บทที่ 1 สาวเย็นชาที่นั่งติดกัน
พูดจบ เขาก็หันปากกระบอกปืนยิงใส่เพดานเครื่องบินสามนัดติด
ปัง!
ปังปัง!
เสียงปืนแสบแก้วหู ทำให้ผู้โดยสารตกใจกรีดร้องดังระงม
หัวหน้าแก๊งไอ้โม่งพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แล้วพูดต่อ “หวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือ อย่าขัดขืน และอย่าคิดจะทำอะไรลับ ๆ ด้วย! ไม่งั้นเราไม่รับรองว่าจะไม่ฆ่าใครบางคนก่อนที่จะเจรจากับรัฐบาลหัวเซี่ย!”
“อย่า! อย่าฆ่าผมนะ!”
ชายสูทน้ำตาลที่หาว่าเย่เฉิงเฟิงซอมซ่อก่อนหน้านี้ รีบยกสองมือ พร้อมตะโกนเสียงสั่น “ผม...ผมเป็นเจ้าของธุรกิจ ผม...ผมให้เงินพวกนายได้เยอะเลย ขอร้อง...ปล่อยผมไปเถอะ!”
“มีเงินแล้ววิเศษนักเหรอ?”
พอหัวหน้าแก๊งไอ้โม่งได้ยิน ก็เดินตรงเข้าไปลากชายสูทน้ำตาลออกมา
ด้ามปืนฟาดหนึ่งครั้ง ชายสูทน้ำตาลพลันกรีดร้องล้มลงกับพื้น เลือดท่วมศีรษะ หวาดกลัวจนปัสสาวะราดทันที กลิ่นเหม็นฉุนปัสสาวะโชยไปทั่วห้องโดยสาร ทำให้เย่เฉิงเฟิงแทบจะหัวเราะพรวด
แต่การกระทำของหัวหน้าแก๊งไอ้โม่งทำให้เหล่าผู้โดยสารบนเครื่องตระหนักได้ด้วยความหวาดกลัวว่าคำพูดเมื่อสักครู่ไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย
เป็นที่รู้โดยทั่วกัน ลัทธิสัจธรรมคือองค์กรก่อการร้ายระดับสากลต้นกำเนิดมาจากประเทศยามาโตะ เชี่ยวชาญการใช้แก๊สพิษสร้างความหวาดกลัว
ไม่นานมานี้ ข่าวรัฐบาลหัวเซี่ยได้ออกประกาศว่าจับกุมสมาชิกระดับสูงของลัทธิสัจธรรมคนหนึ่งได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ไอ้ลัทธิสัจธรรมกลุ่มนี้คงวางแผนจะใช้ผู้โดยสารบนเครื่องมาเจรจากับรัฐบาลหัวเซี่ยจริงๆ
“ยังมีอีกเรื่อง อยากให้ทุกคนรับรู้ไว้”
หัวหน้าแก๊งไอ้โม่งเห็นเหล่าผู้โดยสารหวาดกลัวไม่เลิก ก็หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “เพื่อให้การเจรจาราบรื่น เที่ยวบินที่มุ่งหน้าไปประเทศหัวเซี่ยจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางการบิน ทุกคนไม่ต้องตื่นตกใจ พอการเจรจาสำเร็จ เราจะปล่อยตัวทุกคนเอง”
สิ้นเสียง เย่เฉิงเฟิงก็รู้สึกว่าเครื่องบินลาดเอียง เปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ เห็นได้ชัดว่าสมาชิกลัทธิสัจธรรมสี่คนในห้องนักบินบีบบังคับให้คนขับเปลี่ยนเส้นทาง
ชายอ้วนเตี้ยคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องนักบินหยุดชะงักเล็กน้อย เขารีบกวาดสายตามองแอร์โฮสเตสที่นั่งยองกันเป็นกลุ่ม จากนั้นก็เหลือบไปมองสาวสวยเย็นชาที่นั่งข้างกายเย่เฉิงเฟิง แทบจะกลืนน้ำลายเอื้อก ๆ โดยไม่รู้ตัว
จากนั้นก็พูดกับหัวหน้าแก๊งด้วยภาษายามาโตะ
เย่เฉิงเฟิงชำนาญภาษาต่างประเทศสิบกว่าภาษา ภาษายามาโตะย่อมไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
เขารู้ว่าชายอ้วนเตี้ยถูกใจสาวสวยเย็นชาข้างกายเขา ต้องการพาเธอไปขืนใจในห้องน้ำเดี๋ยวนี้
แต่หัวหน้าแก๊งแสดงออกว่าการเจรจายังไม่เริ่มต้น ไม่สามารถทำร้ายผู้โดยสารบนเครื่องตามอำเภอใจได้
แต่ชายอ้วนเตี้ยกลับพูดว่าเขาไม่ได้แตะผู้หญิงมาหลายเดือนแล้ว วันนี้จู่ ๆ ได้เจอสาวสวยเผ็ดแซ่บขนาดนี้ อดใจไม่ไหวแล้ว ถ้าเกิดปัญหาอะไรจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง
สุดท้ายหัวหน้าแก๊งเลยจำต้องพยักหน้า
“คนสวย ตามพี่มาสิ”
ชายอ้วนเตี้ยแลบลิ้นอย่างฮึกเหิม ปืนพกขนาดเล็กเล็งไปที่สาวสวยเย็นชาข้างกายเย่เฉิงเฟิง ส่งสัญญาณให้เธอลุกจากที่
“พวก...พวกนายบอกว่าจะไม่ทำร้ายผู้โดยสารไง”
สาวสวยผู้เย็นชาเหมือนจะเข้าใจภาษายามาโตะอยู่บ้าง ขณะนี้หน้าซีดเผือด ดวงตาน่าหลงใหลแต่เดิมที เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ไม่รู้ว่าต้องการหาที่พึ่งหรือเปล่า หรือเธอมองออกว่าเย่เฉิงเฟิงไม่ธรรมดา จึงเผลอคว้าแขนเย่เฉิงเฟิงไว้โดยไม่รู้ตัว ในดวงตาคู่สวยที่หวาดหวั่นเผยความปรารถนาเล็กน้อย
“พี่แค่อยากพาเธอไปลิ้มรสชาติสุดยอดถึงทรวงก็เท่านั้น จะเรียกว่าทำร้ายได้ยังไง? บางทีเธออาจจะติดใจก็ได้ ฮ่า ๆ”
ชายอ้วนเตี้ยแทบจะน้ำลายไหลอยู่แล้ว ทำให้สาวสวยเย็นชาผู้นั้นหวาดกลัวจนจับแขนเย่เฉิงเฟิงแน่นกว่าเดิม
เล็บเธอเหมือนจะจิกเข้าไปในเนื้อเย่เฉิงเฟิงด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวมาก
“ไสหัวไป!”
เย่เฉิงเฟิงยกเท้าถีบชายอ้วนเตี้ยที่พยายามมาดึงให้เธอลุกขึ้นจนกลิ้งเหมือนลูกแตงโม
“แก...วอนตายซะแล้ว!”
ชายอ้วนเตี้ยโมโหสุดขีด ยกปืนขึ้นหมายจะยิงเย่เฉิงเฟิงทิ้ง
พร้อมกันนั้น ชายสวมหน้ากากคนอื่นในห้องโดยสาร ก็พากันยกปืนเดินเข้ามา ปากกระบอกปืนดำสนิทล้อมรอบเย่เฉิงเฟิงเอาไว้ทันที
