บทที่ 2 ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!
หญิงสาวตั้งใจอย่างแน่วแน่ เธอเคยได้ยินมาว่าที่สวนบุปผชาติในจวนสกุลหลู่นั้นมีสระน้ำขนาดใหญ่และที่ตรงนั้นลึกพอสมควร หากเธอกระโดดลงไปคงทำให้วิญญาณออกจากร่างได้อย่างแน่นอน
“ฮูหยินจะไปไหนเจ้าคะ!” จินหนิงร้องถามเจ้านายด้วยความตกใจ ทว่ามีเพียงสายลมที่พัดมาปะทะผิวกายของนางเท่านั้นแทนคำตอบ เมื่อตอนนี้หยางเสี่ยวเหมยได้วิ่งฉิวผ่านนางออกไปยังประตูเสียแล้ว
“ฮูหยินรอบ่าวด้วยเจ้าค่ะ” นางรีบร้องเรียกเจ้านาย และสาวเท้าวิ่งตามไปอย่างติดๆ
‘รอให้โง่น่ะสิ!’
ในขณะที่อันอันผินหน้ากลับมายิ่งเห็นจินหนิงกำลังวิ่งไล่ตามมา เธอจึงสาวเท้าวิ่งให้เร็วขึ้น ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังสระบัวขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า ปากบางเผยรอยยิ้มกว้างทันใด ไม่รอช้ารีบกระโดดลงน้ำไปด้วยความรวดเร็ว
ตูมมมมม!
เสียงร่างของคนตกกระน้ำดังลั่นผสานกับเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของจินหนิง
“กรี๊ดดดดด! ฮูหยินเจ้าขา!”
ภายใต้ผืนน้ำที่แสนเย็นเฉียบ อันอันรู้สึกเหน็บหนาวจนจับขั้วหัวใจ ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ให้ความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวเป็นอย่างมาก หากแต่ในเมื่อต้องการกลับไปโลกเดิมก็ต้องลองเสี่ยงที่จะสูญเสีย หญิงสาวกลั้นใจทิ้งร่างให้จมดิ่งลงไปใต้ผืนน้ำ หากแต่ในตอนที่ใกล้จะขาดใจพลันมีร่างสูงสง่าของใครบางกำลังว่ายน้ำมุ่งหน้าตรงมายังนางเสียก่อน
‘หลู่อวี้โจว’ ยื่นมือเข้าไปคว้าร่างบางมาไว้ในอ้อมแขน คิ้วดาบขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นสีหน้าที่ทรมานราวกับคนกำลังจะขาดอากาศหายใจของนาง ไม่รอช้าเขารีบยื่นหน้าเข้าไปหาพร้อมกับประกบแนบจุมพิตมอบลมหายใจให้กับหยางเสี่ยวเหมย
อันอันนิ่งค้างไปทันใด รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในตอนที่เขาถอนจุมพิตออกมา ดวงตาของคนทั้งสองประสานกันพร้อมๆ กับที่ร่างบางของเธอถูกดึงให้ขึ้นไปอยู่เหนือผิวน้ำ
“แค่กๆๆ” หญิงสาวไอโขลกสำลักน้ำออกมายกใหญ่ น้ำหูน้ำตาไหลออกมาจนเกลื่อนใบหน้าโดยมีจินหนิงที่วิ่งเข้ามาโอบประคองร่างบอบบางของนางเอาไว้ด้วยความห่วงใย
“ฮูหยินเจ้าขา ไยถึงทำเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ” จินหนิงเปล่งเสียงสะอื้นดังอยู่ข้างกาย แต่หาได้ทำให้อันอันสนใจไม่ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นต้นไม้ใหญ่ หากกระโดดน้ำแล้วไม่ตาย เช่นนั้นนางจะวิ่งเอาหัวโขลกต้นไม้แทนก็แล้วกัน
อันอันผลักจินหนิงออกให้พ้นกายทำให้สาวใช้คนสนิทไม่ทันได้ตั้งตัวหงายหลังล้มไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้น ทว่าเพียงแค่เธอผุดลุกขึ้นทำท่าจะวิ่งตรงไปยังจุดหมาย มือหนาของใครบางคนก็คว้าคอเสื้อของเธอเอาไว้เสียก่อน
“ปล่อยข้านะ!”
