ป้าข้างบ้าน
เด็กสาวเดินทางกลับมาบ้าน เพื่อซ่อนสมุดแปลกๆ เล่มนี้ซ้อนในกระเป๋าพกหนังสือเรียนวันนี้ มันอาจจะตุงไปบ้าง ก็ยังดีกว่าป้าของตัวเอง จะสู่รู้ไปเสียทุกเรื่อง
แม้กระทั่งคนข้างบ้าน ป้าของเธอยังรู้ทุกเรื่องของทุกๆ คนในระแวกรอบบ้าน ราวกับมันเป็นพื้นที่จักรวาลของป้าเธอ เสมือนครอบครัวของป้าที่คอยเป็นห่วงและดูแล แม้ว่าครัวเรือนรอบบ้านเหล่านั้น จะไม่ชอบป้าของเธอไปรู้เรื่องภายในบ้านเขาเสียทุกอย่าง
“กลับมาแล้วรึวี ป้าทำข้าวเย็นไว้ให้แน่ มีน้ำพริกกะปิ ไข่เจียวชม ผักต้ม แล้วก็มีลาบซุปหน่อไม้กับข้าวเหนียวนะ” ป้าน้อย พี่สาวของพ่อจันทวี บอกรายการอาหารประจำวันนี้ให้หลานสาวคนเดียวได้ทราบ เธอกลับมาบ้านเร็ว เป็นเด็กดีให้ป้าน้อยอีกวัน
“รายการข้าวเย็นน่ากินจังเลยค่ะ หนูขอไปกินข้าวก่อนนะคะ” จันทวีกล่าวอย่างเร่งรีบ ท้องไส้ของเธอหิวเสียแล้ว แทนที่จะได้ไปกินชาบูหมูกระทะให้ เมทินีเลี้ยงข้าวก็ไม่เลว ถ้าไม่ติดว่ากฤษกรไปด้วย เธอคงไม่ต้องแขวนท้องกลับมาบ้าน
“ไปอาบน้ำก่อนนะ บอกโมด้วย ว่าอย่าเอาแต่อยู่กับแฟนจนลืมกินข้าว” ป้าน้อยฝากจันทวีบอกลูกสาวของตัวเองด้วย ที่พาแฟนมาเที่ยวบ้าน แล้วก็ขลุกอยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมออกมากินข้าวกินปลาเสียที
“โมพาแฟนมาบ้านหรอคะ? ป้าน้อยไม่ได้ห้าม?” จันทวีค่อนข้างแปลกใจ ที่วันนี้ป้าน้อยทำตัวแปลกไปจากเดิม สีหน้าของป้าพยายามระงับอารมณ์ แล้วหันไปสนใจคนข้างบ้าน เพื่อลืมเรื่องแย่ๆ ที่ได้พบกับแฟนของโม
จันทวีจึงเดินเข้าบ้าน และปล่อยให้ป้าน้อยไปคุยกับคนข้างบ้าน เพื่อให้แกสบายใจมากยิ่งขึ้น เวลาไปสนใจคนอื่น แทนที่จะสนใจลูกหลานภายในบ้านเสียมากกว่า....
******
“ลูกเธอเป็นยังไงบ้างจ๊ะ?” ป้าน้อยถามเพื่อนข้างบ้าน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะไม่อยากนึกถึงเรื่องของโมพาแฟนมาบ้าน และจันทวีก็ยังเรียนปวช.ปีสุดท้าย เธอควรจะหางานทำ เพราะใกล้เรียนจบแล้ว
“ก็ดีค่ะ พี่น้อย... ลูกชายกำลังจะเรียนจบม.ปลาย ใกล้เข้ามหาวิทยาลัยปีหน้าแล้วค่ะ” น้าเอี่ยม เพื่อนข้างบ้าน ที่จะต้องออกมาเม้าท์มอยกับป้าน้อยแทบจะทุกๆ วัน เพราะอยู่บ้านไม่มีงานนอก เป็นแม่บ้านดูแลลูกชาย รอสามีกลับบ้าน
“ลูกชายมีแฟนรึยังคะ?” ป้าน้อยถามไถ่ เชิงอยากรู้เรื่องหลานข้างบ้าน
“มีแล้วค่ะ พี่น้อย แล้วลูกกับหลานสาวพี่ล่ะ? สวยๆ ทั้งคู่เลยนะคะ” น้าเอี่ยมก็ใช่ย่อย สืบเสาะถามไถ่เรื่องราวบ้านป้าน้อยแบบไม่เกรงใจพอกัน
“ลูกสาวป้าน่ะ มีแฟนแล้ว พามาเที่ยวบ้านทุกวัน อย่างน้อยมันก็ไม่ไปมั่วผู้ชายที่ไหน... หลานสาวก็เป็นเด็กดีเหมือนน้องชายพี่นั้นแหละ ไม่ยอมมีแฟน จนกว่าจะมีการงานมั่นคง... แล้วนี่เรียนจบลูกชายคุณน้องจะไปทำงานอะไรคะ?”
