2/1
“ตู๊ดๆๆ” ญารินดาซึ่งกำลังนิ่วหน้าเพราะเธอจะต้องฝ่าด่านนักข่าวออกไปได้ยินเสียงโทรศัพท์เครื่องจิ๋วในกระเป๋าสะพายใบย่อม เธอล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือราคาปานกลางออกมา
“ค่ะพี่มุก”
“น้องญาญ่าขา จวนจะได้เวลางานอีเว้นท์ที่ 2 ของวันนี้แล้วนะคะ อยู่ที่ไหนเอ่ย”
“ญาญ่าเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จค่ะ กำลังจะออกไปพอดี แต่ว่าตอนนี้นักข่าวอยู่เต็มเลยค่ะ”
“ตายล่ะ ถ้าน้องญาญ่าเจอนักข่าวตอนนี้ พี่ว่าคงจะไปไม่ทันงานอีกงานหนึ่งแน่ เอาไงดีล่ะ” เสียงมุกรตีทุกข์ร้อนใจ ซึ่งญารินดารู้ดีว่าถ้าเธอไปอีกงานไม่ทันล่ะก็จะต้องถูกปรับ และมุกรตีคงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
“ตอนนี้พี่มุกอยู่ที่ไหนแล้วคะ”
“พี่อยู่ที่รถแล้วจ้ะ อ้อ...เดี๋ยวพี่ขับไปรอน้องญาญ่าตรงประตูทางหนีไฟแล้วกันนะจ๊ะ จะได้หลบพวกนักข่าวออกมาก่อน”
“ได้ค่ะๆ ญาญ่าจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
ว่าแล้วเธอก็กดวางสายและรีบรุดหาประตูหนีไฟของห้างฯ โดยไม่รู้ตัวว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบจังจ้องเธออยู่ที่มุมหนึ่ง และบัดนี้ก็มีรอยยิ้มแต้มที่มุมปากหยักสวย
ญารินดาวิ่งลงบันไดทางหนีไฟอย่างกระหืดกระหอบ เนื่องจากเธออยู่บนชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของห้างฯ ช่วงนั้นเองที่มีผู้ชายร่างใหญ่คล้ายฝรั่งตัวโตวิ่งสวนขึ้นมา ต่างคนต่างวิ่งสลับขึ้นลงไหล่หนากระแทกเข้ากับไหล่บางเป็นเหตุให้หญิงสาวถลาแทบจะตกบันได ถ้าไม่ได้มือหนาคว้าเอวเอาไว้ก่อนจะหมุนให้เธอชิดฝาราวกับต้องการให้ผนังช่วยพยุงร่างของเธออีกแรง
“ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรีบมากไปหน่อยเลยไม่ทันได้ระวัง ผมต่างหากที่ต้องขอโทษคุณ”
ชัดเจน ผู้ชายคนนี้เป็นฝรั่งต่างชาติ เธอเห็นหน้าเขาได้ไม่ถนัดเพราะร่างกายของเขาสูงใหญ่ยืนบังแสงไฟนีออนกลายเป็นเงามืด แต่สำเนียงการใช้ภาษาไทยที่ไม่ดีนักทำให้เธอแน่ใจว่าเขาไม่ใช่คนไทย
“ฉันต่างหากล่ะคะ”
“ผมต่างหากที่ผิด ผมชนคุณและทำให้คุณเกือบตกบันไดไปแล้ว”
ญารินดาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงเพราะเธอไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น เธอจึงขอให้เขาปล่อยมือจากต้นแขนของเธอ และเพิ่งจะสำนึกได้ว่าเธอเหมือนจะอยู่ในอ้อมกอดของเขากรายๆ
“ช่างเถอะค่ะ เอ่อ...ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ” หญิงสาวเตือน และย้ำด้วยน้ำเสียงเบา “ฉันต้องรีบไปทำงานต่อ”
ผู้ชายคนนั้นจึงปล่อยมือจากต้นแขนของเธอ แล้วเดินจากไปเงียบๆ ท่าทางแปลกๆ ทั้งที่เขาคล้ายจะชวนเธอสนทนาในตอนต้นแต่เขากลับทำท่าอยากไปจากเธอในตอนท้าย ไม่มีเวลาคิดเรื่องไร้สาระนานนัก ญารินดาสาวเท้าลงบันไดอย่างเร่งรีบเรียกว่าแทบจะกระโดดข้ามขั้นเลยก็ว่าได้
สาวน้อยซูเปอร์สตาร์ไม่รู้ตัวเลยว่าภาพการประคับประคองเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ ได้ถูกมือดีบันทึกภาพเอาไว้แล้ว
มือบางยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาหลังจากเห็นภาพของตัวเองขึ้นหราเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ถ้าเป็นภาพเดี่ยวหรือภาพถ่ายปาปารัซซี่ที่ขโมยถ่ายรูปเธอยามที่ใช้เวลารีแล็กซ์ มือบางก็คงไม่สั่นระริกจนหนังสือพิมพ์กระพือพั่บๆ แบบนี้
ญารินดาแทบน้ำตาไหลกับข่าวที่ลงประโคมเธอแบบเสียๆ หายๆ ที่จริงสาวน้อยซูเปอร์สตาร์อย่างเธอก็เจอข่าวแบบนี้มาบ้าง แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนแจ่มแจ๋วแบบนี้ แล้วที่สำคัญหลักฐานในมือของเธอเกิดได้ยังไงเธอก็ยังไม่รู้ แน่นอนว่านั่นต้องไม่ใช่เธอแน่ เธอไม่มีทางทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงแบบนี้
“พะ...พี่มุกขา นี่มันอะไรกันคะ”
ร่างอวบอิ่มของผู้จัดการส่วนตัวสาวรีบสาวเท้าเข้ามาหาเมื่อได้ยินเสียงสั่นเครือของนักร้องสาว มุกรตีแย่งหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไปจากมือบาง แล้วกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่เขียนพาดหัวข่าวใหญ่
“สงสัยว่าความดังของเธอยังทำเงินให้ไม่พอ ซูเปอร์สตาร์สาวสวยญาญ่า ญารินดา จึงหันไปซบอกเศรษฐีใหญ่ชาวต่างชาติซึ่งมีครอบครัวอยู่ที่ประเทศอังกฤษ งานนี้คงหนีไม่พ้นเป็นแค่นกน้อยในกรงทองหรือเมียน้อยเมียนิด หนึ่งในสาวกสาวของเศรษฐีตาน้ำข้าวเมืองผู้ดีอังกฤษ ดังภาพที่ปรากฏจากช่างภาพมือสมัครเล่นที่กดชัตเตอร์เก็บภาพไว้ได้ทัน เห็นทีคราวนี้ดาวบนท้องฟ้าคงร่วงลงมาสู่พื้นดิน น่าเสียดายนักร้องสาวที่คิดสั้นฆ่าตัวตายด้วยวิธีอันน่ารังเกียจถึงเพียงนี้ คราวหน้าคราวหลังคงต้องระวังตัวให้มากหน่อย เพราะที่นี่ประเทศไทยไม่ใช่เมืองนอกที่เปิดการค้าเสรีให้ทั้งเทศและไทย แล้วแต่ใครจะเงินหนากว่าก็ได้ไป แต่ป่านนี้สินค้าคงเสื่อมลงมาก ใครที่คิดจะลงทุนต่ออย่าลืมหักค่าเสื่อมออกด้วยนะ”
เมื่อมุกรตีอ่านจบญารินดาก็ทรุดฮวบลงด้วยอาการเข่าอ่อน เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง เศรษฐีนั่นเป็นใครเธอเองก็ไม่รู้จัก แล้วภาพนี้ก็คือภาพที่เกิดตรงบันไดหนีไฟเมื่อวานนี้
“ต๊าย...นี่มันเป็นไปได้อย่างไรคะ” มุกรตีถามนักร้องสาว
“เมื่อวานนี้ญาญ่ารีบวิ่งลงบันไดหนีไฟมาหาพี่มุกค่ะ แต่ว่าชนเข้ากับผู้ชายในรูป ภาพที่ลงหนังสือพิมพ์ก็คือตอนที่เขาคว้าตัวญาญ่าเอาไว้ เพราะความรีบร้อนทำให้เขาชนญาญ่าจนเกือบตกบันได”
“งั้นเราต้องแก้ข่าวค่ะ ในเมื่อมันไม่เป็นความจริง น้องญาญ่าสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้นะคะ”
“แต่ญาญ่าไม่เข้าใจว่าภาพนี้ออกมาได้ยังไง ในเมื่อตอนนั้นมีแค่ญาญ่ากับผู้ชายคนนั้นนี่คะ”
“ก็คงเป็นพวกนักข่าวกระหายข่าวนักร้องดังตามน้องญาญ่า พอเห็นก็ไม่พลาดจะฉกฉวยโอกาสเก็บภาพมาขายข่าวทำลายชื่อเสียงของน้องญาญ่า เพื่อแลกกับเงินเพียงตัวเดียว”
“ตู๊ด ตู๊ด” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกให้คนทั้งคู่แทบสะดุ้งโหยง แล้วหันไปมองมันเหมือนเป็นตัวประหลาดที่ควรอยู่ให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้
“หวังว่าคงไม่ใช่โทรศัพท์จากสปอนเซอร์หรอกนะ”
