บทที่ 6 โดนคนชั่วข่มขู่
ดวงหน้างามดุจหยกบูดบึ้ง หวางเฉินซีถอนหายใจออกมาแรงๆหนหนึ่ง ก่อนจะบุ้ยหน้าไปยังตู้เสื้อผ้าไม้หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง
“สมุนไพรหยุดโลหิตอยู่ในนั้น”
หลางจิ้นถงหันไปมองตามสายตาของนาง แต่ไม่ลืมที่จะหันกลับมาข่มขู่นางอีกหน
“หากโกหกข้าจะตัดลิ้นเจ้า”
ในตอนที่ชายหนุ่มหันหลังให้ หวางเฉินซีจึงเบ้ปากตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยความหมั่นไส้ ประตูตู้เสื้อผ้าไม้เปิดออกทำให้ได้เห็นหีบใส่ของใบหนึ่งวางอยู่ หลางจิ้นถงเปิดมันออกอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสิ่งของที่ตามหาจึงแย้มมุมปากยิ้มเล็กน้อย
“มีเท่านี้เองหรือ”
“ใช่” หวางเฉินซีกระชากเสียงตอบ แต่ทว่าเห็นสายตาดุดันที่มองมา นางจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ยามนี้ข้ามีเท่านี้แหละ แต่ถ้าหากท่านต้องการมากกว่านี้ ข้าจะพยายามหามาให้”
ดวงตาคมกริบหรี่ลงทันที ร่างสูงเยื้องกรายเข้ามาหา ก่อนจะหยิบกริชเงินออกมาใช้ปลายแหลมของมันไล้ไปตามกรอบหน้าเรียวสวย หวางเฉินซีรู้สึกหวาดกลัวจนริมฝีปากสั่นระริก มองตามปลายแหลมที่สะท้อนแสงไฟจากตะเกียงวาววับบนใบหน้าของตนด้วยความหวาดเสียว
“ต้องใช้เวลากี่วัน”
“สิบห้าวัน”
ชายหนุ่มชะงักมือหนาไปเล็กน้อย ก่อนจะยื่นกริชเงินไปที่ดวงตาของนาง
“ข้าจะควักลูกตาข้างไหนของเจ้าออกก่อนดี”
“สะ สิบวันก็ได้” กล่าวเสียงสั่นมองปลายแหลมของกริชเงินที่ยื่นเข้ามาใกล้ดวงตาด้วยความกลัวสุดขีด
“ข้างขวาก่อนก็แล้วกัน”
“เจ็ดวัน! ข้าขอเวลาเจ็ดวัน!” หญิงสาวรีบร้องออกมาเสียงดัง ก่อนที่เขาจะควักลูกตาของนางออกมาจริงๆ นางต้องรีบเอาตัวรอด จากที่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มา สมุนไพรหยุดโลหิตที่มารดาของหวางเฉินซีคิดค้นขึ้นมาสามารถปลูกให้โตได้ภายในเวลาไม่เกินเจ็ดวันหากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด
ดูเหมือนว่าคำตอบของนางจะทำให้คนตัวโตพึงพอใจแล้ว หลางจิ้นถงยอมถอยปลายแหลมของกริชเงินออกมาและเก็บมันไว้ที่ข้างเอวเช่นเดิม
“ดีมาก เด็กดีของข้า” มือใหญ่วางลงบนศีรษะของนางพลางลูบไปมาเบาๆราวกับเอ็นดูเสียเต็มประดา ต่างจากหวางเฉินซีที่กำลังแอบด่าเขาอยู่ในใจ
‘ไอ้ลูกเต่านิสัยเสีย เด็กดีของข้าอะไรกัน เมื่อครู่นี้ยังบอกว่าจะควักลูกตาของข้าออกมาอยู่เลย'
“อีกเจ็ดวันข้าจะมาพบเจ้าอีกครั้ง” เขาส่งยิ้มให้นางบางๆ ทว่าสำหรับคนมองแล้วคิดว่ารอยยิ้มของเขาช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก หญิงสาวมองตามแผ่นหลังกว้างที่ปีนหายขึ้นไปบนหลังคา สายลมที่พัดผ่านช่องว่างบนหลังคาหายไปด้วย คงเป็นเพราะเขาปิดหลังคาของนางคืนให้แล้วกระมัง
“อ้าว เดี๋ยวสิ! ท่านกลับมาปล่อยข้าก่อน” หญิงสาวดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ แต่คนที่จากไปไม่คิดที่จะหวนคืนกลับมา หวางเฉินซีจำต้องร้องเรียกซูเยว่กับซ่าวจิ่นเสียงดัง ทันทีที่ได้ยินเสียงเจ้านาย พวกนางรีบวิ่งมาที่หอนอนของหวางเฉินซีด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่จะหันมาสบตากันปริบๆด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเจ้านายถูกห่อด้วยผ้าห่มผืนใหญ่ราวกับแผ่นเกี๊ยวก็มิปาน
เวลาล่วงเลยผ่านเข้าไปในวันที่สาม นับตั้งแต่วันที่ทหารปลายแถวของหลางจิ้นถงมาเยือน หวางเฉินซีก็ไม่เป็นอันทำอะไร ในทุกๆวันนางจะคอยนั่งจ้องบริเวณที่ปลูกสมุนไพรหยุดโลหิตเพื่อรอคอยให้มันเติบโตขึ้น วันนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวตื่นตั้งแต่เช้าหลังจากรับประทานอาหารเช้าอย่างง่ายๆเสร็จก็รีบตรงดิ่งมายังสวนปลูกสมุนไพรหยุดโลหิตของตนทันที ทว่าในตอนที่มาถึง นางแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่ายามนี้สมุนไพรของนางยื่นออกมาจากใต้ดินขึ้นมาให้เห็นบ้างแล้ว
“รีบๆโตนะลูกแม่ ก่อนที่แม่จะโดนไอ้ลูกเต่าควักลูกตา”
“คุณหนูเจ้าคะ!”
