บทที่ 1
แม่เจ้า ใครก็ได้ช่วยชี้ทางสว่างให้กับเด็กหญิงโอเล่คนนี้ที่เถอะ นี่น่ะเหรอ ต้นมะขามที่สิงสถิตของเจ้าแม่ผู้โด่งดัง บรรยากาศโดยรอบบริเวณนั้นมันช่างน่ากลัวซะเหลือเกิน จะมีผีโผล่ออกมาทักทายขายแผ่นซีดีให้ฉันเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้
“ยะ...ยัยลูกกวาด แกว่าบรรยากาศแถวนี้มันดูแปลกๆ รึเปล่าวะ” เธอเพิ่งจะรู้สึกรึยังไงกันท๊อฟฟี่ ฉันรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ตั้งแต่วินาทีแรกที่มาเหยียบที่นี้แล้วล่ะ
“แบบนี้น่ะสิวะดี แกไม่เคยได้ยินรึไง ว่าบรรยากาศยิ่งเฮี้ยนของเขายิ่งขลังน่ะ“ ลูกกวาดว่าพร้อมกับเดินดุ่มๆอย่างคนไม่กลัวตายไปหยิบธูปตรงหน้าต้นมะขามของเจ้าแม่มาสามดอกพร้อมกับยื่นมันมาให้ฉันกับท๊อฟฟี่คนละดอก
“อะ...เอ่อ ฉันไม่รู้จะขออะไรจากเจ้าแม่ดี พะ...พวกเธอสองคนขอกันไปเถอะนะ”
ปัญญาที่จะซื้อข้าวกินเพื่อประทังชีวิตให้รอดพ้นจากความหิวโหยในแต่ละวันยังจะแทบไม่มีเลย จะเอาเงินไหนที่ซื้อไข่ไก่ทีละร้อยๆ ลูกมาเซ่นไหว้เจ้าแม่กันล่ะเนี่ย
“ไม่ได้! มาด้วยกันก็ต้องขอด้วยกันสิวะ!” อ๊ากกกกก~ ทำไมเธอสองคนจะต้องมาตะโกนใส่หน้าฉันพร้อมๆ กันด้วยล่ะเนี่ย แล้วได้ข่าวมาว่า...ฉันถูกพวกเธอบังคับให้มาเป็นเพื่อนไม่ใช่รึไง ถ้าเป็นไปได้ (ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี) ฉันไม่ได้อยากมาเหยียบสถานที่เงียบเหงาและน่ากลัวอย่างนี้เลยสักนิด
“ตะ...แต่ว่า...”
“หุบปาก!” จัดไปอย่าให้เสียเลยจ้ะ
เฮ้อ~ ในที่สุดฉันก็ต้องหลับหูหลับตารับธูปจากมือของลูกกวาดอย่างเสียไม่ได้ ให้ตายเถอะพระเจ้า ทำไมฉันจะต้องมาทำอะไรที่ฝืนใจตัวเองแบบนี้ด้วยนะ
“พวกพี่ๆ กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอคะ” ขณะที่ฉันกับสองสาวโหดกำลังก้มหน้าก้มตาจุดธูปกันอยู่นั้น เสียงหวานๆ ของบุคคลที่ไม่พึ่งประสงค์จะตายดีก็ดังขัดขึ้นซะก่อน
“เล่นไฮโลกันอยู่มั้ง” ท๊อฟฟี่พูดสั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความก่อนจะจัดการยัดธูปของเธอใส่มือฉันและเดินไปประจันหน้ากับยัยรุ่นน้องผู้เคราะห์ร้าย
“อะ...เอ่อ นุนิแค่บังเอิญเดินผ่านมาแล้วบังเอิญเห็นพวกพี่ๆ กำลังจุดธูปกันอยู่ นี่พวกพี่ๆ ทั้งสามคนกำลังจะบนเจ้าแม่กันเหรอคะ”
“ถ้าใช่! แล้วแกจะทำไม” คราวนี้ลูกกวาดเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้างพร้อมกับยัดธูปให้มือฉันอีกดอก
“นุนิแค่อยากจะบอกว่า ถ้าหากพวกพี่ๆ อยากจะให้คำขอเป็นจริงล่ะก็ พวกรุ่นพี่ทั้งสามจะต้องมาบนในช่วงค่ำตะวันตกดินไปแล้วเท่านั้นค่ะ”
“งั้นเหรอเนี่ย ขอได้เฉพาะตอนที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้วเท่านั้นเหรอ” ลูกกวาดทำตาโตเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะตกข่าว
“ใช่ค่ะ”
“ฉันไม่ได้ถามแกโว้ยยยย~ เสร็จธุระแล้วไม่ใช่รึไง จะไปไหนก็รีบไสหัวไปสิยะ!” ทันทีที่ถูกลูกกวาดตวาดใส่หน้า ยัยนุนิอะไรนั่นก็วิ่งป่าราบหายวับไปกับอากาศทันทีด้วยความเร็วที่บั้งไฟพญานาคยังยากที่จะไล่ตามทัน
เหลือไว้เพียงแต่สามเรา
สองเขา
หนึ่งฉัน..กับธูปอีกสามดอก - -*?
