2 ท่านหญิงกำมะลอ (4)
“เป็นผู้หญิงไม่ยากหรอกเจ้าค่ะ สิ่งสำคัญก็คือ ความตั้งใจที่จะเป็นต่างหาก จำเอาไว้นะเจ้าคะ ท่านไม่ได้ทำเพื่อข้า หรือเพื่อท่านพ่อบ้านราซูสอย่างเดียว แต่ท่านยังทำเพื่อตัวท่านเองอีกด้วย”
ราอีสพยักหน้า เงียบไปสักพักอย่างใช้ความคิด จากนั้นเด็กน้อยจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับคำถาม
“ท่านแม่นม แล้วข้าจะกลับเป็นผู้ชายอย่าเดิมได้มั้ย?” ราอีสสบตากับแม่นมด้วยดวงตาใสแจ๋ว
เจอคำถามซื่อ ๆ จากเด็กน้อยเข้าไป นางลีนาร่าจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
“เราขึ้นขี่หลังเสือแล้ว เราไม่สามารถลงได้ง่าย ๆ ท่านไม่สามารถกลับไปเป็นราอีสได้อีกแล้ว”
“ข้ายังเป็นราอีสคนเดิม”
แม่นมลีนาร่าส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เพราะหากราอีสยอมรับกับใครว่าเป็นผู้ชาย นั่นก็หมายความว่า นางกำลังยืนอยู่ในลานประหาร!!
“ฟังข้าให้ดีนะเจ้าคะ บนผืนทรายแห่งนี้มีกฎมากมายที่ท่านต้องเรียนรู้ สิ่งที่ข้าอยากบอกท่านก็คือ ‘กฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม’ จงจำเอาไว้ เมื่อท่านได้สิ่งหนึ่งสิ่งใดมาครอบครอง ท่านย่อมต้องสูญเสียอีกสิ่งหนึ่งไป นี่คือสิ่งที่เราทุกคนปฏิเสธไม่ได้”
“ข้าไม่เข้าใจ” เด็กชายตัวน้อยย่นคิ้วเข้าหากัน อีกทั้งเอียงคอทำหน้าสงสัยมากกว่าเดิม
“ข้าหมายถึงการที่ท่านได้เป็นท่านหญิง ท่านจะมีชีวิตที่สุขสบายตลอดไป แต่ท่านต้องแลกกับการที่ท่านไม่กลับไปเป็นผู้ชายอีก ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านถูกท่านชีคนำตัวท่านและข้าไปประหาร ทีนี้ท่านเข้าใจหรือยังเจ้าคะ?”
“ทำไมต้องถูกประหารด้วยล่ะขอรับ?”
“เราร่วมกันปกปิดความจริง ทั้งข้าและท่านกำลังหลอกลวงท่านชีคอยู่ นี่คือโทษร้ายแรง หากท่านชีคทราบเรื่องนี้ เราจะถูกตัดหัว!” แม่นมลีนาร่าลดน้ำเสียงลง อีกทั้งทำหน้าตาจริงจัง
“เข้าใจแล้วขอรับ” ราอีสพยักหน้าเสียงอ่อยแต่คำถามก็เกิดขึ้นในหัวของเด็กน้อยอีก
“ท่านแม่นม แล้วสมมุตว่าถ้าข้ากลับไปเป็นผู้ชายอีกล่ะ?”
แม่นมลีนาร่าทำหน้าขึงขัง“สิ่งแรกที่ท่านต้องเจอก็คือ ท่านพ่อบ้านก็จะนำท่านไปขายเป็นทาสเช่นเดิม ท่านจะไร้อิสรภาพ เผชิญกับความหิวโหย และท่านต้องทำงานหนักจนถึงลมหายใจสุดท้ายของชีวิต!!”
ราอีสทำท่าขนลุกขนพองด้วยความหวาดกลัวกับคำขู่ เด็กน้อยเข้าใจถึงความหิวโหย เข้าใจถึงความเหนื่อยยาก ความรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีใครไยดี และความเหน็บหนาวยามค่ำคืน แน่นอนว่าเด็กชายตัวน้อยเกลียดชังการเป็นทาสที่สุด
ซึ่งสิ่งที่แม่นมลีนาร่าพูดถึง มันช่างน่าสะพรึงกลัวกว่าถูกประหารยิ่งนัก ทั้งนี้เป็นเพราะราอีสเคยมีประสบการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวกับการเป็นทาสนั่นเอง!
