บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 จะรอดหรือจะร่วง

“ที่ข้ามาร้านน้ำชาหลี่เซวียนในวันนี้เพราะนัดกับฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเริ่นเอาไว้เพื่อพูดคุยถึงเรื่องการหมั้นหมายของข้ากับเริ่นกั๋วกง” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น ยกชื่อของเริ่นซิงหลงขึ้นมาอ้างหมายจะใช้มันทำให้หวางเฉินซีปวดใจ

ทว่าหวางเฉินซีกลับหันมองซ้ายทีขวาที ท่าทางของนางทำให้หวางฝูหรงสับสนไม่น้อย

“เจ้ามองหาผู้ใดกัน”

“ข้ากำลังมองว่าท่านกำลังบอกใครอยู่ เพราะข้าเองก็ไม่ได้ถาม นึกว่าท่านไม่ได้คุยกับข้า”

“นี่เจ้า!” หวางฝูหรงขึงตาใส่คนตรงหน้า หากยามนี้อยู่ที่จวนสกุลหวาง นางคงไม่ลังเลที่จะตบสั่งสอนคนปากดีไปแล้ว!

“คุณหนูฝูหรงโกรธหรือ ไม่เป็นไรนะ ข้าอภัยให้ ขอตัวก่อนก็แล้วกัน ไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระ” หวางเฉินซีเบ้ปากใส่หวางฝูหรง จากนั้นจึงสะบัดหน้าเดินจากไป ปล่อยให้หวางฝูหรงมองตามไปด้วยความตกใจ ไม่นึกว่าหวาวเฉินซีจะเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเช่นนี้

“นางเอาความกล้ามาจากไหนกัน” หวางฝูหรงพึมพำด้วยความสงสัย รู้สึกเจ็บใจไม่น้อย เดิมทีตั้งใจจะมาหาเรื่องให้หวางเฉินซีเจ็บใจเล่น แต่กลับเป็นนางที่โดนหวางเฉินซีเล่นงานเสียเอง

หวางเฉินซีและซ่าวจิ่นเดินออกมาถึงหน้าตลาด ซ่าวจิ่นจึงเดินออกไปเรียกรถม้ารับจ้าง ระหว่างที่กำลังรอซ่าวจิ่นกลับมา ในตอนนั้นเองอาชาตัวใหญ่สีดำสนิทก็พุ่งตรงเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว

“กรี๊ดดดด!” เสียงใสกรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ นึกว่าจะโดนอาชาตัวใหญ่เหยียบเข้าให้แล้ว เปลือกตาบางปิดลงทันใดพร้อมๆกับร่างบางที่ลอยหวือขึ้นกลางอากาศ

'เหตุใดถึงไม่รู้สึกเจ็บ’ หญิงสาวครุ่นคิดในใจ ก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นจึงได้เห็นว่ายามนี้นางกำลังนั่งบนหลังอาชาสีดำ โดยมีมือใหญ่ของใครบางคนจับบังเหียนม้าเอาไว้เพื่อบังคับ

หวางเฉินซีหันหน้ากลับไปมองคนที่นั่งอยู่ทางด้านหลัง เมื่อนั้นนางตะลึงจนตาค้าง ริมฝีปากสั่นระริกยามที่เรียกขานชื่อของเขา

“ท่านแม่ทัพหลางจิ้นถง”

“ใช่ ข้าเอง ไอ้ลูกเต่าที่เจ้าเคยด่า” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเหี้ยม มองคนในอ้อมแขนดวงตาวาวโรจน์ขึ้นมาอย่างน่ากลัว

“ท่านจะพาข้าไปไหน”

“ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า” หลางจิ้นถงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาอยากคุยกับนางเรื่องที่หลิวฮองเฮาพยายามจับคู่ให้เขาและนาง ไม่รู้ว่าหวางเฉินซีจะรู้เรื่องนี้มาก่อนหรือไม่ บางทีนางอาจจะรู้และตั้งใจให้ฮองเฮาจับคู่ให้เพราะต้องการแต่งเข้าตระกูลสูงศักดิ์ก็เป็นได้ นางคงจะเป็นคนรักความสบายเหมือนกับสตรีคนอื่นๆกระมัง

“หยุดม้าคุยกันดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องลักพาตัวกันเช่นนี้เลย” หญิงสาวบ่นออกมาเสียงเบา แต่เมื่อเห็นดวงตาคมกริบของเขาจึงรีบเงียบเสียงลงไปทันที

ดวงตาคู่งามกวาดมองบรรยากาศโดยรอบ ยามนี้เขาควบม้าพานางมาหยุดอยู่ถนนลูกรังนอกเมืองหลวง สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไผ่ดูน่ากลัว เขาจะคุยเรื่องอะไรกับนางกันนะ หรือว่าคิดที่จะลวงนางมาสังหารกันแน่

หญิงสาวหวาดกลัวจนน้ำตาคลอเมื่อเขาหยุดม้าลง หลางจิ้นถงส่งสายตามองคนในอ้อมแขนเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของนางจึงยิ้มออกมาบางๆด้วยความสะใจ หากแต่ยังไม่ทันจะได้เอื้อนเอ่ยวาจาใดพลันมีลูกเกาทัณฑ์ห่าใหญ่พวยพุ่งตรงเข้ามาหาทั้งสองร่างเสียก่อน กลุ่มชายชุดดำราวห้าหกคนกระโดดไปมาอยู่บนต้นไม้สาดอาวุธใส่หลางจิ้นถงและหวางเฉินซีอย่างอุกอาจ!

“บัดซบเอ๊ย!”

“ท่านแม่ทัพรีบหนีเร็วๆสิเจ้าคะ” หวางเฉินซีก้มศีรษะลงเพื่อลบคมอาวุธ จนแทบจะแนบไปกับแผงคอม้าอยู่รอมร่อ

“ก็กำลังหนีอยู่นี่ไง” ชายหนุ่มตอบเสียงห้าว ยามนี้เขาตอบโต้พวกคนร้ายได้อย่างไม่ถนัดนักเพราะมีหวางเฉินซีอยู่ด้วย เกรงว่านางจะได้รับอันตราย หาไม่คงควบม้ากลับไปสังหารศัตรูพวกนั้นแล้ว เขาไม่ได้เป็นห่วงนางหรอก แต่เกรงว่าหลิวฮองเฮาจะทรงกริ้วหากนางเป็นอะไรไปต่างหาก

“เจ้าคือตัวภาระสำหรับข้าจริงๆ!” หลางจิ้นถงเอ่ยด้วยความหงุดหงิด

หวางเฉินซีได้ยินคำกล่าวหาจากเขาเต็มสองหู ถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่กระนั้นก็ยังผินหน้ากลับไปเถียงเขาอย่างไม่ยอม

“ท่านว่าข้าได้อย่างไรกัน ในเมื่อท่านเองต่างหากที่เป็นคนลักพาตัวข้ามา ทั้งๆที่ข้าอยู่ดีๆของข้าแท้ๆ เป็นไงล่ะครานี้จะรอดหรือไม่ก็ไม่รู้” ประโยคสุดท้ายนางกล่าวเสียงสั่น อุตส่าห์ได้ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย หนีออกจากจวนที่เต็มไปด้วยคนใจร้ายมาได้สำเร็จ แต่สุดท้ายชีวิตก็ต้องมาแขวนอยู่บนเส้นด้ายร่วมกับคนปากเสียอย่างหลางจิ้นถง

ช่างน่าอนาจใจจริงๆ!