“เซ็งเลยวะ วันนี้ตอนเย็นฉันมีธุระจะต้องไปจัดการไอ้พวกกระจอกที่บังอาจมาไถเงินยัยเยลลี่ซะด้วยสิ” ท๊อฟฟี่สบถเล็กน้อยพร้อมกับชักสีหน้าไม่สบอารมณ์
เยลลี่ที่ว่าคือน้องสาวสุดรักสุดหวงที่อายุห่างกันแค่หนึ่งปีของเธอนั่นเอง เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูซึ่งแตกต่างจากพี่สาวราวฟ้ากับเหว อึหมากับฉี่เทวดา
“ฉันเองก็ไม่ว่างเหมือนกันวะ เย็นนี้ต้องรีบกลับบ้านไปจัดการกับมรดกของคุณตาทวดที่เสียไป ขืนไปช้ามีหวังได้ชวดเงินล้านกันพอดี” ในเมื่อสองสาวสุดเปรี้ยวก็ต่างมีธุระหน้าที่สำคัญที่ต้องไปทำกัน
บทสรุปของชีวิตที่โศกเศร้าปนรันทดหน่อยๆ ก็จะไปตกหล่นใส่หัวใครมิได้นอกซะจาก...ฉัน
ทำไมถึงได้มองฉันด้วยรอยยิ้มนางมารร้ายอย่างนั้นด้วยล่ะเนี่ยทั้งสองคนเลย กลัวได้ไหม?
“อะ...เอ่อ เย็นนี้ฉันก็ไม่ว่างเหมือนกัน ต้องพาเจ้าชีโร่น้อยกลอยใจไปตรวจสุขภาพประจำปีน่ะ แฮ่ๆๆ พวกเธอคงจำมันได้ เจ้าชีโร่มันเป็นหมาชิสุมีขนสีน้ำตาลกาแฟ มีตาสองชั้น มีขาสี่ขา แล้วก็มีหาง...”
“ยัยโอเล่”
“วะ…ว่าไงเหรอ”
“และถ้าฉันจำไม่ผิด....ไอ้ชีโร่น้อยกลอยใจที่แกว่าน่ะมันถูกสิบล้อบี้ขี้แตกตายคาที่ไปตั้งแต่สามเดือนที่แล้วไม่ใช่รึไง...ฮะ!”
“อะ...เอ่อ คือว่าเรื่องนั้นมัน...”
“นั่นสิ! ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด แกร้องห่มร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังเป็นเดือนๆ เลยไม่ใช่รึไงวะ”
มาความจำดีอะไรกันตอนนี้นะ! ถ้าพวกเธอสองคนความจำดีแบบนี้เวลาเข้าสอบล่ะก็..ฉันอาจจะไม่ต้องโดนหักคะแนนทุกครั้งเพราะปล่อยให้พวกเธอลอกข้อสอบแหงๆ
“ไม่ต้องมาตีหน้าเซ่อยืนทำหน้าเสล่อเลยนะยัยโอเล่...ในเมื่อเราสามคนมีแต่แกคนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีธุระอะไรในเย็นวันนี้ เพราะฉะนั้น! แกต้องมาบนเจ้าแม่แทนพวกฉันสองคน!” ทำไมถึงต้องเป็นฉันด้วย คนที่มันอยากรู้ถึงความศักดิ์ของเจ้าแม่นั่นนะ มันพวกเธอสองคนไม่ใช่รึไง อ๊ากกกกก ฉันบอกคุณไปรึยังคะว่าไอ้ต้นมะขามที่ว่าเนี่ยมันดันอยู่หลังโรงเรียน แถมหลังโรงเรียนยังเป็นป่าช้าอีกต่างหาก!
