1/4
ตั้งแต่รถคู่ใจเข้าอู่ ญารินดาก็ต้องใช้บริการรถแท็กซี่หรือไม่ต้องให้มุกรตีมาคอยรับส่งเวลาที่มีงาน วันนี้เป็นงานอีเว้นท์เปิดตัวนิตยสารฉบับหนึ่ง หญิงสาวต้องมารับหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์คนสวยในชุดแสนเซ็กซี่ ผสมกับกลิ่นอายของดนตรีร็อค ญารินดาในวันนี้จึงดูเซ็กซี่เปรี้ยวเฉี่ยวด้วยชุดหนังสั้นจู๋สีดำ ดวงหน้าหวานใสถูกแต่งให้เข้มจัดแต่ก็สวยดุและเซ็กซี่จนชายหนุ่มในงานต่างมองตาปรอย
“น้องญาญ่าคะ คนนั้นไงคะเจ้าของงาน”
มุกรตีชี้ชวนให้ญารินดามองไปยังร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำ บริเวณนั้นมีผู้ชายสวมสูทสีดำยืนอยู่หลายคน เธอสังเกตเห็นว่าเกือบทุกคนมีหูฟังเสียบที่หูคล้ายบอดี้การ์ด ยกเว้นชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าเพื่อน
“เอ๊ะ! นั่นเขานี่”
“น้องญาญ่ารู้จักคุณแม็คควีนด้วยหรือคะ”
“ไม่ค่ะ ญาญ่าไม่รู้จักชื่อ แต่เขาคือคนที่ช่วยญาญ่าเมื่อวันที่รถเสีย”
“อ๋อ...นั่นแหละค่ะ คุณแม็คควีน เบอร์นัลโด้ มาเวลล์ เจ้าของงานนี้ที่เขาเพิ่งจะลองจับเป็นครั้งแรก เรียกว่างานอดิเรกก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เขาจะหมกตัวอยู่กับงานประจำมากกว่า”
“งานประจำหรือคะ”
“ใช่ค่ะ คุณแม็คควีนเป็นเจ้าของค่ายเพลงบลูมเมอร์มิวสิค ที่เมื่อวันก่อนพี่เล่าให้ฟังแล้วไงคะ”
“อ๋อ...คนนี้ที่พี่มุกบอกว่าแต่งเพลงให้ใคร คนนั้นก็ดังเป็นพลุแตก”
“ใช่ค่ะ ถ้าเรารู้จักสนิทสนมกับเขามากขึ้นกว่านี้ บางทีน้องญาญ่าอาจจะโกอินเตอร์เลยก็ได้”
ผู้จัดการสาวพูดเหมือนชี้แนะหนทางสู่การโกอินเตอร์ ส่วนคนฟังแม้จะหูผึ่งแต่เธอไม่คิดจะใช้เต้าไต่แน่นอน
ญารินดาไม่ตอบเพราะมีนักข่าวเข้ามาขอถ่ายรูปและทำข่าวเธอ หญิงสาวจึงมอบรอยยิ้มและตอบคำถามทุกคำอย่างไม่มีเกี่ยงงอน ซึ่งนั่นเป็นนิสัยปกติของเธอมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ การประพฤติปฏิบัติตนอย่างไม่เสื่อมเสียและวางตัวดีมาตลอด ทำให้เธออยู่ในวงการนี้ได้อย่างสบายใจ แค่เราทำตัวให้เป็นตัวของตัวเองที่ต้องยึดหลักการวางตัวอย่างเหมาะสมที่สำคัญต้องทำตัวให้เสมอต้นเสมอปลายมาตลอด แค่นี้เราก็จะอยู่ในวงการมายานี้ได้อย่างมีความสุข
ร่างสูงที่ยืนอยู่ในมุมหนึ่งนั้น ดูผิวเผินคล้ายจะไม่สนใจหญิงสาว แต่ที่จริงเขาปรายตามองมายังเธอตลอดเวลา หากใครได้ทันสังเกตจะเห็นสันกรามขบกันจนนูนเกร็งตาสีน้ำตาลนั้นคล้ายจะลุกเป็นไฟแต่วาบหายไปอย่างรวดเร็ว