เสียงของซูเยว่ที่ดังขึ้นขัดจังหวะทำให้หวางเฉินซีต้องหันไปมอง แลเห็นสาวใช้คนสนิทกำลังวิ่งกระหืดกระหอบตรงเข้ามาหา
“มีอะไรหรือซูเยว่” หวางเฉินซีขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ
“เริ่นกั๋วกงเจ้าค่ะ เริ่นกั๋วกงมาขอพบคุณหนู ยามนี้รออยู่หน้าประตูทางเข้าเจ้าค่ะ” สาวใช้วัยกำดัดเอ่ยเสียงสั่น หลังจบประโยคก็สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ หวางเฉินซีได้ยินชื่อของใครบางคนจึงนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นจึงหยัดกายลุกขึ้นเดินไปยังประตู
หน้าประตูรั้วที่ทำจากไม้เตี้ยๆเผยให้เห็นร่างสูงของเริ่นซิงหลงยืนอยู่ ข้างหลังมีอาชาสองตัวและเลี่ยงฉินยืนอยู่ด้วยเช่นกัน ทันทีที่เห็นร่างบางของหวางเฉินซีเดินเข้ามา เลี่ยงฉินก็จับสายจูงม้าพาเดินออกไปยืนกินหญ้าอยู่อีกฟากหนึ่งอย่างรู้งาน
ปากหยักของเริ่นซิงหลงเผยออกจากกัน ยามเห็นคนที่รอคอยกำลังตรงเข้ามาหา ต่างจากหวางเฉินซีที่มองเขาด้วยแววตาที่เฉยชา ซึ่งมันทำให้คนมองรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจยิ่งนัก
“กั๋วกงมีธุระอะไรกับข้าหรือเจ้าคะ” ถามขึ้น ทว่าไม่ยอมเปิดประตูให้เขาเข้ามา
“ซีซี…” ชายหนุ่มขานชื่อของนางเสียงแผ่ว แววตาของเขาที่ทอดมองมาเต็มไปด้วยความคิดถึงห่วงหา แต่หวางเฉินซีกลับยืนนิ่งไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใด เริ่นซิงหลงถอนสายตาออกจากดวงหน้างามเล็กน้อย จากนั้นจึงกล้ำกลืนความเจ็บปวดลงไปในข้างใน ก่อนจะเงยหน้าประสานสายตากับนางพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ท่านแม่ของข้าต้องการให้ข้าหมั้นหมายกับหวางฝูหรงพี่สาวของเจ้า”
“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ”
หวางเฉินซีตอบกลับโดยไม่ต้องหยุดคิด เริ่นซิงหลงชะงักกับคำตอบของนาง ดูเหมือนว่านางไม่เหลือเยื่อใยให้เขาแล้ว
“ข้ามาที่นี่เพราะอยากจะมาถามว่าเจ้าต้องการให้ข้ากับหวางฝูหรงหมั้นหมายกันหรือไม่”
คิ้วเรียวของหวางเฉินซีขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น เขาจะมาถามนางทำไมกัน นางกับเขาไม่มีสิ่งใดข้องเกี่ยวกันอีกต่อไปแล้ว
“เรื่องนั้นกั๋วกงตัดสินใจเองเถอะเจ้าค่ะ ข้ากับท่านไม่ได้มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกันแล้ว ข้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนผู้ใดหรอก”
“บางทีหากเจ้ายอมกลับไปกับข้า ข้าจะขอร้องให้ท่านแม่ให้อภัยเจ้า ท่านแม่อาจเห็นใจในความรักของเราสองคนก็ได้” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเว้าวอนจนหวางเฉินซีรู้สึกได้ หากแต่นางกลับแค่นเสียงหัวเราะออกมาในลำคอ ในใจเต็มไปด้วยความเดือดดาล
“จนป่านนี้แล้วท่านยังคิดว่าข้าเป็นคนทำร้ายฮูหยินผู้เฒ่าอีกหรือ ในเมื่อข้าบอกท่านแล้วว่าข้าไม่ได้ทำร้ายนาง แต่ท่านกลับไม่เชื่อข้า เช่นนั้นท่านก็กลับไปเสียเถิด ข้าไม่มีเรื่องใดจะคุยกับท่านอีกแล้ว”
“ซีซี!” เริ่นซิงหลงขานเรียกชื่อของนาง ทว่าหวางเฉินวีกลับไม่สนใจ นางก้าวฉั่บๆกลับเข้าไปในเรือนโดยไม่สนใจคนตัวโตอีกเลย นางไม่อยากข้องเกี่ยวกับบุรุษหูเบาอย่างเริ่นกั๋วกงอีกต่อไปแล้ว!
