3
“คุณรวยก็เรื่องของคุณสิ ไม่เกี่ยวกับฉัน” ไม่ได้พูดให้ดูดีแต่ไม่เห็นทางว่าจะร่วมใช้เงินของเขาได้อย่างไรนอกจากขายศักดิ์ศรีซึ่งหล่อนไม่ยอมเด็ดขาด
“ถ้าผมอยากให้เกี่ยวล่ะ” พูดเหมือนเสี่ยใจดี
“ไม่ค่ะ...ฉันจะกลับบ้าน” อันนาบอกปัดเสียงแข็งหล่อนไม่ใช่เด็กสามขวบที่จะแปลความนัยของเขาไม่ถูก
“โอเค งั้นรอผมสักครู่” ออสตินตอบรับอย่างง่ายดาย ก่อนจะลุกขึ้นและเดินหายไปอีกห้องหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นห้องแต่งตัวและกลับออกมาอีกทีด้วยชุดเตรียมพร้อมออกไปข้างนอกหอมฟุ้งออกมาเชียว....
อันนามองผู้ชายตรงหน้าดีขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยเขาก็ไม่ดึงดันเอาตัวหล่อนไว้สนองตัณหาหน้ามืด... เพราะลำพังหล่อนเองไม่มีปัญญาหนีรอดไปได้แน่เรียกว่าหมดทางสู้ทุก ๆ ประตูเลยทีเดียวอย่างมากก็กัดลิ้นตายแต่ใครจะทำให้โง่.......หรืออาจจะเป็นเพราะเขาคนนี้เลยวัยคึกคะนองแล้วก็ได้ อายุน่าจะราว ๆ สามสิบห้ามากน้อยกว่านี้ก็คงไม่เท่าไหร่และที่สำคัญเขาจัดว่าเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ไม่น้อยด้วยรูปร่างสูงสง่าดูภูมิฐานอีกทั้งหน้าตาที่หล่อจัดแบบหนุ่มลูกครึ่งนี่มันเทพบุตรชัด ๆ
“เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ” ออสตินยิ้มล้อเลียนคนที่ยืนนิ่งมองเขาตาค้างซึ่งเขาเองไม่แปลกใจเพราะมีผู้หญิงหลายคนที่มีอาการแบบนี้
“มะ...ไม่ค่ะฉันจะกลับบ้าน” หล่อนยืนยันแข็งขันแม้จะประหม่าที่โดนจับได้ว่าแอบมองรูปร่างหน้าตาของเขาอยู่จึงต้องใช้ความหน้าทนเข้าสู้
23.00 น.
รถยนต์หรูสีดำมันปลาบแล่นเข้าสู่ซอยเปลี่ยว จนกระทั่งสุดซอยจึงจอดนิ่งสนิทหน้ารั้วเหล็กของบ้านเก่าสองชั้นไฟที่เปิดอยู่ทำให้อันนาแลเห็นบิดายืนอยู่หน้ารั้วบ้าน ซึ่งปกติพ่อไม่เคยเป็นห่วงหรือมายืนรอแบบนี้ทำให้หล่อนอดแปลกใจไม่ได้จึงรีบกล่าวขอบคุณเจ้าของรถที่นั่งมาตอนหลังด้วยกันก่อนจะเปิดประตูลงไปอย่างร้อนใจ
“แกยังมีหน้ากลับมาบ้านนี้อีกหรือยัยอัน.....ทำอะไรไม่เคยคิดถึงคนในครอบครัวว่าจะอับอายชาวบ้านเขาแค่ไหน” นายบรรพตก่นด่าลูกสาวคนโตที่เกิดจากเมียเก่าทันทีที่เห็นหล่อนก้าวลงจากรถยนต์คันหรูรวมกับชุดที่ใส่ทำให้แน่ใจว่าสิ่งที่ลำเพาเมียของเขาพูดให้ฟังเมื่อเย็นนั้นไม่ได้เกินจริง
“เดี๋ยวพ่อ...นี่มันเรื่องอะไรกัน” หญิงสาวงง จับต้นชนปลายไม่ถูก
“ถ้าแกอยากขายตัวก็ไสหัวออกไปจากบ้านฉัน”