จากที่ถูกน้าสาวขายเป็นทาสมาหนึ่งสัปดาห์เต็ม ราอีสก็ได้เห็นถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่ถูกเรียกว่าทาส ทุกคนที่ถูกขายจะถูกประทับตราโลหะเผาไฟไว้ที่หัวไหล่หรือหน้าอก แน่นอนว่าภาพน่าหวาดเสียวเหล่านั้นยังติดอยู่ในหัวของเด็กน้อย
แต่ราอีสก็รอดจากตราประทับมาได้อย่างหวุดหวิด ทั้งนี้เป็นเพราะราอีสยังมีอายุน้อยนั่นเอง เด็กน้อยจึงรอดจากการถูกเหล็กร้อนเผาไฟนาบท้องมาได้อย่างหวุดหวิด
แต่ทุกภาพความโหดร้ายก็ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของราอีสหมดแล้ว!!
“ข้าจะไม่กลับไปเป็นทาสอีก ข้าไม่อยากถูกเหล็กเผาไฟนาบผิว”
แม่นมลีนาร่าอมยิ้ม พลางลูบไล้แก้มเนียนของเด็กน้อย
“ดีมากที่ท่านคิดเช่นนั้น จำไว้ว่าเรื่องที่ท่านปลอมตัวเป็นท่านหญิงซาเนียร์มีแค่เราสามคนเท่านั้นที่รู้ ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูท่านชีคเข้า พวกเราทั้งสามคนจะถูกตัดหัวทันที!!”
เด็กชายตัวน้อยกลืนน้ำลายลงคอ อีกทั้งทำหน้าตาตื่น “ข้าไม่อยากตายแม่นม”
“เช่นนั้นท่านต้องเชื่อฟังข้าให้มาก ๆ และท่านต้องไม่นำความลับสำคัญนี้ไปบอกกับใคร”
“เจ้าค่ะ ข้าจะเชื่อฟังท่านทุกเรื่อง” ราอีสรีบรับคำทันที
“ดีมาก เช่นนั้นท่านรอข้าสักครู่ก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวเราไปพบท่านชีคด้วยกัน”
“เจ้าค่ะ” ราอีสพยักหน้ารับฟังและปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย
พอแม่นมลีนาร่าหายไปนาน ราอีสในคราบของท่านหญิงน้อยจึงออกมาเดินเล่นนอกกระโจมเพื่อสูดอากาศทว่าสิ่งแรกที่ราอีสเห็นเมื่อก้าวพ้นจากกระโจมหนังมาก็คือ เหยี่ยวขาวตัวโตมีขนาดเท่าแม่ไก่เกาะอยู่บนลังไม้ดวงตาคู่งามของเด็กชายตัวน้อยเป็นประกายระยับขึ้นมาทันที
“วาว นกยักษ์!!”
เพียงเท่านั้น ความชอบใจ และอยากได้ครอบครองเหยี่ยวขาวจึงเกิดขึ้นกับราอีสทันที
เด็กชายตัวน้อยเพ่งสายตาไปที่เจ้าเหยี่ยวขาวด้วยดวงตาเป็นประกายระยับด้วยความยากได้ จากนั้นราอีสจึงขยับตัวเข้าไปหาเจ้าเหยี่ยวขาวช้า ๆ ทว่าเจ้านกแสนรู้กลับย้ายที่เกาะเหมือนยั่วเย้าให้เด็กน้อยไล่ตาม พอราอีสขยับตัวเข้าไปใกล้อีก เจ้าเหยี่ยวขาวจึงบินหนีทันที
“เฮ อย่าหนีข้าสิ!” เด็กน้อยตะโกนเรียก
ความอยากได้ทำให้ราอีสลืมทุกสิ่ง ลืมแม้กระทั่งเรื่องที่เพิ่งรับปากแม่นมลีนาร่าไว้สุดท้ายราอีสจึงตัดสินใจรีบวิ่งตามเจ้าเหยี่ยวขาวไปทันที ซึ่งกว่าเด็กน้อยจะวิ่งไล่กวดเหยี่ยวขาวทัน เสื้อผ้าชุดสวยที่เพิ่งสวมใส่นั้นก็เปรอะเปื้อนฝุ่นทรายจนมอมแมมไปทั้งตัว...
