ตอนที่ 7 บอสคะ หนูท้อง
ตอนที่ 7 บอสคะ หนูท้อง
“บอสคะ หนูท้อง”
“ห๊ะ!! หล่อนว่าอะไรนะ” ต้นน้ำถามกลับไปทันทีด้วยสีหน้าตกใจ สิ่งที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้เบื้องต้นกับสิ่งที่เธอพูดออกมาจากปาก มันกลับตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยด้วยซ้ำ
“หนูท้องค่ะ วันนั้นหนูลืมหายากิน หนู...หนูขอโทษ ฮื่อๆๆๆ” เธอปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง เมื่อในใจมันรู้สึกอึดอัดไปหมด เธอก็แค่อยากจะระบายความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้ออกมาเป็นน้ำตา เผื่อว่าความอึดอัดที่มีจะเบาบางลงไปได้บ้าง
“นี่หล่อน หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้นะ ไม่ต้องมาบีบน้ำตาให้ฉันเห็น ฉันไม่สงสารหล่อนหรอก” ปิ่นมุกยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน สิ่งที่เธอต้องการในวันนี้ ไม่ได้ต้องการให้เขารับผิดชอบ แต่สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดตอนนี้ก็คืองาน ถ้าเธอมีงานทำ เธอก็จะมีเงินเลี้ยงลูกและไม่ต้องกลับบ้าน
“อีบอส มึงคุยกับน้องมันดีๆสิวะ” เป็นเสียงของกีกี้เอ่ยพูดเตือนสติเพื่อน เมื่อเห็นว่าอีกคนร้องไห้น่าสงสาร
“กีกี้มึงเงียบปากไปเลย จะให้กูเชื่อได้ยังไงว่านังชะนีน้อยนี่ท้องกับกูจริงๆ”
“นั่นสิ มีอะไรมายืนยันมั้ย ว่าเด็กในท้องของเธอเป็นลูกของเพื่อนพี่จริงๆ”
“หนูมีใบรับรองแพทย์...ฮึก! จากโรงพยาบาลค่ะ จากวันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้น ถึงวันนี้หนึ่งเดือนพอดี ในใบแพทย์คุณหมอลงอายุครรภ์ไว้ชัดเจน ถ้าไม่เชื่อเอาใบรับรองแพทย์ไปดูได้นะคะ หนูเพิ่งจะไปตรวจมาเมื่อเช้าค่ะ”
“ไหนขอพี่ดูหน่อย” กีกี้ยื่นมือไปหยิบใบรับรองแพทย์จากมือของปิ่นมุกมาอ่าน ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่เธอพูดจริงๆ
“จริงด้วยว่ะ อีบอสเด็กในท้องลูกมึง มึงจะเอายังไงต่อ” กีกี้เงยหน้าขึ้นจากกระดาษถามเพื่อน
“...........” สีหน้าของต้นน้ำยังดูนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ในใจของเขากลับรู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อได้รู้ว่าตัวเองกำลังจะได้มีลูกกับเขา
“ตอนนี้หนูตกงาน ตั้งแต่ที่บอสไล่หนูออก ก็ยังไม่มีบริษัทไหนรับหนูเข้าทำงานเลย เงินที่บอสให้มาก็ค่อยๆหมดไป บอสจะไม่รับเด็กในท้องของหนูเป็นลูกก็ไม่เป็นไร แต่หนูขอเข้าไปทำงานเพื่อให้หนูมีรายได้เอาไว้เลี้ยงเขาได้มั้ยคะ หนูไม่มีที่ให้ไปแล้วจริงๆ” เธอพูดไปเช็ดน้ำตาไป ครั้นจะกลับบ้านก็กลัวว่าพ่อกับแม่จะเสียใจที่ลูกสาวของพวกท่านคนนี้ท้องไม่มีพ่อ
“ต้นน้ำ...เอาไงมึง ลูกทั้งคนเลยนะ ผู้หญิงอย่างเราไม่ง่ายเลย ที่จะได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นของตัวเอง” กีกี้แอบดีใจแทนเพื่อน แต่กลับไม่รู้เลยว่าภายใต้ใบหน้านิ่งๆของเพื่อนมันกำลังคิดอะไรอยู่
“ขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน หล่อนทิ้งเบอร์ไว้ แล้วกลับไปก่อน” เขาขอเวลาถามใจตัวเองดูก่อน พูดจบเขาก็หันหลังให้ ในใจสับสน อยากได้แค่ลูกแต่ไม่อยากได้แม่ เขาเป็นผู้หญิงต้องการเป็นแม่ คงเป็นพ่อให้ใครไม่ได้
“อีบอส...”