“พ่อ !.....เอาอะไรมาพูด หนูไม่ได้ทำมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ๆ นะคะ” อันนาพยายามบอกกับคนเป็นพ่ออย่างร้อนรน เพราะนี่มันคือข้อหาหนักเชียวนะ สำหรับพ่อศักดิ์ศรีคือสิ่งสำคัญ
“แกมันเลว......เชื้อแม่มันแรงจริง ๆ” นายบรรพตตะคอกใส่ลูกสาวดวงตาแดงก่ำส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากแอลกอฮอล์ที่เขาดื่มดับความพลุ่งพล่านระหว่างรอแม่ลูกสาวตัวดีตั้งแต่หัวค่ำ...เขาโกรธจัดที่อุตส่าห์กัดฟันส่งเสียลูกสาวคนโตจนจบมหาวิทยาลัยแทนที่จะหางานทำดี ๆ แต่ลูกกลับขายศักดิ์ศรีหวังรวยทางลัด
“อย่ามาก้าวร้าวแม่หนู บางทีหนูอาจจะได้เชื้อเลว ๆ มาจากพ่อก็ได้.....” ด้วยความโมโหที่ผู้เป็นพ่อกล่าวล่วงเกินมารดาผู้ล่วงลับหล่อนจึงสวนกลับอย่างลืมตัว
...เพี๊ยะ !!......
เสียงฝ่ามือที่ฟาดกระทบใบหน้าอย่างแรงจากบิดาผู้ให้กำเนิดและตามมาด้วยเสียงลากประตูเหล็กปิดดังปัง......หญิงสาวหน้าชามองตามแผ่นหลังของบิดาที่เดินเข้าบ้านอย่างไม่สนใจใยดีท่านตัดสินไปแล้วว่าลูกคนนี้ผิดเป็นลูกไม่รักดี......เท่ากับประกาศตัดขาดแม้ไม่ได้พูดออกมา.....ร่างบางค่อย ๆ ทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง...หล่อนปล่อยโฮอยู่ตรงนั้นเหมือนฟางเส้นสุดท้าย...หนักจนเกินรับไหวเมื่อทุกอย่างพร้อมใจกันประเดประดังเข้ามาหัวใจเจ็บจนชา......
“อันนา ไปกับผม” ชายหนุ่มผู้เป็นต้นเหตุเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล เขาสั่งลูกน้องให้จอดรถเลยจากบ้านของหล่อนไปนิดเดียวและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่ก็พอจะเดาออกว่าพ่อลูกทะเลาะกันรุนแรงและเขาก็ไม่อาจจะทิ้งหล่อนเอาไว้ตรงนั้นได้ ถึงแม้จะเป็นหน้าบ้านของหล่อนเองก็ตาม
เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นดูผ่านม่านน้ำตา เป็นเขานั่นเองก็หล่อนเห็นเขาเคลื่อนรถออกไปแล้วนี่ทำไมถึงยังอยู่ตรงนี้ได้
“เชื่อผม...”
ออสตินยื่นมือออกไปให้หล่อนซึ่งไม่รู้ว่าเพราะอะไรในยามนี้อันนากลับเชื่อใจวางมือลงบนมือหนาปล่อยให้เขาจับจูงหล่อนกลับขึ้นมานั่งบนรถด้วยกันทั้งที่น้ำตายังไหลรินออกมาไม่ขาดสายหล่อนเหลียวมองบ้านที่อยู่มาตั้งแต่ลืมตาดูโลก บ้านที่เคยอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป....สุดท้ายหล่อนก็โดนผลักไสออกมาอย่างไร้เยื่อใยด้วยความผิดที่หล่อนไม่ได้ก่อ.......
