บทย่อ
“เมื่อวานเธอหายหัวไปไหน ทำไมไม่ไปตามนัดฮะ!” กรี๊ดดดดด!!~ พูดเฉยๆ ก็ได้โว้ย~ ทำไมต้องก้มหน้ามาซะจมูกโด่งๆ ของนายจะทิ่มจมูกแบนๆ ของฉันอยู่แล้วเนี่ย ฉันชักจะยั้วะนายหน่อยๆ แล้วนะชีโร่!! “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วยจริงๆ ด้วย!” “ไหนเธอลองหาเหตุผลดีๆ มาสักข้อสิ ว่าทำไมฉันจะต้องทำตามที่เธอบอกด้วย” หน็อย~ ยอกย้อนนักนะ นี่กล้าเลียนแบบเสียงฉันเชียวเรอะ!! “ว่าไง ทำไมไม่ไปตามนัด บอกมาซะดีๆ” “ไม่บอกมีอะไรไหม นายบังคับฉันไม่ได้อีกต่อไปแล้วชีโร่ ชาตินี้ทั้งชาติฉันจะไม่มีวันพูดกับนายอีกแน่ ฉันโป้งนายแล้ว” “ว่าไงนะ!” “นายก็ได้ยินแล้วนี่ ฉันจะไม่มีวันพูดกับนายอีกเป็นอันขาด นายไม่มีวันมาทำให้ฉันอ้าปากพูดกับนายได้อีกแล้วล่ะ” “งั้นดี...ฉันจะทำให้เธออ้าปากพูดกับฉัน ด้วยปากของฉันนี่แหละ!!” “อ๊ากกกก!! นายมันคนนิสัยไม่ดะ...อุ๊บ!” ยังไม่ทันจบประโยคริมฝีปากฉันก็ถูกครอบครองโดยชีโร่ จูบครั้งนี้ของฉันมันช่างร้อนแรงดั่งไฟ. ที่พร้อมจะผลาญเผาร่างฉันทั้งชีวิตยังไงยังงั้น ยิ่งฉันพยายามจะขัดขืนมากเท่าไหร่รสจูบก็เพิ่มทวีคูณความรุนแรงและร้อนรุ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า ฉันรู้สึกได้ถึงความโกรธที่เขากำลังถ่ายถอดมาให้ฉันจากรสจูบ มันช่างเป็นความโกรธที่ฉันไม่สามารถหยุดเขาได้เลย ฉันจะไม่มีวันลืม...จะไม่มีวันลืมจูบในครั้งนี้เลยตลอดชีวิต ไม่สิ! ถึงตายก็จะไม่มีวันลืม
บทนำ
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่สดใสค่อยๆส่องประกายระยิบระยับกระทบหลังคาทรงยุโรปโบราณสีทองของตึกหกชั้นจนเกิดรัศมีเปล่งไปทั่วบริเวณประชากรไม่ต่ำกว่าสี่สิบคนในห้องเรียนชั้นหกของตึกดังกล่าวกำลังทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็จับกลุ่มเมาท์กระจายอยู่ที่โต๊ะเรียน บ้างก็นอนหลับ บ้างก็เล่นเกมส์ บ้างก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ที่มุมถังขยะท้ายห้อง
ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตกำลังจ้องมองไปยังหนังสือเล่มจิ๋วในมืออย่างเอาเป็นเอาตายราวกับว่ามันคือลายแทงขุมทรัพย์ที่ล้ำค่าก็ไม่ปาน
ปึก!
หนังสือเล่มหนาปกสีทองประกายถูกฝ่ามือเรียวเล็กของหญิงสาวร่างบางปิดลงอย่างเบามือก่อนจะยัดมันลงไปใส่กระเป๋านักเรียนใบโตอย่างลวกๆ
ใช่แล้วค่ะ!ข้อความข้างต้นที่กล่าวไปนั้นมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเนื้อหาในหนังสือที่ฉันกำลังติดงอมแงมอยู่ ณ ขณะนี้มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคำอธิฐานของหญิงสาวผู้ซึ่งไร้ความสว่างในชีวิตแต่เธอกลับมีชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวัง...