“หยุดเรียกร้องความสนใจแล้วอยู่เฉยๆเถิดหยางฮูหยิน!” หลู่อวี้โจวกล่าวเสียงเข้ม นึกโมโหหยางเสี่ยวเหมยไม่น้อยที่สร้างเรื่องวุ่นวายขึ้นที่จวนสกุลหลู่
“ฉันไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากนาย ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!”
เสียงตะโกนที่ดังขึ้นของอันอันทำให้บรรดาผู้คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างพากันอึ้งไปตามๆกัน ไม่เว้นแม้แต่หลู่อวี้โจวที่ค่อยๆขมวดคิ้วดาบเข้าหากัน ก่อนจะปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเธอ
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ อับอายไม่น้อยที่โดนสตรีต่อว่า หากแต่สงสัยในวาจาของนางมากกว่าจึงพยายามข่มอารมณ์ถามออกไปด้วยความอยากรู้
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน!” อันอันที่อยู่ในร่างของหยางเสี่ยวเหมยทำเสียงเข้มเลียนแบบคนตัวโตพร้อมเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
“คนอะไรเป็นผู้ชายเสียเปล่า อีกทั้งยังมียศเป็นถึงกั๋วกง แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าฉันหมายความว่าอย่างไร” คนกำลังด่าอยู่นะ เหตุใดถึงทำหน้าสงสัยเช่นนั้นเล่า อันอันคิดด้วยความขัดใจ
หลู่อวี้โจวหรี่สายตาให้แคบลงเล็กน้อย ก่อนจะเปล่งเสียงหึออกมาในลำคอเบาๆ แท้ที่จริงแล้วนางคงจะโกรธที่เขาไม่ไปตามง้อนางกลับมาอยู่ที่เรือนใหญ่เป็นแน่
“เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าขอไปอยู่ที่เรือนเล็ก อีกทั้งยังบอกอีกว่าโจวหลินและฟู่หลินเป็นภาระของเจ้า เจ้าไม่อยากดูแลลูก ข้าก็ตามใจเจ้าแล้วอย่างไร เหตุใดวันนี้ถึงได้ทำตัวเรียกร้องความสนใจอีกเล่า”
“หยางเสี่ยวเหมยไม่เคยพูด แต่เป็นเพราะแม่ของนายบังคับนางต่างหากล่ะ!” อันอันในร่างของหยางเสี่ยวเหมยยกมือขึ้นเท้าสะเอว จ้องบุรุษตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เธอไม่ได้คิดที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้เสียหน่อย ต่อให้เขาจะโมโหจนลงมือสังหารนางก็เป็นการดียิ่ง แม้อาจจะรู้สึกเจ็บบ้าง แต่ถ้ามันทำให้วิญญาณของเธอกลับไปอยู่ที่โลกเดิมได้ก็ยินดี
“อึ้งไปเลยล่ะสิ ฉันจะบอกให้นายรู้ไว้นะว่าหยางเสี่ยวเหมยรักใคร่ลูกๆของนางมาก แต่มารดาของท่านขัดขวางนาง เพราะรังเกียจที่นางเป็นบุตรสาวมาจากชนเผ่าเล็กๆหาใช่บุตรสาวในตระกูลขุนนางอย่างคุณหนูสกุลไต้คนรักของท่าน ฮูหยินผู้เฒ่าจึงหาทางกลั่นแกล้งรังแก และเอาโจวหลินกับฟู่หลินไว้เป็นตัวประกัน ถึงนางจะบอกว่าจะดูแลเองก็เถอะ แต่ทั้งหมดนี้หยางเสี่ยวเหมยไม่ได้เต็มใจแม้แต่น้อยที่ต้องยอมก็เพราะเห็นแก่ลูกๆของนางเท่านั้น”
“ฮูหยินอย่าลามปามถึงท่านแม่ของข้า” ดวงตาคู่คมวาวโรจน์ขึ้นอย่างน่ากลัว กัดฟันข่มโทสะเพื่อเตือนนาง แต่ดูเหมือนว่ายิ่งได้เห็นเขาโกรธ อันอันยิ่งรู้สึกดีใจ หวังให้เขาจับกระบี่ขึ้นมาสังหารตนไวๆจะได้หลุดพ้นจากโลกนี้เสียที
“ลามปามอะไรกัน ฉันพูดเรื่องจริงต่างหาก มีแต่ท่านนั่นแหละที่ไม่รับรู้อะไร วันๆทำแต่งาน ปิดหูปิดตาไม่สนใจเรื่องราวภายในจวน เป็นบุรุษที่ใช้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!”