วาจาของนางทำให้หลางจิ้นถงถึงกับเถียงไม่ออก เมื่อความจริงเขาเป็นคนพาตัวนางมาจริงๆ

“จริงด้วย! ท่านเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ผู้ติดตามของท่านหายไปไหนหมดล่ะเจ้าคะ ตามพวกเขามาช่วยเร็วๆสิ”

“ข้าไม่ชอบให้มีผู้ใดติดตาม”

‘โอยยย อยากจะบ้า!' หวางเฉินซีบ่นอุบในใจ จะรอดหรือจะร่วงนั้นไม่อาจคาดเดาได้เลย

ฉั่บ! ลูกเกาทัณฑ์แล่นเฉียดผ่านศีรษะของหวางเฉินซีไปอย่างหวุดหวิด

“กรี๊ดดดดด!” หญิงสาวกรีดร้องเสียงดังด้วยความหวาดกลัวจนแทบจะสิ้นสติ หากไม่ได้หลางจิ้นถงดึงนางออก ป่านนี้เกาทัณฑ์ลูกนั้นคงปักเข้ากลางหน้าผากของนางไปแล้ว

“ฟู่ววว นึกว่าจะไม่รอดแล้ว” ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆด้วยความโล่งใจ หากแต่จู่ๆก็รู้สึกได้ถึงความเหนียวหนืดของอะไรบางอย่างที่หยดแหมะลงบนหน้าตัก เมื่อหันไปมองจึงพบว่ามันเป็นโลหิตของหลางจิ้นถงนั่นเอง

“ท่านแม่ทัพบาดเจ็บหรือเจ้าคะ”

“อืม” เขาตอบนางในลำคอ ทว่าใบหน้าหล่อเหลายังคงเฉยเมย ชายหนุ่มควบม้ามาหยุดอยู่ที่หน้าผาสูงชัน เมื่อหมดทางที่จะไปต่อ เบื้องหน้าคือทะเลสาบขนาดใหญ่ เขากระโดดลงจากหลังม้าโดยไม่ลืมที่จะดึงคนตัวเล็กลงมาด้วยกัน มือหนาตบลงบนสะโพกของอาชาสีดำเบาๆสองสามหน จากนั้นมันจึงวิ่งจากไปด้วยความรวดเร็ว

“ท่านแม่ทัพไล่ม้าไปทำไมเจ้าคะ หากทำเช่นนี้เราจะหนีได้อย่างไรกัน” หวางเฉินซีอ้าปากค้างมองตามก้นกลมๆของเจ้าอาชาสีดำที่วิ่งจากไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นสายตาของคนตัวโตที่ทอดมองไปยังหน้าผาสูงชัน ทำให้นางเริ่มเข้าใจความคิดของเขา

“ท่านแม่ทัพหนีไปเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะหาทางหนีทางอื่นเอง” กล่าวจบ ร่างบางก็สาวเท้าทำท่าจะเดินจากไป หากแต่พวกคนร้ายตามมาถึงด้วยความรวดเร็ว พวกมันล้อมเขาและนางเอาไว้พลางเล็งเกาทัณฑ์มาหา

ฉั่บ!

ลูกเกาทัณฑ์ถูกปล่อยออกมา มันแล่นฉิวไปตามสายลมหมายจะสังหารหลางจิ้นถงและหวางเฉินซี ทว่าไวเท่าความคิด ชายหนุ่มก็รีบวิ่งมาคว้าคนตัวเล็กเอาไว้และกระโดดลงจากหน้าผาไปด้วยกัน โดยที่นางยังไม่ทันได้ตั้งตัว

หมั่บ! ตูม!