เริ่นซิงหลงยืนอยู่หน้าประตูรั้วของเรือนไม้หลังเล็กราวสองเค่อ เมื่อเห็นว่าหวางเฉินซีคงไม่ยอมออกมาพบเขาแล้วจริงๆ เขาจึงตัดใจควบม้ากลับจวนสกุลเริ่น
บ่ายวันนั้นหวางเฉินซีและซ่าวจิ่นเดินทางไปที่ตลาดเพื่อที่จะไปซื้อเมล็ดพันธุ์ดอกไม้มาปลูกเพิ่ม ทว่าระหว่างที่กำลังเลือกซื้อสินค้าอยู่นั้น ก็มีสตรีผู้หนึ่งเดินตรงเข้ามาหาพวกนางทั้งสองคน
“แม่นางหวาง”
หวางเฉินซีหมุนกายหันไปสบตากับเจ้าของเสียงเรียกด้วยความแปลกใจ รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาสตรีผู้นี้ราวกับเคยพบที่ไหนมาก่อน ทว่ากลับจำไม่ได้เท่าใดนัก
“ข้าคือสาวใช้ของหลิวฮอง... เอ่อ หลิวฮูหยิน”
ได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวจึงร้องอ้อขึ้นมาเบาๆ
“ฮูหยินของข้าต้องการพบท่าน ยามนี้ฮูหยินรอท่านอยู่ที่ร้านน้ำชา”
หวางเฉินซีหันไปสบตากับซ่าวจิ่นเล็กน้อย เห็นนางพยักหน้าให้จึงตัดสินใจตอบรับคำเชิญของหลิวฮูหยิน สาวใช้ของหลิวฮูหยินพาหญิงสาวทั้งสองคนเดินมาถึงร้านน้ำชาที่ตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของตลาด ร้านน้ำชาร้านนี้เป็นร้านที่มีชื่อเสียงที่ดังที่สุดของแคว้นหลิง และเป็นที่นิยมในหมู่พวกขุนนางชั้นสูงหรือคหบดีที่ร่ำรวย เพราะมีราคาแพงหูฉี่เกินกว่าที่ชาวบ้านธรรมดาจะเอื้อมถึง อีกทั้งยังใช่ว่าอยากกินแล้วจะได้กินโดยง่าย เพราะจะต้องจองล่วงหน้าเสียก่อน
ร้านน้ำชาหลี่เซวียนนอกจากจะเปิดเป็นร้านน้ำชาแล้วยังมีอาหารมากมายให้สามารถสั่งได้ อาหารขึ้นชื่อของที่นี่คือเป็ดพะโล้ตุ๋นโสม และขาหมูอบสมุนไพร ในตอนที่อ่านนิยายเรื่องนี้ นางเคยนึกอยากมาเยือนที่ร้านน้ำชาหลี่เซวียนสักหน ไม่นึกไม่ฝันว่าวันนี้จะได้มาจริงๆ เป็นโชคดีของนางยิ่งนัก
หวางเฉินซีและซ่าวจิ่นเดินตามสาวใช้ของหลิวฮูหยินมาถึงชั้นสามของร้าน พบว่าชั้นนี้แบ่งออกเป็นห้องรับรองหลายห้อง ดูจากการตกแต่งแล้วคงจะแพงไม่น้อยเลยทีเดียว ที่หวางเฉินซีเคยคิดว่าหลิวฮูหยินมาจากตระกูลขุนนางใหญ่คงไม่เกินจริงสินะ
“ฮูหยินรอแม่นางหวางอยู่ข้างในเจ้าค่ะ”
หวางเฉินซีพยักหน้ารับและเดินเข้าไปในประตู เผยให้เห็นสตรีหงส์นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ตัวกลมที่เป็นแบบหมุนได้ เหมือนที่นางเคยเห็นในละครจีนตอนมีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารนานาชนิดแน่นอนว่ามีอาหารขึ้นชื่ออย่างเป็ดพะโล้ตุ๋นโสมและขาหมูอบสมุนไพรด้วยเช่นกัน หากแต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวสนใจมากกว่าอาหาร นั่นคือหลิวฮูหยินไม่ได้นั่งอยู่เพียงคนเดียว แต่มีบุรุษร่างสูงผู้หนึ่งที่กำลังนั่งหันหลังให้นางอยู่ด้วยเช่นกัน
‘ไยถึงได้รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาแผ่นหลังกว้างของคนผู้นี้ยิ่งนัก' หวางเฉินซีคิดด้วยความสงสัย