หวังว่าสักวัน พระเจ้าจะได้ยินคำอธิษฐานของเธอ
ฉัน...สาวน้อยหน้าหวานมีนามว่า‘โอเล่’ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับพ่อและแม่ที่อยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าของฉันที่ท่านทั้งสองอุตส่าห์คลอดบุตรสาวที่หน้าตาพอไปลานวัดคนนี้ให้ลืมตามาดูโลกแถมยังตั้งชื่อที่เป็นเสมือนฉนวนของเรื่องวุ่นๆ ทั้งหมด หลังจากที่พ่อแม่เสียฉันก็ได้รับการเลี้ยงดูจากคุณลุงคุณป้าที่ทำสวนไร้องุ่นอยู่ที่ต่างจังหวัด
นอกจากเงินรายเดือนที่คุณลุงคุณป้าส่งมาให้จ่ายค่ากินค่าอยู่ฉันก็ต้องทำงานพิเศษหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองไปด้วยเพราะเกรงใจพวกท่านทั้งสองขืนเอาแต่ให้พวกท่านคอยช่วยเหลือมีหวังฉันคงไม่มีทางยืนได้ด้วยตัวเองแหงๆ
เห็นหน้าตาบ้านๆขี้ปอดแหกแบบนี้ก็เถอะแต่ฉันก็เป็นหนึ่งในสมาชิกสาวแสบแสนซนอย่างเจ้าหญิงทั้งห้าแก๊งนักเลงที่โด่งดังที่สุดในย่านนี้เชียวนะ!
“นี่ๆพวกแก เมื่อกี้ตอนที่ฉันกำลังเดินขึ้นบันไดมาห้องเรียนฉันแอบได้ยินพวกยัยรุ่นน้องปีหนึ่งมันลือกันให้แซดไปเลยล่ะ ว่าตอนนี้น่ะนะ มีนางไม้ที่ชื่อว่าเจ้าแม่มะขามม่วงอะไรเนี่ย มาสิงสถิตอยู่ที่ต้นมะขามหลังโรงเรียนของเราด้วยวะ” เสียงใสแจ๋วอันคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับร่างบางของ ‘ลูกกวาด’ สาวน้อยหน้าหวานเจ้าของฉายาเจ้าแม่ ‘นกรู้’ ไม่ว่าใครจะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ กับใคร! ไม่มีทางที่เธอผู้นี้จะไม่รู้ เพราะเธอคือนักสืบสาวประจำแก๊ง
เธอคนนี้ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกเจ้าหญิงทั้งห้าเหมือนๆกับฉันนั่นแหละสาวมั่นคนนี้เธอเป็นคนที่ปากค่อนข้างตรงกับใจ คิดอะไรก็มักจะพูดออกมาตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อม และเพราะความปากร้ายใจเด็ด จึงไม่แปลกอะไรที่เธอจะกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั่วโรงเรียนไปโดยปริยายอย่างไม่ต้องสงสัย
“จริงสิ! แล้วมันไปไงมาไงวะ ไอ้เจ้าแม่มะขามม่วงอะไรของแกเนี่ย” เสียงแหบห้าวของสาวแสนแสบถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
‘ท๊อฟฟี่’ สาวห้าวสุดเท่ประจำแก๊ง ถ้าถามฉันว่าหนึ่งในสี่ของสมาชิกที่ฉันไม่อยากเป็นศัตรูด้วยมากที่สุดล่ะก็ ฉันคงตอบได้โดยไม่ต้องคิดให้ถี่ถ้วนเลยว่าคือใคร นอกจากท๊อฟฟี่!!
