ตอนที่ 8 เงื่อนไข
ตอนที่ 8 เงื่อนไข
“ฉันมีเงื่อนไข เราต้องมาตกลงกัน”
“โอ๊ย...อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย พาน้องมันไปกินข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปอีก ดีนะที่คุณหมอบอกให้กลับบ้านได้ ไอ้ฉันก็คิดว่าจะต้องนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลซะแล้ว”
“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ” พูดจบเขาก็เดินนำออกไป ไม่คิดจะสนใจคนที่กำลังป่วยอยู่เลยสักนิด
“ดูมัน! มาๆพี่ช่วยพยุง หล่อนเดินไหวมั้ยเนี่ย” กีกี้มองตามหลังเพื่อนไปด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ก่อนที่จะหันมาสนใจหญิงสาวตัวเล็กข้างๆ
“ไหวค่ะ ขอบคุณพี่กีกี้มากค่ะ” จากนั้นทั้งสามคนก็พากันขึ้นรถอีกครั้ง
“ไปร้านอาหารใกล้ๆแถวนี้แล้วกัน จะได้เริ่มคุยเรื่องเด็กในท้องสักที” สักครู่ต้นน้ำก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดในร้านอาหารทางผ่านใกล้ๆ เวลานี้ก็บ่ายสามกว่าแล้ว ช่วงบ่ายนี้ทั้งต้นน้ำและกีกี้คงไม่ได้เข้าบริษัทอีก
“อยากกินอะไรก็สั่งเลย ทีหน้าทีหลังห้ามอดข้าวนานแบบนี้อีก ไม่เป็นห่วงตัวเองก็หัดเป็นห่วงลูกในท้องบ้าง” ปกติตามนิสัยของต้นน้ำแล้ว เขาเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี
“...........” ปิ่นมุกนั่งเงียบ เธอไม่ได้อยากอดข้าว แต่เธอแค่รีบไปโน่นมานี่ เลยยังไม่ได้มีเวลานั่งกินข้าวก็เท่านั้นเอง
“มาๆฉันสั่งให้เอง เดี๋ยวก็หมดวันพอดี นี่ก็บ่นเป็นคนแก่ไปได้” ถ้าใครไม่รู้จักนิสัยจริงๆของต้นน้ำ เวลาเขาพูดเขาดุก็จะกลัวไปเลย แต่กับกีกี้ไม่
“น้องคะ พี่เอา ต้นยำกุ้งน้ำข้น ปลาทับทิมทอดกรอบราดพริก ผัดผัดรวมมิตร และก็...” ทุกเมนูที่กีกี้เลือกให้ เขาเห็นว่ามีประโยชน์กับคนท้อง
“เอ่อ...พี่กีกี้คะ อย่างเดียวก็พอค่ะ” เธอเกรงใจและรู้สึกว่าตัวเองคงกินไม่หมด
“พี่จะกินด้วย นี่ก็บ่ายสามกว่าแล้ว เป็นข้าวเย็นไปก็แล้วกัน อีบอส...จะกินด้วยกันมั้ย”
“อือ”
“งั้นเอาไข่ตุ๋นเพิ่มอีกที่ ข้าวเปล่าสามจานค่ะ ใครจะเอาอะไรเพิ่มอีกมั้ย” ทุกคนส่ายหน้าไม่เอา พนักงานของร้านเมื่อรับออเดอร์เสร็จจึงเดินออกไป
“นังชะนีน้อย” ต้นน้ำชอบเรียกปิ่นมุกแบบนี้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะตัวเธอเล็ก ส่วนอายุก็น้อยกว่าเขาหลายปี
“กินก่อนเถอะ...ยังไม่ต้องรีบพูดหรอกน่า”
“กีกี้ มึงเพื่อนใคร”
"กูก็แค่สงสารน้องมัน ดูหน้ามึงสิ ไม่รู้จะตึงไปไหน” สวยนะแต่ดุ!
“พูดมาเลยค่ะ หนูไม่ได้ต้องการอะไรจริงๆ ขอแค่มีงานให้หนูทำก็พอ”
“หล่อนไม่ต้องการแต่ฉันต้องการ”
“บอสต้องการอะไรคะ”
“ฉันต้องการเด็กในท้องของเธอ แต่ฉันไม่อยากได้เธอ ฉันจะเป็นแม่ให้กับลูกของฉันเอง เงื่อนไขก็คือ...สามล้าน! และตั้งแต่วันนี้จนถึงวันคลอด เธอจะต้องย้ายไปอยู่กับฉันที่คอนโด ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเธอกับลูกฉันจัดการเอง คลอดเสร็จเธอรับสามล้าน แล้วต่างคนต่างไป”
“อีบอส...จะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอวะ”
“............” ปิ่นมุกนั่งเงียบ เธอไม่ได้สนใจเงินที่เขาเสนอให้เลยสักนิด สิ่งที่เธอสนใจคือลูกของเธอต่างหาก
“เธอไม่มีปัญญาเลี้ยงเด็กคนนี้ได้ดีเท่าฉันหรอก เลือกเอาแล้วกันว่าจะยอมรับเงื่อนไขนี้มั้ย ส่วนเรื่องงาน คนที่ออกไปแล้วฉันไม่เคยรับกลับเข้ามาทำงานอีก” เรื่องงานเขาแค่ต้องการบีบเธอทางอ้อมก็เท่านั้น สาเหตุที่เขาไม่รับคนเก่า เพราะคนพวกนั้นคิดไปจากบริษัทของเขาเอง แต่กลับปิ่นมุกไม่ใช่
“ค่ะหนูยอม ฮึก!” เธอก้มหน้าพูด พร้อมกับน้ำตาที่ไหลหยดลงบนหลังมือของตัวเอง
“บอกแล้วว่าให้กินก่อนแล้วค่อยคุย” กีกี้หยิบทิชชู่ส่งให้ปิ่นมุกเอาไปซับน้ำตา น้ำตาของเธอหยดนี้ คงไม่มีใครเข้าใจว่าเธอรู้สึกปวดใจมากขนาดไหน
“กีกี้!” ต้นน้ำรู้สึกว่าเพื่อนจะเข้าข้างอีกฝ่ายจนออกนอกหน้านอกตา
“มึงก็พูดเยอะไปนะ น้องร้องไห้อีกแล้วเห็นมั้ยเนี่ย”
“สำออย!”
