EP15
"มึงหมายความว่ายังไง?"
"กูเห็นน้องมากับผู้ชายลงมาจากรถเมล์ด้วยกัน ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นคนที่มีเรื่องกับมึงตอนอยู่โรงอาหาร"
“ไอ้หน้าตี๋นั้นหน่ะหรอ”
“ใช่”
“…” เอ็มเจเงียบ เขามองออกว่าหยางจะจีบมุกดา เพราะการเข้าหาแบบนั้นมันไม่ใช่การเข้าหาแบบเพื่อน และช่อดอกไม้วันนั้นก็คงมาจากหยาง พอคิดได้ว่ามันต้องเป็นแบบนั้น ภายในใจก็แอบหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จนต้องระบายมันกับลูกสนุ๊ก
…
วันต่อมา…
วันนี้ฉันมาเรียนตามปกติเหมือนทุกวัน ทุกวิชาฉันเจอเข้ากับมิเกลเลยไปทักทายเธอบ่อยๆ ส่วนมิเกลเท่าที่สังเกตเธอชอบไปไหนมาไหนคนเดียว เห็นแบบนั้นฉันเลยเข้าไปตีสนิทจนเราเป็นเพื่อนกัน
“วันนี้เลิกเรียนเร็ว เราไปหาอะไรกินกันมั้ยเกล”
“ฉันต้องไปทำงานพาร์ทไทม์”
“เกลทำงานร้านอะไรหรอ”
“ร้านกาแฟ” เราคุยกันในขณะที่กำลังเดินลงมาจากบันไดของตึกเรียนเพราะวันนี้เรียนชั้นสองเลยไม่ใช้ลิฟต์
“ที่ทำงานเป็นรายชั่วโมงใช่มั้ย”
“ก็ใช่ สนใจหรอ”
“ไม่รู้ว่าจะทำไดัไหมหน่ะสิ เราไม่เคยทำงานเลย ตอนเรียนมอปลายก็เรียนอยู่คอนแวนต์”
“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก”
“งั้นเอาเป็นว่า ถ้ามีงานเหมือนที่เกลทำ เราจะลองทำดูนะ”
“อืม ฉันต้องกลับแล้ว”
“เดินทางกลับดีๆนะเกล” ฉันยืนโบกมือลาเกลแล้วเธอก็เดินไปไกลจนลับสายตา ส่งเกลเสร็จก็เดินกลับเข้าไปใต้ตึกเพื่อรอหยางเรียนเสร็จ เพื่อที่เราจะได้กลับไปที่บ้านของเขาพร้อมกัน รออีกไม่นานหยางก็คงจะเรียนเสร็จ
ฉันนั่งๆเขี่ยๆโทรศัพท์และทบทวนเนื้อหาที่เรียนวันนี้จนเวลาล่วงเลยเกือบหนึ่งชั่วโมง เสียงฝีเท้าวิ่งของใครบางคนก็มาหยุดข้างหลัง พอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นหยางที่พึ่งเรียนเสร็จ
“รอนานมั้ย”
“เกือบหนึ่งชั่วโมงได้”
“ไปกัน วันนี้ฉันเอามอไซจากที่บ้านมา เธอซ้อนได้ใช่มั้ย”
“ได้ สบายมาก” ฉันตอบเขาแล้วยิ้มให้ ก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“ฉันถือให้” แล้วหยางก็แย่งกระเป๋าไปจากฉัน เขาเดินนำไปที่ีรถ ซึ่งจอดอยู่ห่างจากคณะไปนิดหน่อย
“นี้รถของนายใช่ไหม”
“ใช่ ที่บ้านฉันไม่ได้รวยอ่ะ เธอไม่ติดอะไรใช่ไหม”
“บอกไปแล้วว่าเราสบายมาก” ฉันตอบพร้อมกับยิ้มให้เขา ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งบนรถแบบหันข้างเพราะกระโปรงค่อนข้างสั้น
“อดทนหน่อยนะ นั่งแป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว” พูดจบเขาก็หยิบหมวกกันน็อกขึ้นมาสวมแล้วใส่ให้จนเสร็จเรียบร้อย
“นายตั้งใจขับให้ดีเถอะ”
“รับทราบครับ” หยางสวมของตนเองเสร็จเขาก็ขึ้นรถแล้วขับออกมาจากคณะ ซึ่งมันแทบจะสิบเปอร์เซ็นต์ได้มั้งของนักศึกษาที่นี้ที่เขาขับมอไซกัน
เราใช้เวลาเดินทางมาถึงบ้านของหยางเกือบยี่สิบนาทีได้ มันไม่ได้ไกลมากแต่ช้าเพราะรถติดมากกว่า ไม่อยากจะคิดเลยว่ารถยนต์จะติดขนาดไหน
“นี้บ้านของฉัน เธอนั่งตรงนี้ก่อน ฉันจะเอานํ้าดื่มกับของว่างมาให้”
“อื้อ” ฉันพยักหน้าตอบแล้วกวาดสายตามองบ้านของเขา เป็นบ้านปูนชั้นเดียวแต่กว้างพอสมควร และโซนที่ฉันยืนอยู่เป็นห้องสำหรับนั่งเล่น