ป้าน้อยโจมตีต่อ ไม่อยากให้น้อยหน้าน้าเอี่ยม ลูกสาวป้าน้อยมีผัวตั้งแต่มัธยมต้น ยังเอามากกถึงในบ้าน ยังดีกว่าปล่อยให้ไปมีผัวไปทั่ว ใช่ว่าจะเป็นผัวทั่วไป...
“ลูกชายเอี่ยมตั้งใจจะเรียนกับแฟนจนจบไปด้วยกันนะคะพี่น้อย... เห็นบอกว่า จะไปต่อต่างประเทศ เรียนไปทำงานไปด้วยล่ะค่ะ เห็นลูกสาวพี่น้อยมีแฟนเร็วขนาดนี้ จบม.ปลายตั้งนานแล้ว ไม่เห็นเรียนต่อมหาวิทยาลัยเลยนิคะ”
ราวกับคนข้างบ้านจะถือไพ่เหนือกว่า ที่เอาลูกหลานมานั่งคุยนินทา เปิดเป็นประเด็นในการสนทนาระรื่นลิ้น ฆ่าเวลาแก้เบื่อของคนสูงอายุ
“ยัยโมน่ะสิ ไม่ยอมหาที่ลงสักที เลือกมากอยู่นั้นล่ะ เห็นบอกว่าจะไปต่อที่เรียนที่ดีที่สุด นี่ลูกสาวบอกว่าจะไปเรียนเสริมโทอิก โทเฟล อะไรนี่ล่ะค่ะ พี่ก็ตามใจลูกนะคะ เพราะลูกสาวพี่เรียนเก่งอยู่แล้ว... ถ้าลูกชายคุณน้องเรียนจบ จะแต่งงานที่เมืองนอก หรือว่า แต่งงานในเมืองไทยล่ะคะ?”
ป้าน้อยคุยยาวเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ไม่อยากนึกน้อยหน้าว่า น้าเอี่ยมข้างบ้านจะมีอนาคตให้ลูกชายได้ดีกว่า เพราะว่าสามีนางรับราชการทหารอยู่ มีสวัสดิการ และมีเบี้ยโบนัสพิเศษอยู่บ้าง ทำให้น้าเอี่ยมค่อนข้างสบายมากๆ ผิดกับป้าน้อย ที่จะต้องรอเงินจากลูกชายอีกคน ซึ่งจากบ้านไปนาน ส่งมาแค่เดือนละหมื่นบาทแค่นั้น
“ลูกชายน้องเป็นเด็กดีค่ะ บอกว่าถ้าเรียนจบเมืองนอกได้แล้ว จะทำงานที่นั้นกับแฟนล่ะค่ะ ถ้าเขาจะแต่ง ก็ว่าจะกลับมาแต่งในเมืองไทยค่ะ อยากจะพาสะใภ้เข้าบ้าน มาอยู่เป็นเพื่อนน้องค่ะ พี่น้อย... แล้วลูกสาวพี่น้อยล่ะคะ? เมื่อไหร่จะแต่งงาน จะเรียนก่อน หรือแต่งก่อนดีล่ะคะ?”
น้าเอี่ยมได้โอกาสถามกลับ เผื่อว่าตัวเองจะได้รับชัยชนะจากการสนทนาในคราวนี้ โชคดีที่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากมือถือของป้าน้อย... นางเลยได้โอกาสเลี่ยงตอบคำถามในครานี้...