สาวน้อยซูเปอร์สตาร์โพสท่าให้นักข่าวถ่ายรูปจนเหนื่อยและเมื่อเสร็จงานเธอก็เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานนักก็ออกมาพร้อมกับชุดสบายๆ ที่ดูเรียบร้อยขึ้นกว่าเดิมมาก
“อ้าวคุณ!” ญารินดาทักชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสุดเนี๊ยบ เธอเห็นเขาเดินมาคนเดียวก็เลยกล้าที่จะทักทายขึ้นก่อน “จำฉันได้มั้ยคะ คนที่คุณเคยช่วยฉันเมื่อวันก่อน”
แม็คควีนขมวดคิ้วแต่มุมปากกลับแต้มยิ้มบางๆ เพราะเหตุใดก็ไม่อาจทราบได้ หญิงสาวถึงได้รู้สึกว่ารอยยิ้มของเขามันเหมือนฝืนยิ้มหรือจะเยาะมากกว่าเป็นยิ้มปกติ แปลกคนจริง เธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อนด้วยซ้ำแต่คล้ายกับเขาไม่พอใจเธอตั้งแต่เห็นหน้า
“จำไม่ได้หรอก สำหรับผู้หญิงก็แค่ของไร้ค่า ไม่มีค่าใดที่คู่ควรแก่การจดจำ”
“เดี๋ยวสิคุณ” เธอเรียกเมื่อร่างสูงกำลังจะเดินคอตั้งบ่าผ่านหน้าเธอไป “ทำไมคุณต้องพูดแบบนี้ด้วยคะ ฉันก็แค่ทักทายคุณดีๆ เพราะแน่ใจว่าคุณต้องจำฉันได้”
“หึ...ทำไมฉันต้องจำเธอได้ด้วยล่ะ อ้อ...เธอคือพรีเซ็นเตอร์ของงานนี่นา”
“นี่คุณจำฉันไม่ได้จริงๆ น่ะเหรอคะ”
แม็คควีนไม่ตอบ แต่ก้าวหนีเธอแทน เล่นเอาญารินดาต้องตะครุบท่อนแขนกำยำไว้อย่างไม่รู้ตัว ผู้ชายคนนี้คล้ายจะมีรัศมีบางอย่างดึงดูดให้สาวๆ เข้าใกล้ และหนึ่งในนั้นก็คงเป็นเธอ
“เดี๋ยวสิคะ ฉันก็แค่อยากขอบคุณคุณอีกครั้ง และฉันรู้ว่าคุณเป็นคนจ่ายเงินว่าจ้างฉันในวันนี้ ก็ยิ่งต้องขอบคุณคุณใหญ่”
“ไม่จำเป็น แล้วกรุณาปล่อยมือจากแขนฉันได้แล้ว ฉันเกลียดที่สุดก็พวกผู้หญิงที่ไล่ตะครุบผู้ชายแบบนี้”
ชายหนุ่มสะบัดแขนให้ออกจากการเกาะกุม เขาอยากทำมากกว่าการสะบัดแขน อยากให้เธอได้รู้ว่าอย่าเอามือสกปรกของเธอมาจับแขนของเขา แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น สู้จ้องมองเธออย่างเงียบๆ เพื่อรอเวลาที่ตนรอคอยมานานจะดีกว่า ร่างสูงเดินจากไปด้วยมาดของผู้ทรงอิทธิพล ทิ้งให้หญิงสาวต้องมองตามอย่างไม่ชอบใจระคนสงสัยว่าทำไม ผู้ชายคนนี้ถึงไม่มีมารยาทเอาเสียเลย
“คนชนิดไหนนะ บ้าจริงเชียว”
ญารินดาบ่นให้คนตัวสูงที่เดินหนีเธอไปราวกับเธอเป็นไส้เดือนกิ้งกือ หญิงสาวมองตามเรือนร่างสูงใหญ่อย่างสงสัยและไม่เข้าใจ แต่เพราะความเป็นคนจิตใจดี จึงไม่ทันคิดอะไรมากเกินกว่าเขาเป็นเจ้าของค่ายเพลงอารมณ์ก็ต้องมีขึ้นลงอย่างศิลปินเป็นธรรมดา เขาอาจจะอารมณ์ไม่ดีมาจากไหนและเธอคงซวยเองที่ทักเขาตอนอารมณ์แบบนี้