“ฉันก็พอจะรู้มาบ้างนิดหน่อย เห็นเขาลือกันให้ทั่วโรงเรียนเลย ว่าเจ้าแม่มะขามม่วงที่ว่านั่นน่ะ ศักดิ์สิทธิ์สุดๆ เดิมทีแล้วเจ้าแม่สิงสถิตอยู่ที่ต้นมะยมหลังบ้านของลุงยามที่เฝ้าหน้าประตูโรงเรียน แต่ที่ดินตรงนั้นถูกพวกคนงานก่อสร้างรื้อถอนต้นมะยมที่ว่านั้นออกเพราะมันกีดขวางทางก่อสร้างตึก และนั่นแหละ! พอต้นมะยมอันที่เป็นรักถูกโค่น เจ้าแม่แกก็เลยระหกระเหินเดินอากาศมาสิงสถิตอยู่ที่ต้นมะขามหลังโรงเรียนเราแทน”ฉันนั่งฟังลูกกวาดเล่าประวัติความเป็นมาของเจ้าแม่มะขามม่วงอย่างตั้งอกตั้งใจโดยไม่กล้าจะขัด เพราะกลัวถูกงับหัวเอา
โชคยังดีที่ลูกกวาดรู้มาบ้างนิดหน่อย...เพราะถ้ารู้มากกว่านี้ล่ะก็ฉันมีลางสังหรณ์ว่าจะได้นั่งฟังเธอเล่าถึงพรุ่งนี้เช้าก็เป็นแน่
“ศักดิ์สิทธิ์มากขนาดนั้นเลยเหรอวะ ไอ้เจ้าแม่อะไรนี่น่ะ”
“ไอ้เรื่องอย่างนี้ อยากรู้ก็ต้องลองดูสิวะ” ลูกกวาดพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น ในชีวิตของผู้หญิงคนนี้เคยกลัวอะไรกับชาวบ้านเขาบ้างไหมล่ะเนี่ย
“อย่าบอกนะ ว่าแกจะลองไปบนเจ้าแม่มะขามม่วงนั่นน่ะ”ไม่ตอบแต่ยิ้มนี่มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย ใครรู้ช่วยบอกฉันที
“แล้วแกจะไปขออะไรเจ้าแม่วะ อ้อ! ฉันรู้แล้ว แกคงจะไปขอให้เจ้าแม่เสกให้ตัวสูงขึ้นมาสักสามเซนต์น่ะ แต่ฉันว่านะ ไอ้เรื่องความเตี้ย สูง ดำ ขาวเนี่ย เจ้าแม่คงหมดปัญญาจะช่วยแกวะฮ่าๆๆๆ”ปากร้ายๆของเธอเจ้าแม่หมดทางเยียวยาเหมือนกันนั่นแหละท๊อฟฟี่
กัดได้แม้กระทั่งเพื่อนสนิท จิตใจทำด้วยอะไร!!
“ตกลงนี่แกจะมีเรื่องกับฉันให้ได้เลยใช่ไหมฮะ!!”
“ฮ่าๆๆ ไม่เอาสิ~ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียไปสิเพื่อนเกลอ รักดอกจึงหยอกเล่น ไม่เคยไม่ยินรึไง เอาเป็นว่า ไหนๆ คาบนี้ก็ว่างไม่มีอะไรทำกันอยู่แล้ว งั้นเราสามคนลองไปดูไอ้ต้นมะขามที่ว่านั่นฆ่าเวลากันดีกว่าไหม”
“ใช่ๆๆ ไปกันหมดสามคนนี่แหละ น่าตื่นเต้นชะมัด!!!” ลูกกวาดพูดก่อนจะหันมาแสยะยิ้มให้ฉัน
สะ..สามคน หวังว่าคงไม่ใช่...
“ไม่ต้องมานั่งทำหน้าเอ๋อเลยยัยโอเล่ คนที่สามที่พวกฉันสองคนหมายถึงนั่นน่ะ ก็คือแกนั่นแหละ!!” ฉัน
“ตะ...แต่ว่าฉัน...”
“หืมมมม...”
“ฉะ...ฉันว่าเราไปกันหลายๆ คนมันก็น่าสนุกดีเหมือนกัน แหะๆ ” ให้ตายสิ! เมื่อเจอสายตาฟ้าฟาดของท๊อฟฟี่เข้าไปเต็มๆ ฉันก็ถึงกับปฏิเสธไม่ออกไปเลยทีเดียว
“งั้นเมื่อพร้อมกันแล้ว LetGo โลดดดด!”ลูกกวาดตะโกนลั่นห้องก่อนจะจัดการลากฉันกับท๊อฟฟี่ออกจากห้องด้วยสองมืออันเรียวเล็กที่มีพลังมหาศาลของเธอ
แต่เมื่อโผล่พ้นประตูห้องเรียนมาได้แค่สามก้าวเท่านั้นเราทั้งสามก็ต้องหยุดชะงักฝีเท้าทันทีที่เห็นร่างบางตรงหน้า
ลูกอม ในที่สุด! ในที่สุดพระเจ้าก็เมตตาหญิงสาวตัวน้อยๆ แต่ปอดแหกอย่างฉัน ส่งหญิงเหล็กอย่าง “ลูกอม” รองหัวหน้าแก๊งมาช่วยชีวิตฉัน (รึเปล่า??)