“พี่กีกี้คะ ช่างเขาเถอะค่ะ นี่เบอร์โทรของหนูค่ะ”
“อือ...ยังไงเดี๋ยวพี่ช่วยพูดให้อีกแรง หล่อนกลับไปก่อนเถอะ”
“ค่ะ” ปิ่นมุกหมุนตัวหันหลังกำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลพรากออกมาอีกครั้ง แต่อยู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองหน้ามืด
“ว๊าย!!! อีบอสๆ เร็ว! น้องเกลเป็นลม” คนที่กำลังยืนหันหลังให้รีบหันหน้ามามอง เห็นผู้หญิงตัวเล็กที่เขาชอบเรียกเธอว่าชะนีน้อย เป็นลมหมดสติลงไปต่อหน้าต่อตา แต่ดีที่กีกี้รับไว้ได้ทันถ้าไม่อย่างนั้นเด็กในท้องอาจจะเป็นอันตรายก็ได้
ต้นน้ำและกีกี้จัดการพาปิ่นมุกไปโรงพยาบาล เธอถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันทีเมื่อไปถึง ส่วนโรงพยาบาล ต้นน้ำเลือกพาเข้าโรงพยาบาลตามใบรับรองแพทย์ที่ปิ่นมุกให้ไว้ เนื่องจากอยู่ใกล้และเพื่อจะได้ง่ายต่อการตรวจเช็คร่างกาย
“เชิญญาติของนางสาวปิ่นมุกพบแพทย์ที่ห้องสองค่ะ” คุณพยาบาลประกาศใส่ไมค์เรียกญาติเสียงดัง
“ไปสิย่ะ ไม่ได้ยินหรือไงคุณหมอเรียกแล้ว” กีกี้สะกิดเพื่อน
“ฉันเหรอ”
“หล่อนเป็นพ่อของลูกในท้อง ไม่ใช่หล่อนแล้วจะเป็นใคร”
“เชิญญาติของนางสาวปิ่นมุกพบแพทย์ที่ห้องสองด้วยค่ะ” คุณพยาบาลเรียกเป็นครั้งที่สอง เมื่อยังไม่เห็นญาติของคนไข้เดินเข้ามา
“ไปสิ!” จนกีกี้ต้องช่วยดันหลังเพื่อน เพื่อให้ต้นน้ำยอมเดินไปพบคุณหมอ ซึ่งต้นน้ำก็ยอมทำหน้าที่สามีเข้าไปคุยกับคุณหมอให้ เขาเดินเข้าไปพบคุณหมอด้วยสภาพหญิงสาวสุดสวยผมยาว วันนี้เขาสวมชุดทำงานสีฟ้าอ่อนกับรองเท้าส้นสูงเข้ากับชุดและยังสะพายกระเป๋าหนังอย่างดีราคาแพงเดินเข้าไปพบคุณหมอในห้องตรวจ
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นเอ่อ...ญาติของปิ่นมุกค่ะ” เขาไม่กล้าแนะนำตัวเองว่าเป็นอย่างอื่น ซึ่งคุณหมอคนนี้ เป็นคนเดียวกันกับคุณหมอคนเมื่อเช้าที่ปิ่นมุกมาตรวจการตั้งครรภ์
“สามีของเธอล่ะครับ หมออยากคุยกับเขาเรื่องเด็กในท้องหน่อยครับ” คุณหมอยื่นความจำนงขอคุยกับพ่อเด็กเท่านั้น
“ฉันนี่แหละ”
“อะไรนะครับ” คุณหมอมองหน้าต้นน้ำนิ่งๆ มองเผินๆเขาดูสวยมาก สวยกว่าผู้หญิงบางคนด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือผิวพรรณ จนคุณหมอต้องเสียมารยาทใช้สายตาพินิจพิจารณา
“ฉันนี่แหละเป็นพ่อของเด็กในท้อง คุณหมอมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” แต่เสียงกับลูกกระเดือกตรงคอมันฟ้อง
“อ๋อเปล่าครับ โลกมันหมุนเร็วเกินไปหมอตามไม่ทัน” คุณหมอยิ้มเจื่อนแก้เขินนิดหน่อย
“มีอะไรก็พูดมาเลยค่ะ”
“หมอขอพูดในฐานะหมอก็แล้วกันนะครับ คือตอนนี้คนไข้มีอาการอ่อนเพลียมาก เธอมีอาการแพ้ท้องร่วมด้วย เมื่อเช้าหมอเป็นคนตรวจการตั้งครรภ์ให้เธอเอง ในท้องของเธอเหมือนว่าจะไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย อาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ที่ทำให้เธอเป็นลม ซึ่งหมออยากให้คุณพ่อช่วยดูแลคุณแม่ในแบบใกล้ชิดนิดนึง เด็กที่อยู่ในท้องช่วงนี้อาจจะหลุดง่าย...”
