2/2
แต่ดูเหมือนว่าคำภาวนาของมุกรตีจะไม่เป็นผล เมื่อเธอเดินไปรับแล้วปรายตามองร่างบางที่นั่งหมดแรงอยู่บนโซฟา ผู้จัดการสาวพยายามปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแต่มันไม่เป็นผลเลยสักนิด และในที่สุดสิ่งที่ได้ยินก่อนเสียงสัญญาณจะตัดหายไปก็คือ การขอถอนการเป็นสปอนเซอร์ญารินดาออกหมด
“อะไรกันนี่ ไม่มีใครคิดจะฟังคำอธิบายหน่อยเหรอ นี่มันไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด ทำไมกันนะ ก็น่าจะรู้ว่าวงการนี้มันเป็นยังไง ข่าวดีดสีตีไข่ใส่ความก็มีให้เห็นกันออกโครมๆ แหม...แต่เรื่องจริงมันเป็นยังไงก็น่าจะถามไถ่กันบ้าง นี่หูหนวกตาบอดหมดทุกคนเลยรึไงนะ”
มุกรตีบ่นเป็นหมีกินผึ้งหลังจากต้องรับโทรศัพท์อยู่หลายสายจนมือเป็นระวิง เธอปล่อยให้สายสุดท้ายดังค้างอยู่อย่างนั้น แล้วเดินมาโอบบ่าไหล่บอบบางของคนที่ตกเป็นจำเลยอย่างไม่รู้ตัว
“ใจเย็นๆ นะคะน้องญาญ่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายค่ะ แล้วพวกเขาจะต้องรู้ความจริง”
“คนที่ทำกับญาญ่าแบบนี้ เขาคงต้องการฆ่าญาญ่าให้ตายทั้งเป็น”
“ก็คงเป็นคนที่อิจฉาริษยาทั้งหลายแหล่นั่นแหละค่ะ น้องญาญ่าดังเป็นพลุแตกขนาดนี้ต้องมีคนอิจฉามากอยู่แล้ว แต่พี่มุกอยากบอกเลยว่าทำแบบนี้มันหมารอบกัด”
ญารินดาโอบเรียวแขนรัดร่างมุกรตีแน่น ร่างบางไม่อาจกักเก็บน้ำตาเอาไว้ได้จึงได้ยินเสียงร่ำไห้และสะอื้นจนตัวโยนอย่างน่าสงสาร ญารินดาไม่เคยต้องประสบเรื่องร้ายแรงขนาดฆ่ากันทั้งเป็นแบบนี้ พอต้องมาเจอเข้าก็ถึงกับช็อกเพราะทำใจไม่ได้
“ทำใจดีๆ นะคะ เดี๋ยวพี่จะให้น้องญาญ่าแถลงข่าว ทุกคนจะต้องเชื่อนะคะ”
นักร้องสาวช้อนตาขึ้นมองคนที่เปรียบเหมือนพี่สาวคนเดียวของเธอ แล้วครุ่นคิดว่าตอนนี้มารดาจะคิดยังที่เห็นข่าวนี้ คนเป็นแม่คงเจ็บกว่าเธอนัก หญิงสาวไม่ได้เป็นห่วงตัวเองเท่ากับห่วงแม่เลยสักนิด แม่ของเธอมีร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก เธอหวั่นใจว่าแม่จะล้มป่วยลงเพราะข่าวโคมลอยแบบนี้
“ญา”
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดมากไปกว่านี้ นางสมศรีก็พาร่างผ่ายผอมเข้ามาในบ้าน วันนี้เธอไปทำบุญที่วัดระหว่างทางที่จะกลับบ้านเห็นหนังสือพิมพ์ที่มีภาพข่าวใหญ่หรา และรูปของญารินดาในอ้อมแขนของเศรษฐีหนุ่มใหญ่ชาวอังกฤษก็ทำให้นางสมศรีแทบล้มทั้งยืน ดีที่ยังพยายามพาร่างซูบผอมเพราะโรคภัยกลับมาบ้านได้ปลอดภัย
“แม่” สาวน้อยผละจากผู้จัดการส่วนตัววิ่งเข้าไปหาแม่
“แม่เห็นข่าวแล้ว มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันลูก”
“มันเป็นข่าวโคมลอยค่ะ มันไม่เป็นความจริง
นางสมศรีจับมือบางและรู้สึกถึงการสั่นระริก เธอก็ไม่อยากเชื่อว่าลูกสาวที่ทำตัวดีเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด จะทำตัวอย่างในข่าว แต่รูปถ่ายที่ขึ้นหราก็ทำให้อดสะเทือนใจไม่ได้