“สงสัยลูกชายจะโทรมาส่งเงินมาให้พี่แล้วล่ะ พี่ขอตัวไปรับสายลูกชายก่อนนะคะ คุณน้อง...” ป้าน้อยขอตัวปลีกออก เพราะเห็นว่าน้าเอี่ยมท่าจะจิกกัดไม่เปล่อยเหมือนกัน... เธอคิดว่าเผ่นดีกว่า ไม่อยากไปฟังเรื่องบาดใจมากกว่านี้...
“อ่อๆ โชคดีจังเลยนะคะ พี่น้อย ลูกชายส่งเงินมาให้บ่อยจังเลยนะคะ” น้าเอี่ยมแซวเย้ยกลับไป ถ้าไม่ใช่เพราะลูกชายของป้าน้อยส่งเงินมา ก็น่าจะเป็นเจ้าหนี้โทรมาตามทวงดอกเบี้ย และเก็บเงินต้น เพราะป้าน้อยดันติดพนันแล้วต้องผ่อนส่งคืนหนี้...
******
“แม่ครับ ผมโอนเงินเข้าบัญชีให้แล้วนะครับ เดือนนี้แม่ใช้น้อยๆ หน่อยนะครับ ผมอดข้าวตอนนี้เหลือวันละมื้อแล้ว ถ้าหิวก็ต้องกินข้าวที่บริษัทนะครับ” เมฆาพักตร์ หรือเมฆ ลูกชายของป้าน้อย ไปทำงานในเมืองหลวง
เขาแทบจะไม่ได้กลับมาบ้าน เพราะไปอาศัยอยู่บ้านแฟน อยู่ใกล้ที่ทำงาน ทำให้ประหยัดค่าเดินทาง แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสกลับมาอยู่กับป้าน้อย เพื่อให้มีเงินส่งมาให้ตลอดเวลา เมฆจึงเลือกที่จะไปอยู่บ้านแฟน และส่งเงินมาให้ป้าน้อยแทน
“ขอบใจมากนะลูก” ป้าน้อยตอบเสียงดัง เพื่อให้น้าเอี่ยมได้ยินว่า สายนี้ลูกชายข้าโทรมาโว้ย ไม่ใช่เจ้าหนี้
“น้องล่ะครับ? จะเริ่มทำงานพิเศษเมื่อไหร่ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระผมส่งเงินให้แม่บ้าง” เมฆถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนใจ เพราะน้องสาวเอาแต่เล่นสนุกไปวันๆ หลังจากเรียนจบไม่ยอมหางานการทำเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
“น้องแกก็ออกไปหางานอยู่นั้นแหละ...” ป้าน้อยยังไม่ทันแก้ตัวแทน เมฆเลยบ่นกลับแทรกมาว่า
“บอกโมนะครับ ว่าอย่าเลือกงานมาก เพราะมันไม่ได้หางานง่ายนัก เป็นเด็กเสิร์ฟ หรือไม่ก็เป็นพนักงานทำความสะอาด ก็ยังมีเงินเดือนนะครับ ไม่ก็เด็กส่งเอกสารภายในบริษัท ก็ได้เงินเดือนเหมือนกัน”
เมฆแนะนำเพราะว่า เขาทำงานเหนื่อยเหลือเกิน กับการเป็นคนขับแท็กซี่ มีค่าใช้จ่ายสูง อีกทั้งขับรถผ่อนค่างวดรถแล้ว ยังต้องให้ค่าวินหัวคิวแท็กซี่ต้นสายอีก จะต้องส่งรถให้ทันเวลาถึงจะเข้าบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากต้นสาย
“แม่จะบอกให้นะเมฆ ขอบใจมากๆ นะลูก” ป้าน้อยตัดสายไปไม่ทันไร อีกสายก็โทรมา แทบจะทำให้ป้าน้อยไม่อยากรับเลย เธอจึงแกล้งว่าปวดท้องไปเข้าห้องน้ำ ไม่ยอมรับสาย เพราะว่าหมายเลขที่โทรเข้ามา คือเจ้าหนี้มาเก็บดอกเบี้ยนั้นแหละ
หลังจากนั้น สายได้ตัดไปกลายเป็นฝากข้อความ... เสียงนั้นได้บอกไปว่า... “ถ้าไม่ส่งดอกเบี้ยอีก จะมีหมายกับตำรวจไปที่บ้าน พร้อมกับเอกสารประกอบคดีฟ้องเพื่อยึดทรัพย์ตามจำนวนดอกเบี้ยและทบต้น.. ฯลฯ”
******