“รอพี่ชายฉันอีกหน่อยนะ เขากำลังมาถึง เมื่อวานฉันบอกข้อมูลคร่าวๆให้พี่แล้ว รวมถึงภาพถ่ายของคุณพ่อและคุณแม่เธอด้วย วันนี้น่าจะได้เรื่องมานิดหน่อย” หยางบอกในขณะที่เขาเดินเธอแก้วนํ้ามาพร้อมกับของว่างก่อนที่เขาจะวางมันไว้บนโต๊ะแล้วหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา
“นายอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวหรอ”
“ใช่ เป็นบ้านที่ฉันเก็บเงินเช่าเอง”
“คงจะทำงานเก็บเงินเช่าใช่ไหม”
“ฉันแข่งรถ เห็นภาพพวกนั้นมั้ย เป็นภาพของฉันตอนแข่ง” หยางบอกแล้วมองไปที่กรอบรูปมันแควนอยู่บริเวณรอบห้องนั่งเล่น เป็นภาพของเขาตอนแข่งรถ คงแข่งมานานแล้วสินะ
“นายแข่งมาตั้งแต่มอปลายเลยหรอ”
“ใช่ แล้วฉันก็แข่งมาตลอด อีกสองอาทิตย์เธอไปดูฉันแข่งมั้ย”
“ได้สิ”
“พี่มาขัดการจีบกันอยู่รึป่าวนะ” ในขณะที่เรากำลังคุยกันเสียงแทรกของผู้ชายคนหนึ่งก็เข้ามาในบทสนทนา เขามาพร้อมกับกระเป๋าโน๊ตบุ๊กแล้วหอบเอกสารมาด้วย คนนี้คงเป็นพี่ชายของหยาง
“ใครจีบกันหรอพี่ชาย”
“ก็เห็นอยู่จะๆ”
“ผมเปล่า”
“นี้คือคนที่ต้องการนามหาพ่อแม่ใช่ไหม” พี่ชายหยางหันมามองที่ฉัน
“ใช่ครับ ชื่อมุกดา”
“สวัสดีค่ะ”
“พี่ชื่อโย่วนะครับ เป็นพี่ชายแท้ๆของหยาง”
“…” ฉันพยักหน้าเข้าใจแล้วส่งยิ้มให้พี่โย่ว ก่อนที่ร่างของเขาจะเดินมาหย่อนตัวนั่งลงตรงโซฟาที่ว่าง
“พี่ลองหาข้อมูลของคุณพ่อคุณแม่ของน้องดามาแล้วนะ ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตก็ขึ้นตามปกติ แถมข่าวของการถูกไล่ออกจากตระกูลก็ถูกปิดเงียบ แต่แปลกที่ตามหาพวกท่านไม่เจอ” พี่โย่วเริ่มอธิบายข้อมูลที่ได้มาพร้อมกับชี้ให้ดูข้อมูลต่างๆในเอกสาร
“แต่สัญญาณจากมือถือคุณพ่อคุณแม่ของน้องดาอยู่ที่ชายแดนประเทศจอร์แดน แล้วสัญญาณก็หายไปหลังจากนั้นไม่กี่วัน แต่ข้อมูลล่าสุดที่พี่ได้มาคือคุณพ่อคุณแม่ของน้องดายังมีชีวิตอยู่ แต่แค่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะประวัติเดิมในอินเทอร์เน็ตถูกลบออกเรียบร้อยแล้ว เหมือนทั้งสองคนมีชื่อและนามสกุลใหม่ แต่ยังสืบค้นไม่ได้ อาจจะมีองค์กรใหญ่ๆหรือผู้มีอิทธิพลครอบคุ้มครองอยู่ เลยทำให้พี่ไม่สามารถเจาะข้อมูลอะไรเพิ่มได้”
“เราจะสืบหาเรื่องนี้ต่อไม่ได้เลยหรอคะ”
“ถ้าจะสืบต่อ จะยากและเสี่ยงมาก เพราะมันไม่ใช่งานขององค์กรที่สั่งพี่มาและการสืบหาคนที่เราไม่รู้เลยว่าอยู่ตำแหน่งไหนของโลก ต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากๆและการสืบค้นที่เจาะลึกมากกว่าเดิม รวมถึงเรื่องของเวลาและค่าใช้จ่าย” พอได้ยินคำตอบฉันก็หน้าเจื่อนทันที คุณพ่อกับคุณแม่ไปอยู่ที่ไหนกันนะ ฉันไม่อยากให้พวกท่านทำอะไรผิดๆอีกแล้ว อยากให้เรากลับมาใช้ชีวิตอยู่แบบครอบครัวสักที ฉันคิดถึงพวกท่าน
“ค่าใช้จ่ายจะใช้มากเท่าไหร่คะ”
“อาจจะต้องบินไปตำแหน่งล่าสุดของสัญญาณที่เราค้นพบ คือจอแดนร์ พอจะรู้ว่าอยู่ส่วนไหนของที่นั้น แต่หลังจากนั้นเราจะค่อยๆสืบไปทีละขั้น เพื่อหาตัวพวกท่านให้เจอ”
“…”
“พี่ยินดีช่วยเรานะ แต่พี่ก็อยากให้น้องดาถอดใจเหมือนกัน ถ้าเจอตัวพวกท่านจริงๆที่อยู่ในที่ที่เราสามารถเข้าใกล้ได้ มันจะอันตรายต่อตัวน้องดาเอง” หรือฉันควรถอดใจ แต่นั้นมันคือคุณพ่อคุณแม่ของฉันเลยนะ จะปล่อยเฉยเหมือนพวกท่านตายไปแล้ว แต่ความจริงพวกท่านยังมีชีวิตอยู่แบบนั้นหรอ…