“กูเคยได้ยินมาว่าคุณแม่ตั้งท้องอารมณ์ชอบแปรปรวน ปากมึงก็เบาๆลงหน่อยเถอะ”
“.........” ต้นน้ำเงียบไป เมื่อเขาเกิดนึกถึงคำพูดของคุณหมอขึ้นมาได้
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ”
“กินเยอะๆนะเกล จะได้มีแรงสวนมันกลับไปบ้าง”
“หนูไม่กล้าหรอกค่ะ” เธออ้อมแอ้มตอบ นอกจากจะไม่กล้าแล้ว เธอยังกลัวที่จะต้องไปอยู่กับเขาอีกด้วย ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ครั้นจะปฏิเสธก็เกรงว่าจะไม่มีที่ให้พึ่งพิงอีก ส่วนลูกในท้องของเธอ ถ้าหากเขาได้ลืมตาดูโลก อย่างน้อยๆก็ยังมีบอสต้นน้ำคอยดูแล ถึงแม้ว่าวันนั้นจะไม่มีเธอยืนอยู่เคียงข้างลูกแล้วก็ตาม แค่คิดถึงตรงนี้ น้ำตาของเธอก็ซึมออกมาอีก
“จะร้องอะไรนักหนา เดี๋ยวลูกของฉันก็ร้องตามหล่อนไปด้วย” จบคำพูดของต้นน้ำ กีกี้มองหน้าเพื่อน แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แต่ครั้งนี้กีกี้เลือกที่จะไม่พูด หลังจากนี้คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของคนสองคนตกลงและตัดสินใจกันเอาเอง
ปิ่นมุกตักข้าวเข้าปากไปได้แค่ไม่กี่คำเธอก็วางช้อนลง
“อิ่มแล้วเหรอ”
“ค่ะ” เธอรู้สึกเหม็นคาวปลา ครั้นจะพูดว่าเหม็นคาวก็เกรงว่าร้านอาหารเขาจะเสียชื่อ
“กินต่ออีกหน่อยเถอะ” กีกี้คะยั้นคะยอ
“หนูอิ่มแล้วจริงๆค่ะ”
“เกล...หล่อนต้องกินเข้าไปอีกนะ กินแค่นี้ลูกของฉันจะเอาสารอาหารที่ไหนไปบำรุง” ต้นน้ำพูดจบเขาก็ตักเนื้อปลาชิ้นใหญ่ใส่จานให้เธอ แต่ทันใดนั้นเองอาการพะอืดพะอมอยากจะอาเจียนก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้งทันที
“อุ๊บ! อุ๊บ!” เธอรีบยกมือขึ้นปิดปากแล้วลุกขึ้นมองหาห้องน้ำ เมื่อเห็นป้ายห้องน้ำแล้ว เธอจึงรีบเดินเร็วๆออกไป กีกี้นั่งเฝ้าโต๊ะ ส่วนต้นน้ำเดินตามไปดู เขาไม่ได้เป็นห่วงเธอ แต่เขาแค่เป็นห่วงลูกของเขาที่อยู่ในท้องของเธอก็เท่านั้น
“อาเจียนแบบนี้ หล่อนแพ้ท้องเหรอ”
“ค่ะ” ต้นน้ำยื่นขวดน้ำที่ถือติดมือมาส่งให้ปิ่นมุกเอาไปบ้วนปาก
“เมื่อเช้าคุณหมอให้ยาแก้อาเจียนมาหรือเปล่า”
“ให้ค่ะ”
“แล้วเธอไม่รู้เหรอว่ายาแก้อาเจียนมันต้องกินก่อนอาหาร”
“หนูลืมค่ะ”
“แล้วอาเจียนออกมาหมดแบบนี้ ลูกฉันคงไม่ได้รับสารอาหารพอดี ไปนั่งกินใหม่เดี๋ยวนี้เลยนะ” ประโยคคำสั่งนี้ของเขา ทำให้เธอรู้สึกจุกที่อก เขาน่าจะถามเธอสักคำว่าเธอกินอาหารพวกนั้นได้มั้ย
“หนูเหม็นคาวปลาค่ะ” ในเมื่อเขาไม่ถามเธอจึงจำเป็นต้องบอก แต่ก็กลัวว่าเขาจะด่ากลับมาเหลือเกิน
“อ้าว...แล้วทำไมไม่บอก กินไม่ได้ก็ไม่บอก ปากอมอะไรเอาไว้” เธอโดนเขาดุอีกแล้ว
“.........”
“เดี๋ยวเธอไปเลือกเมนูที่ชอบ ให้ทางร้านทำใส่กล่องให้ จะกี่อย่างก็ได้ สั่งไปเผื่อเลือกด้วยก็ดี เดี๋ยวเอาไปกินที่คอนโด ออกจากที่นี่จะพาไปเก็บข้าวเก็บของที่ห้อง”
“ค่ะ”
“ดีขึ้นหรือยัง”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
“ถ้าดีขึ้นแล้วก็กลับกันเถอะ”