หมั่บ!
มือหนาคว้าไปที่ลำคอบอบบางท่ามกลางความตกใจของทุกคน หลู่อวี้โจวนึกอยากจะบีบให้มันแหลกสลายคามือของเขายิ่งนัก เขามีศักดิ์เป็นถึงหลู่กั๋วกง ซึ่งตำแหน่งนี้มีเพียงเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่จะได้รับ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ทว่าก็เป็นที่โปรดปรานแด่ฮ่องเต้ไม่น้อยจนถึงขั้นประทานตำแหน่งกั๋วกงให้กับเขา อีกทั้งสกุลหลู่ยังเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คน ทว่าหยางเสี่ยวเหมยเป็นเพียงบุตรสาวจากชนเผ่าเล็กๆอันห่างไกลที่ยอมสวามิภักดิ์แด่เว่ยฮ่องเต้ โดยการยกนางให้แต่งงานกับคนชาวแคว้นเป่ยซึ่งนั่นก็คือเขา แล้วนางกล้าดีอย่างไรกันถึงได้พูดจาสามหาวไม่ไว้หน้าเขาต่อหน้าของบ่าวรับใช้เช่นนี้!
“อึ่ก!” อันอันอ้าปากค้างพร้อมทำตาโต ดิ้นขลุกขลักไปมา เท้าสองข้างลอยไม่ติดพื้น เมื่อโดนคนตัวโตยกนางขึ้นมา หากแต่ว่าแทนที่จะรู้สึกหวาดกลัว หญิงสาวกลับเผยรอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจ นึกอยากให้เขาสังหารนางทิ้งไปเร็วๆ ตั้งแต่ตอนนี้เลย
“นายท่านใจเย็นๆก่อนเถิดขอรับ” หูเซียวรีบปรี่เข้ามาห้าม รู้สึกเห็นใจหยางฮูหยินไม่น้อย อย่างไรนางก็เป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆ อีกทั้งที่ผ่านมายังไม่เคยมีปากเสียงเช่นนี้มาก่อน ยามที่เจอกันนางเอ่ยวาจาแทบจะนับคำได้ หนนี้คงรู้สึกอัดอั้นตันใจมากจริงๆ ถึงได้กล้าเอ่ยกับหลู่กั๋วกงเช่นนี้
“นายท่านเจ้าขา ฮูหยินไม่สบายอาจพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย อย่าได้ถือสานางเลยนะเจ้าคะ” ทางด้านจินหนิงเองก็เช่นกัน นางรีบคุกเข่านั่งลงไปบนพื้น โขกศีรษะไปมาร้องขอความเห็นใจแทนเจ้านายสาวของตน
ดูเหมือนว่า อันอันที่อยู่ในร่างของหยางเสี่ยวเหมยจะไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้แต่น้อย
“พวกเจ้าสองคนไม่ต้องไปขอร้องบุรุษไร้หัวใจคนนี้หรอก อยากฆ่าก็ฆ่าฉันเลยสิ ไม่กลัวหรอก ตายไปก็ดีเสียกว่าอยู่ที่นี่ สามีไม่ปกป้องดูแลภรรยา ไหนจะโดนพรากลูกไปจากอก น่าสงสารยิ่งนัก”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอินกับนิยายมากเกินไป หรือเป็นเพราะว่านางอยากให้เขาสังหารนางจริงๆกันแน่จึงพูดความในใจออกไปจนหมดเปลือก อันอันเชิดหน้าขึ้นกล่าวอย่าท้าทาย หลับตาลงยอมรับความเจ็บปวด รับรู้ได้ถึงแรงสั่นเล็กๆจากมือใหญ่ของเขา หากแต่แทนที่มือหนาจะออกแรงบีบมากขึ้น คนตัวโตกลับปล่อยมือออกจากลำคอของนางอย่างรวดเร็ว
ตุ้บ!