“ว่าอะไรนะคะ หลุดง่าย คุณหมอหมายความว่าเขาอาจจะ...”
“ครับ ช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณแม่ตั้งท้องอ่อนๆ อะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้ สิ่งที่อยากให้คุณพ่อช่วยดูแล ก็คือเรื่องอาหารการกิน และเวลาพักผ่อนที่เหมาะสมของคุณแม่ด้วยครับ”
“แค่นี้ใช่มั้ยคะ”
“ยังครับ คุณพ่อจะต้องพาคุณแม่ไปฝากท้อง และพบคุณหมออย่างต่อเนื่องเป็นประจำ หรือจะฝากกับทางโรงพยาบาลของเราที่นี่ก็ได้นะครับ”
“ไม่ค่ะ ที่นี่คนแออัดเกินไป ฉันจะพาเธอไปฝากท้องกับโรงพยาบาลเอกชน”
“ที่ไหนก็ได้ครับ อ่อ แล้วก็คำพูดของคุณพ่อ อย่าพูดจาทำร้ายจิตใจคุณแม่มากนักนะครับ ผู้หญิงตั้งท้องอารมณ์อ่อนไหวง่าย มีผลต่อเด็กในท้องโดยตรง”
“ข้อจำกัดเยอะจังเลยนะคะ”
“มีแค่นี้ครับ ไม่ทราบว่าคุณพ่อมีอะไรจะปรึกษาหรือถามหมอมั้ยครับ”
“ไม่มีค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เกลียดคำว่าคุณพ่อของหมอจริงจริ๊ง!
“ถ้าอย่างนั้น หมอจะจัดยาบำรุงเพิ่มให้ไปทานที่บ้าน เชิญรับยาที่ด้านนอกแล้วกลับบ้านได้ครับ” ต้นน้ำขอบคุณคุณหมอตามมารยาทแล้วเดินกลับออกมาจากห้องตรวจ เห็นกีกี้กำลังยืนอยู่ที่เตียงคนไข้โดยมีปิ่นมุกกำลังนั่งอยู่
“หมอว่ายังไงบ้าง”
“ไม่ได้ว่าอะไร ฉันจะไปรับยากับจ่ายเงินรอกันอยู่ที่นี่แหละเดี๋ยวมา”
“พี่กีกี้ขา...หนูลืมจริงๆ หนูไม่ได้ตั้งใจปล่อยให้ตัวเองท้องนะคะ”
“เอาเถอะๆ ไหนๆเขาก็มาเกิดแล้ว พี่เชื่อว่าทุกอย่างมีทางออกเสมอ รอฟังความคิดเห็นของเพื่อนพี่ก่อน พี่เองก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่ามันจะตัดสินใจยังไง ว่าแต่ถ้ามันไม่เอา เกลจะทำยังไงต่อไป”
“หนูคงกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ค่ะ”
“เอาเถอะรอฟังมันก่อนแล้วกัน อยากเพิ่งคิดอะไรเยอะแยะตอนนี้เลย เดี๋ยวลูกในท้องจะเครียดตามไปด้วย”
ทางด้านต้นน้ำ ที่กำลังไปรอรับยาและจ่ายเงิน ในใจของเขาคิดถึงคำพูดของคุณหมอ ถึงวิธีดูแลแม่และลูกที่อยู่ในท้อง ครั้งแรกที่ได้รู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูก หัวใจของเขาเต้นแรงราวกับคนกำลังดีอกดีใจ แต่พอมาคิดอีกทีว่าเขาไม่ใช่ผู้ชาย เขาไม่สามารถทำหน้าที่ที่ผู้ชายเขาทำกันได้ แต่เขากลับรู้สึกอยากเป็นแม่ใครสักคน ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาจะเอาแค่ลูกไม่เอาแม่ เมื่อรับยากับจ่ายเงินเสร็จเขาก็เดินกลับมา
“ฉันมีเงื่อนไข เราต้องมาตกลงกัน”