“แม่ต้องเชื่อญานะคะ ญาไม่ได้ทำอย่างนั้นจริงๆ”
“แม่เชื่อจ้ะลูก แม่เชื่อญาเสมอ”
นางสมศรีปลอบใจลูกสาว ญารินดาอายุแค่ 22 ปี เธอยังใสซื่อบริสุทธิ์มากนักกับวงการนี้ และคนเป็นแม่อย่างสมศรีก็ได้แต่คอยให้กำลังใจและปลอบใจในเวลาท้อแท้ แต่ดูเหมือนข่าวนี้คนที่กรุขึ้นต้องการทำลายอนาคตของญารินดาให้พังครืนเลยทีเดียว ตอนนี้ถ้าจะมัวมาหาว่าใครกันที่ลงข่าวก็คงไม่ทันการเสียแล้ว
“ตู๊ด ตู๊ด”เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก และคราวนี้คนเป็นแม่ก็เป็นคนรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ ผมวิศรุตจากค่ายเพลงที่ญาญ่าสังกัดอยู่ ผมจะโทรมาบอกให้ญาญ่าเข้าประชุมด่วนเย็นนี้ เตรียมสัญญามาด้วยนะครับ เราอาจมีเรื่องคุยกันยาว หรืออาจไม่จำเป็นต้องคุยกันเลย”
“เดี๋ยวนะคะ ดิฉันเป็นแม่ของญาญ่า ดิฉันเอาหัวเป็นประกันได้ ว่าข่าวนั่นไม่เป็นความจริงเลยสักนิด ได้โปรดให้โอกาสญาญ่าอีกสักครั้งนะคะ”
“ขอโทษนะครับ ผมก็ไม่อยากทำอย่างนี้แต่เบื้องบนสั่งมา อีกอย่างผู้ชายในรูปยืนยันแล้วว่าใช่เขากับญาญ่าจริง ผมช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะครับ”
“แต่ว่า...ดิฉันเห็นนักร้องคนอื่นเจอเรื่องร้ายแรงกว่านี้อีก ทำไมเค้ายังอยู่ในวงการนี้ได้ แล้วทำไมลูกสาวของดิฉันถึง...”
“มันคนละกรณีกันครับ กับญาญ่าเป็นคำสั่งโดยตรงจากเบื้องบน ใครๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ เย็นนี้อย่าลืมนำสัญญามาด้วยนะครับ”
นางสมศรีพยายามจะพูดกล่อมให้คนฟังเปลี่ยนใจ แต่แล้วหัวใจของคนเป็นแม่กลับเจ็บจี๊ดมือที่กำหูโทรศัพท์แน่นจนเปียกชื้นคลายออกช้าๆ ก่อนปล่อยให้โทรศัพท์หลุดมือพร้อมกับร่างที่พับลงไป
“แม่!!! แม่จ๋า แม่!!” ญารินดาวิ่งมากอดแม่และเขย่าให้แม่ฟื้น ส่วนมุกรตีรีบโทรเรียกรถพยาบาลทันที
กว่ารถพยาบาลจะออกพ้นเขตรั้วบ้านที่แน่นขนัดไปด้วยนักข่าวมากมาย ก็เล่นเอากินเวลาไปหลายนาที ทั้งยังออกมาพ้นรั้วแล้วก็มีบางคนวิ่งตามมา บ้างก็โบกวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามมาไม่ห่าง ทำเอาแววตาฉ่ำน้ำตาของนักร้องสาวที่หันไปมองเปลี่ยนประกายกร้าว
“ทำไมพวกนั้นจะต้องอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นด้วย ทำไมเขาไม่คิดถึงว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับคนในครอบครัวตัวเองบ้าง จะเป็นยังไง”
ญารินดาพูดอย่างเคียดแค้นนักข่าว และใครก็ตามที่เป็นสาเหตุทำให้แม่ของเธอมีสภาพเช่นนี้
“นักข่าวก็ต้องทำตามหน้าที่ แต่ใครจะมีจรรยาบรรณมากพอ ส่วนใหญ่ไม่มีใครเห็นใจใครหรอก มีแต่อยากสาดเสียเทเสียเพื่อขายข่าวได้เรื่อยๆ มากกว่า” มุกรตีพูดถึงความเป็นจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้