ร่างเล็กร่วงลงสู่พื้นดินราวกับใบไม้ร่วง รู้สึกเจ็บที่ลำคอจนต้องยกมือขึ้นจับเอาไว้ ในขณะที่จินหนิงรีบวิ่งเข้ามาประคองร่างบอบบางของเจ้านายสาว ส่งสายตามองลำคอของนางที่ปรากฏรอยฝ่ามือด้วยความห่วงใย
“ฮูหยินเจ็บหรือไม่เจ้าคะ”
อันอันไม่ได้สนใจตอบคำถามของจินหนิง แต่กลับตวัดสายตามองคนร่างสูงที่ยืนมองนางด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยเพลิงโทสะและความหงุดหงิด
“เหตุใดท่านถึงไม่ฆ่าข้าเล่า”
‘ไม่นะ! เธอท้าทายเขาถึงเพียงนี้ เขาต้องสังหารเธอสิ ไหนบอกว่าพระเอกหลู่กั๋วกงไม่เคยละเว้นผู้ใด เหตุใดจู่ๆถึงได้ละเว้นนางเล่า!’
หลู่อวี้โจวกำมือเข้าหากันแน่น ข่มอารมณ์โทสะในใจเอาไว้ ที่เขาไม่ทำเช่นนั้นเป็นเพราะเห็นแก่เจ้าก้อนแป้งฝาแฝดทั้งสองคนมากกว่า หากเขาลงมือสังหารนางไป โตขึ้นมาเมื่อเจ้าก้อนกลมทั้งสองคนรู้ความจริงว่าเขาคือคนสังหารมารดาของพวกเขาคงจะเกลียดชังคนเป็นพ่ออย่างแน่นอน ซึ่งเขานั้นทนไม่ได้เป็นอันขาด
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รักใคร่ในตัวของหยางเสี่ยวเหมย ทว่าลูกๆทั้งสองคนต่างเป็นแก้วตาดวงใจ หากต้องเห็นหลู่โจวหลินและหลู่ฟู่หลินมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาจะทนได้อย่างไรกัน
“พาฮูหยินกลับไปที่เรือนเล็ก หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามให้นางออกมาได้เป็นอันขาด!” ออกคำสั่งเสียงเข้มพลางก้าวฉั่บๆเดินจากไป ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา
“กลับมาฆ่าฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อันอันผวาทำท่าจะก้าวเดินตาม หากแต่ทหารต่างกรูกันเข้ามาจับนางเอาไว้ ร่างบางถูกยกขึ้นสูงจนเท้าไม่ติดพื้นและถูกหิ้วปีกกลับไปที่เรือนเล็ก
“สังหารข้าาาาา!” โดยมีเสียงร้องโวยวายของนางที่ดังขึ้นไปตลอดทางรวมไปถึงจินหนิงที่สาวเท้าวิ่งตามเจ้านายสาวไปอย่างติดๆ