หวางเฉินซียังไม่ทันได้กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ทั้งสองร่างก็ตกลงไปในน้ำด้วยความเร็วในชั่วพริบตา สายน้ำแตกกระจายเป็นวงกว้างพร้อมๆกับลูกเกาทัณฑ์นับสิบๆลูกที่พุ่งลงไปในสายน้ำหมายจะสังหารคนทั้งสองอย่างไม่ออมมือ

หลางจิ้นถงรอจนกระทั่งพวกมันหยุดยิงลูกเกาทัณฑ์จึงพาร่างบางที่อ่อนปวกเปียกขึ้นจากน้ำ พบว่ายามนี้หวางเฉินซีหมดสติไปแล้ว แต่เมื่อพบว่านางยังมีลมหายใจ เขาจึงถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างโล่งอก

“แค่กๆๆๆ” ชั่วขณะนั้นเอง เปลือกตาบางที่ปิดสนิทในตอนแรกก็เปิดขึ้นทันที หญิงสาวไอโขลกสำลักน้ำออกมายกใหญ่ แต่เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของหลางจิ้นถงจึงได้รู้ว่านางยังไม่ตาย!

“ขอบคุณสวรรค์ที่ช่วยข้าไว้”

หลางจิ้นถงได้ยินเช่นนั้นจึงเปล่งเสียงหัวเราะหึๆออกมาด้วยความสมเพช คนที่ช่วยนางคือเขาต่างหาก หาใช่สวรรค์อะไรอย่างที่นางบอก

“ลุกขึ้นได้แล้ว จะได้รีบไปจากที่นี่เสียที ก่อนที่พวกมันจะตามลงมาเจอเข้า” ชายหนุ่มแหงนหน้ามองไปยังหน้าผาพบว่าคนร้ายได้หายไปจากตรงนั้นแล้ว เขาคิดว่าพวกมันต้องตามมาดูเพื่อให้แน่ใจว่าเขาและหวางเฉินซีสิ้นชีพไปแล้วจริงๆหรือไม่

“ท่านแม่ทัพรู้ทางออกจากป่านี่ใช่หรือไม่เจ้าคะ” หญิงสาวเอียงคอถามด้วยความสงสัย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายศีรษะไปมาเบาๆ

“ไม่รู้”

นางร้องอ้าวออกมาเสียงดัง พลางส่ายศีรษะไปมาด้วยความเอือมระอา

“อย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น หากเก่งนักก็หาทางออกจากป่านี้เองก็แล้วกัน” พูดจบเขาก็หยัดกายลุกขึ้นก้าวเดินตรงเข้าไปในป่า หวางเฉินซีหันมองซ้ายขวา พบว่ายามนี้ดวงอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว นางไม่มีความรู้เรื่องการเอาตัวรอดในป่าเสียด้วย หากไม่โดนพวกคนร้ายสังหารก็อาจโดนสัตว์ป่าดุร้ายคาบไปกินแทน เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงวิ่งตามร่างสูงไปอย่างติดๆ

“โธ่เอ๊ย ท่านแม่ทัพอย่างอนไปสิเจ้าคะ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นเสียหน่อย นับตั้งแต่ที่ข้าเกิดมา ท่านแม่ทัพหลางจิ้นถงน่ะเป็นคนที่เก่งกาจที่สุดแล้ว ไม่มีผู้ใดเทียบได้เลยสักคน” กล่าวอย่างเอาใจ หวังจะให้เขาเมตตา ทว่าหลางจิ้นถงกลับตวัดสายตาดุดันมองนางแทน

“อย่าพูดมาก ข้าไม่มีสมาธิ”

หวางเฉินซีเบ้ปากเมื่อเขาหันหน้ากลับไปด้วยความหมั่นไส้ เป็นเพราะตอนนี้นางต้องพึ่งพาเขาเฉยๆหรอกนะ หาไม่คงเปิดปากเถียงไปแล้ว คนอะไรไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย ชีวิตเคร่งเครียดจริงจังอะไรปานนั้นพ่อคุณ! หญิงสาวบ่นคนตัวโตในใจ แต่เหมือนเขาจะรู้ว่ากำลังโดนนางบ่น ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อย หันมาสบตากับนางอย่างเอาเรื่อง หวางเฉินซีจึงแกล้งมองเขาตาใสส่งยิ้มหวานกลับคืนไปให้ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel