บทที่ 7 ต้องทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดู
ขณะที่หน้าประตูห้องหอมีร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ ดวงตาคมทอดมองออกไปเบื้องหน้า ทว่าไม่นานก็หันกลับไปมองยังประตูไม้บานใหญ่เป็นรอบที่เจ็ด แต่กระนั้นก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดออกมาเสียที จางเหวยหลงพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด สุดท้ายทนรอไม่ไหวจึงตัดสินใจก้าวเดินออกไปจากห้องหอ
"ไท่ฝูไม่รอฮูหยินก่อนหรือขอรับ" ขงจิ่งก้าวตามผู้เป็นนายกล่าวถามด้วยความแปลกใจ
"ข้ารอนางมานานพอแล้ว" ชายหนุ่มตวัดเสียงตอบด้วยความไม่พอใจนัก หากนางไม่รู้หน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองก็ช่างศีรษะนางแล้วกัน เขาจะไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว
ตึกๆๆ!
จางเหวยหลงพูดยังไม่ทันจบประโยคดี พลันได้ยินเสียงฝีเท้าคนวิ่งมาจากทางข้างหลัง คนตัวโตหันไปมองตามต้นเสียงจึงได้พบสตรีร่างบางในชุดสีเขียวมะนาวอ่อนกำลังวิ่งตรงเข้ามาหา ยามที่ร่างบางขยับกายเคลื่อนไหว ผมยาวสลวยสีดำราวกับขนกาน้ำของนางปลิวไสวไปตามแรงลม ดวงหน้างามแต้มแต่งด้วยเครื่องประทินโฉมอย่างอ่อนๆอย่างเป็นธรรมชาติ หากเป็นผู้อื่นคงอดที่จะชื่นชมไม่ได้ แต่สำหรับจางเหวยหลงแล้ว เขาได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันแอบตำหนินางอยู่ในใจ
'เป็นสตรีที่ไม่มีความสำรวมใดๆเอาเสียเลย!' หากไม่ติดว่าเป็นสมรสพระราชทาน เขานึกอยากจะหิ้วคอนางไปคืนคนสกุลรั่วยิ่งนัก แต่ทว่าเพราะคำว่าสมรสพระราชทานมันค้ำคอ ถึงแม้ว่าเขาจะมีสิทธิ์เป็นฝ่ายขอหย่าร้างได้ แต่ถ้าหากทำเช่นนั้นในตอนนี้ก็ดูจะใจร้ายกับนางไปเสียหน่อย อีกทั้งชาวเมืองคงจะครหานินทาเอาได้ว่าผ่านพ้นคืนเข้าหอไปแค่วันเดียว คู่แต่งงานก็หย่าร้างกันเสียแล้ว
"ไท่ฝูรอข้าด้วยเจ้าค่ะ!"
"ฮูหยินมาแล้วขอรับ" ขงจิ่งเอ่ยด้วยความดีใจแล้วยังลอบถอนลมหายใจออกมาเบาๆด้วยความโล่งใจ
รั่วเหรินซีวิ่งเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคนตัวโต ก่อนจะก้มลงใช้มือจับเข่าของตัวเองหอบหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ทว่าจางเหวยหลงเพียงแค่ปรายตามองนางเพียงแว้บเดียว จากนั้นเขาก็หันหลังก้าวเดินต่อไป รั่วเหรินซีร้องอ้าวออกมาเบาๆ ยังไม่ทันหายเหนื่อยก็ต้องรีบสับฝีเท้าตามเขาไปอย่างรวดเร็ว
จางเหวยหลงพารั่วเหรินซีเดินไปตามทางเดินที่เชื่อมเรือนหลายหลังเข้าด้วยกัน กระทั่งไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าเรือนบูรพา เมื่อสาวใช้หน้าประตูเห็นเจ้านายมาเยือนก็รีบทำความเคารพ ก่อนที่สาวใช้ผู้หนึ่งจะเอ่ยขึ้นมาว่า
"ฮูหยินผู้เฒ่ารอไท่ฝูกับฮูหยินอยู่ข้างในเจ้าค่ะ"
จางเหวยหลงไม่ตอบอะไรนอกจากผงกศีรษะรับเพียงเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินเข้าไปข้างใน โดยมีรั่วเหรินซีตามไปอย่างติดๆ
ตุ้บ!
"โอ๊ะ!" หญิงสาวร้องอุทานขึ้นมาเบาๆ เมื่อจู่ๆคนข้างหน้าก็หยุดเดินอย่างกะทันหันทำให้นางชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างแรง คนตัวโตไม่ได้สะดุ้งสะเทือนจากแรงชนเมื่อครู่นี้ มีเพียงแค่คนตัวเล็กเท่านั้นที่ผงะไปทางด้านหลังจนเกือบล้มก้นจ้ำเบ้าไปกองอยู่บนพื้นเสียแล้ว
"จะหยุดก็บอกกันหน่อยสิเจ้าคะ" หญิงสาวบ่นอุบอิบ แต่กระนั้นก็ไม่กล้าเอ่ยเสียงดังให้เขาได้ยิน
จางเหวยหลงไม่ได้หันหน้ากลับมา ทว่าวาจาของนางเมื่อครู่นี้เขานั้นได้ยินเต็มสองหู
"ไปพบท่านป้า เจ้าต้องสำรวมกิริยา อย่าทำสิ่งใดให้ท่านป้าไม่พอใจ"
"รับทราบเจ้าค่ะ" รั่วเหรินซีรับคำเสียงเจื้อยแจ้ว ถึงเขาจะไม่บอกนางก็ต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้ว ตอนที่อยู่ต่อหน้าของฮูหยินผู้เฒ่า นางจะทำตัวเรียบร้อย พูดน้อย จะต้องทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูให้ได้!
ทันทีที่ประตูเปิดออกเผยให้เห็นผู้มาเยือน แววตาของหงอี้จิงพลันเปล่งประกายสดใสขึ้นมาทันใด
"หลงเอ๋อร์"
"ท่านป้า" ร่างสูงของจางเหวยหลงเดินเข้าไปหาผู้เป็นป้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เนื้อดีราคาแพง ก่อนที่ผู้เป็นป้าจะอ้าแขนออกกอดหลานชายด้วยความรักใคร่เอ็นดู
ในขณะที่ป้าหลานกำลังทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอยู่ ระหว่างนั้นรั่วเหรินซีก็ลอบสังเกตฮูหยินผู้เฒ่าไปพลาง หงอี้จิงเป็นสตรีอายุราวห้าสิบเศษ ร่างกายของนางอวบอิ่มมีน้ำมีนวล ผิวพรรณกระจ่างใสหมดจด แต่งกายด้วยชุดผ้าไหมเนื้อดีราคาแพง บนศีรษะประดับไปด้วยปิ่นทองห้อยระย้า ทั้งลำคอและสองแขนสวมใส่เครื่องประดับราคาแพงราวกับตู้สมบัติเคลื่อนที่ก็มิปาน รั่วเหรินซีแอบยิ้มออกมาเบาๆ ทว่าเป็นเวลาเดียวกับที่หงอี้จิงผละออกจากอ้อมแขนของหลานชายและหันมาสบตากับนางอย่างพอดิบพอดี
คิ้วเรียวของประมุขจวนสกุลจางขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของหลานสะใภ้ ความสงสัยที่มีถูกถามออกมาในทันใด
"เจ้ายิ้มทำไมกัน" น้ำเสียงสะบัดบ่งบอกถึงความไม่พอใจ กวาดดวงตามองสตรีร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า นึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย นางเคยได้ยินมาว่ารั่วเฉิงเป็นพ่อค้าเจ้าของโรงกลั่นสุราที่ร่ำรวย แต่เหตุใดเครื่องประดับที่รั่วเหรินซีสวมใส่มีเพียงแค่ปิ่นไม้อันเก่าเท่านั้น
"ข้าขออภัยเจ้าค่ะ เมื่อครู่นี้ที่ข้ายิ้มเป็นเพราะยามที่ได้เห็นฮูหยินผู้เฒ่าทำให้ข้าหวนนึกถึงมารดาที่จากไป หากข้าทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่พอใจ ข้าต้องขออภัยจริงๆเจ้าค่ะ" รั่วเหรินซีเอ่ยเสียงสั่น หยดน้ำเม็ดกลมเอ่อคลออยู่ในดวงตา ก่อนจะหันไปหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนบางที่เหน็บอยู่ข้างเอวขึ้นมาซับน้ำตาออก
ท่าทางน่าสงสารของนางทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับพูดไม่ออก ในขณะที่จางเหวยหลงลอบมองหญิงสาวด้วยความแปลกใจระคนสงสัยอยู่หน่อยๆ เมื่อครู่นี้ยังยิ้มหน้าบานระรื่นอยู่เลย อารมณ์เปลี่ยนไปรวดเร็วราวกับสั่งได้ก็มิปาน
"เอาเถิดๆ ข้าไม่ถือสาเจ้าหรอก" ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยด้วยความรำคาญ หากจะหาเรื่องดุด่านางเพียงเพราะนางคิดถึงมารดาที่จากไปก็ดูจะใจร้ายไปเสียหน่อย
รั่วเหรินซีได้ยินเช่นนั้นจึงแย้มยิ้มกว้าง ยกมือขึ้นประกบกันคำนับผู้อาวุโส
"ฮูหยินผู้เฒ่าเปี่ยมไปด้วยความเมตตายิ่งนักเจ้าค่ะ"
จางเหวยหลงมองคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาสลับกับฮูหยินผู้เฒ่าไปมา เขาเห็นผู้เป็นป้ายกยิ้มขึ้นเบาๆที่มุมปาก ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็วจึงลอบถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความโล่งใจ เดิมทีท่านป้าหงอี้จิงตั้งแง่ไม่ชอบรั่วเหรินซีตั้งแต่ยังไม่พบหน้า เขารู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อยว่าหากแต่งนางเข้าเรือนมาจะมีปัญหากับท่านป้าของเขาหรือไม่
รั่วเหรินซีหันไปสบตากับผู้ที่เป็นสามี เขาจึงพยักหน้าให้นาง จากนั้นคนทั้งคู่จึงเดินไปนั่งลงบนตั่งสำหรับนั่งคุกเข่า จากนั้นก็โขกศีรษะคารวะฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ตรงหน้า ก่อนที่รั่วเหรินซีจะหันไปรับของจากหลิวกุ้ยเพื่อมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่าตามธรรมเนียม
หงอี้จิงมองลูกประคำหยกเลี่ยมทองที่วางอยู่บนถาดด้วยสีหน้าที่พึงพอใจเป็นอย่างมาก เพราะของที่รั่วเหรินซีมอบให้ถูกใจนางยิ่งนัก จากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้สาวใช้คนสนิทเพื่อให้เข้ามารับของ
รั่วเหรินซีเดินไปหยุดยืนอย่างสำรวมอยู่ข้างกายของจางเหวยหลง พลางลอบยิ้มบางๆ นางรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าหงอี้จิงเป็นคนชอบทำบุญและสวดมนต์เข้าวัด ก่อนแต่งงานจึงได้สั่งให้หลิวกุ้ยไปหาซื้อลูกประคำมาให้เพื่อมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่าในวันคารวะญาติผู้ใหญ่หลังวันแต่งงาน
"แค่กๆๆ" เสียงไอดังมาจากผู้อาวุโส จางเหวยหลงเห็นผู้เป็นป้าไอจนตัวโยนจึงปรี่เข้าไปถามด้วยความห่วงใย
"ท่านป้าไม่สบายหรือขอรับ" ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่ท่านพ่อกับท่านแม่จากไปตั้งแต่เด็ก เขาก็อยู่กับผู้เป็นป้าเพียงสองคนตามลำพัง ท่านป้าหงอี้จิงเป็นหญิงหม้าย สามีจากไปเมื่อสิบสองปีก่อน แต่กระนั้นนางก็เลี้ยงดูเขามาเป็นอย่างดี
"อากาศเปลี่ยนเลยไม่สบายนิดหน่อย หลงเอ๋อร์ไม่ต้องเป็นห่วงป้าหรอก แค่กๆๆ" พูดจบนางก็ไอออกมาอีกครั้ง
"ซุนช่ายหยิบกระโถนให้ข้าทีสิ" นางหันไปเอ่ยกับสาวใช้คนสนิท ทางด้านรั่วเหรินซีที่ลอบสังเกตเหตุการณ์อย่างเงียบๆอยู่พักใหญ่ ทันทีที่เห็นดังนั้นจึงคิดอยากจะเอาใจฮูหยินผู้เฒ่าให้มากกว่านี้จึงรีบเสนอตัวทันที
"ให้ข้าทำเถิด" หญิงสาวรีบเดินไปหยิบกระโถนที่วางอยู่ข้างเตียง ก่อนจะเดินลิ่วตรงมายังฮูหยินผู้เฒ่าพลางยื่นกระโถนเข้าไปใกล้ มือบางลูบแผ่นหลังของหงอี้จิงไปมาเบาๆ
"บ้วนเสมหะออกมาได้เลยเจ้าค่ะ"
เสียงอุทานด้วยความตกใจของซุนช่ายดังขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่าปัดมือของนางออกทันที รั่วเหรินซีจึงนิ่วหน้าเข้าหากันด้วยความงุนงงปนสงสัย จากนั้นกระโถนในมือของนางก็โดนซุนช่ายแย่งไปอย่างรวดเร็ว
"นี่คือกระโถนสำหรับขับถ่ายเจ้าค่ะ"
'ฉิบหายแล้ว!' หญิงสาวอุทานในใจ รู้ตัวว่าทำพลาดไปอย่างมหันต์ เมื่อครู่นี้นางยกกระโถนขึ้นจ่อหน้าของฮูหยินผู้เฒ่า แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่านั่นคือกระโถนสำหรับใช้ขับถ่ายของเสีย
"ซุนช่ายข้ารู้สึกเวียนหัว" หงอี้จิงยกมือขึ้นกุมศีรษะ หลับตาแน่น จางเหวยหลงเห็นนางอาการไม่สู้ดีนักจึงรีบเข้าประคองพานางไปนอนลงบนเตียงกว้าง ขณะที่ซุนช่ายวิ่งไปหยิบถุงหอมสมุนไพรมาให้ฮูหยินผู้เฒ่าดมเพื่อบรรเทาอาการ
"ให้ตามหมอดีหรือไม่ขอรับ"
"ไม่ต้องหรอก หากป้าได้นอนพักสักหน่อยคงดีขึ้น" ฮูหยินผู้เฒ่าตอบหลานชาย มืออวบกุมมือใหญ่ของเขาเอาไว้หลวมๆ จางเหวยหลงผงกศีรษะรับแต่ยังไม่ลืมหันไปสั่งสาวใช้คนสนิทของนาง
"ซุนช่ายดูแลท่านป้าให้ดี หากอาการไม่ดีขึ้นรีบส่งคนไปบอกข้า"
"เจ้าค่ะไท่ฝู" รับคำเสียงหนักแน่นพลางหยิบพัดไปพัดให้เจ้านายอย่างเอาใจ
ชายหนุ่มจัดแจงห่มผ้าให้ผู้เป็นป้าเสร็จสรรพ จากนั้นจึงเดินออกมาจากห้อง แต่เมื่อหันไปมองไม่เห็นคนตัวเล็กเดินตามออกมา เขาจึงเดินกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง ครั้นเมื่อเห็นนางตั้งท่ากำลังจะเดินเข้าไปหาฮูหยินผู้เฒ่า ความอดทนที่มีก็ขาดสะบั้นลง ขายาวก้าวฉั่บๆตรงเข้าไปหาคนตัวเล็ก ก่อนจะใช้มือจับคอเสื้อของนางขึ้นมา
