รับการเยียวยาจนเกือบหายดี หรือไม่ก็รู้วิธีรับมือหรือจัดการกับสิ่งพวกนั้นได้
บอร์ดบริหารพากันถกเถียงเรื่องการเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารของเจโรม ตอนนี้เขาอายุสามสิบปีแล้ว แต่ยังไม่มีแม้แต่เงาของชายหนุ่มโผล่เข้าไปให้พวกเขาเห็นเลยสักครั้ง
ความลับเรื่องความเซนซิทีฟมากเกินไป และโรคกลัวสังคมของว่าที่ผู้บริหาร ถูกปกปิดบังซ่อนเร้นมาโดยตลอดระยะเวลาร่วมสามสิบปี ตั้งแต่วันที่เจโรมเกิดยันปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงสิ่งที่เขาเป็นนอกจากคนในครอบครัว นักจิตวิทยา และลูกจ้างที่อาศัยอยู่มายาวนานในบ้านหลังนี้เพียงเท่านั้น
คนอื่นๆ ถูกหลอกให้เข้าใจตามเรื่องที่ไอรีนปั้นแต่งมันขึ้นมา คือเจโรมกำลังเรียนรู้และศึกษางานด้านบริหารอยู่ที่สาขาย่อยในต่างประเทศ และมีกำหนดจะกลับมารับตำแหน่งซีอีโอที่สาขาใหญ่ในวัยสามสิบปีเต็ม
ซึ่งตอนนี้มันก็ครบกำหนดนั้นแล้ว แต่อาการของหลานชายยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเลย คนเป็นป้าอย่างเธอก็หมดคำที่จะนำไปกล่าวอ้างกับบรรดาผู้ถือหุ้นแต่ละราย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หลังจากบรรจงเคาะหลังมือลงบนบานประตูไม้โอ๊ค เพื่อส่งสัญญาณให้ผู้เป็นเจ้าของห้องรู้ตัวแล้ว ไอรีนก็ไขกุญแจและแทรกตัวผ่านบานประตูเข้าไปยังด้านในห้องทันที และไม่ลืมที่จะปิดมันไว้ดังเดิม
เมื่อเข้ามาในห้องไอรีนพบว่าหลานชายตัวปัญหา กำลังนั่งหันหลังวาดรูปอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหันกลับมาให้ความสนใจการปรากฏตัวของเธอเลยแม้แต่น้อย
เธอจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเรียกร้องความสนใจจากเขาแทน ด้วยการเดินอ้อมเข้าไปหาชายหนุ่มจากทางด้านหน้า
ร่างระหงดูสมส่วนชวนมองแม้จะอยู่ในวัยห้าสิบห้าปีแล้วก็ตาม ยืนกอดอกพิงโต๊ะวางอุปกรณ์วาดรูป มองหลานชายตัวดีด้วยสายตาที่พยายามกดดันอีกฝ่าย
นิ้วเรียวยาวสวยไร้ข้อโป่งนู้นซึ่งกำลังจับดินสอวาดรูปอยู่ หยุดการกระทำของตนเองก่อนจะยกมันขึ้นเหน็บที่ข้างใบหู ใบหน้าหล่อเฉี่ยวสไตล์ลูกครึ่งไทย-จีนเงยขึ้นจากกระดาษตรงหน้า ช้อนสายตาคมประดุจเหยี่ยวมองผู้เป็นป้าด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย
“ว่าไงครับคุณป้า?” น้ำเสียงทุ้มต่ำถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางหยักรูปกระจับด้วยจังหวะที่เนิบช้า ราวกับว่าเขาต้องการจะกวนประสาทบุคคลซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าของตนเอง
“ป้ารู้ว่าเรารู้ ว่าวันนี้ป้ามาหาเราเพราะอะไร?” ไอรีนไม่ยอมตอบคำถาม เธอรู้ว่าตัวสร้างปัญหาอย่างเจโรมย่อมรู้ดีว่าเธอมาเพราะอะไร และต้องการอะไรจากเขา
“โอเคครับ ผมทราบแล้ว ไหนล่ะประวัติของพวกตัวน่ารำคาญ ผมจะได้รีบๆ เลือก ป้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนัก ผมรู้ว่าป้าไม่ค่อยเอนจอยกับการที่ต้องเจอหน้าผมสักเท่าไหร่” เจโรมเอ่ยเหน็บไอรีนดั่งเช่นทุกครั้ง ไม่มีครั้งไหนที่การสนทนาระหว่างป้าหลานคู่นี่จะดีได้เลย
“เลิกทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาสักที ป้าเหนื่อยกับเรามามากเกินพอแล้วนะ!!” เริ่มมีความคุกรุ่นเกิดขึ้นในอารมณ์ของคนที่มีอายุมากกว่า
เธอรู้สึกสงสารเจโรมมาโดยตลอด ชีวิตเขาอาภัพเกินกว่าที่คนคนหนึ่งจะรับไหว แต่ชายหนุ่มกลับไม่ทำตัวน่าสงสารดั่งที่ควรเป็น เขาชอบสร้างแต่ปัญหาและความหนักใจให้เธอตลอด ทำให้ปัจจุบันนี้เกิดเป็นความเหนื่อยหน่าย ที่มีมากเกินกว่าความสงสารไปแล้ว