‘ลูกอม’สาวน้อยตาคมขี้บ่นประจำแก๊ง...เพราะความละเอียดถี่ยิบจนน่ารำคาญของเธอจึงเป็นเหตุให้ไม่ค่อยจะมีใครกล้าเข้ามาสุงสิงกับเธอเท่าไหร่นัก เธอเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูด แต่ถ้าเกิดพูดขึ้นเมื่อไหร่ล่ะก็...เรื่องมันคงไม่จบง่ายๆ แน่
“นี่พวกแกสามคนกำลังจะไปไหนกัน” ลูกอมถามพลางสำรวจมองหน้าจับพิรุธพวกฉันทีละคนเรียงตัว น้ำเสียงที่คุกรุ่นของลูกอมในตอนนี้มันช่างน่ากลัวซะจนฉันไม่กล้าจะเข้าใกล้
ดูจากอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านของเธอในตอนนี้...ถ้าเพียงใครสักคนเดินไม่ระวังเผลอไปเหยียบเท้าของเธอเข้าล่ะก็..คนๆนั้นนอกจากจะไม่ตายดีแล้วยังอาจเสี่ยงที่จะหูหนวกไปตลอดชีวิตเพราะถูกลูกอมเทศนาธรรมมะกรรมฐานสามวันเจ็ดคืนติดต่อกันไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อนก็เป็นได้
“ว่าไง หูเป็นน้ำหนวกกันไปหมดแล้วรึไง ฉันถามว่าพวกแกสามคนกำลังจะไปไหนกัน”
“คะ...คือพวกเราสามคน..กะ...กำลังจะไปดูต้นมะขามของเจ้าแม่มะขามม่วงกันน่ะจ๊ะ ทะ..เธอจะไปด้วย...ไหม” แล้วทำไมคนที่ปอดแหกอย่างฉัน ถึงต้องเป็นฝ่ายตอบคำถามที่ยากเย็นแบบนี้ล่ะเนี่ย
“งี่เง่า!! ไร้สาระจริงๆ พวกแกนี่มันงมงายไม่เข้าเรื่อง” ลูกอมเริ่มเปิดหัวข้อกระทู้บ่น
“นั่นมันเรื่องของพวกฉันโว้ยย~ ว่าแต่แกเถอะ ไปกินรังแตนมาจากที่ไหนแต่เช้าเนี่ย อารมณ์มันถึงได้บูดเป็นตูดหมึกอย่างนี้” ท๊อฟฟี่ที่เงียบหายไปนานจนฉันเกือบคิดว่าเธออาจจะง่วงจนยืนหลับไปแล้วพูดขึ้น
“เล่าแล้วเรื่องมันยาววะ!! พวกแกอยากจะฟังไหมปะล่ะ”
“ไม่”นี่เป็นครั้งแรกที่เราสามใจตรงกันอย่างน่าเหลือเชื่อ
“เป็นอะไรของพวกแกฮะ!! แค่ยืนเป็นที่ระบายอารมณ์ให้ฉันสักสามนาทีมันจะลงแดงตายกันรึไง แต่ก็ช่างเถอะ!! พวกแกจะไปไหนก็ไปกันเถอะ ฉันจะรอยัยคุณนายสายเสมอในห้องเรียนก็แล้วกัน ขืนยัยนั่นมาแล้วไม่เจอใครล่ะก็ มีหวัง...” ลูกอมพูดเหลือประโยคเอาไว้ให้พวกฉันเติมคำในใจกันเอาเอง
สองคนนั้นจะเติมคำว่าอะไรฉันไม่รู้ แต่สำหรับฉัน...ถ้าอมยิ้มมาถึงห้องเรียนแล้วไม่พบใครสักคนในแก๊งล่ะก็...มีหวัง...พวกฉันทั้งสี่คงถูกสายตาเย็นชาสีเทาคู่นั้นสาปให้กลายเป็นหินอย่างแน่เเท้
แต่เดี๋ยวก่อนนะ!
ลูกอมเดินจากไปแล้ว อ๊ากกกก~ แล้วใครจะช่วยฉันให้หลุดพ้นไปจากสองสาวบ้าพลังนี่กันล่ะเนี่ย ลูกอม กลับมาพาฉันไปด้วยสิ ฉันไม่อยากไปกับสองคนนี้!!
แม่จ๋าาาาาาาาา

