บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 คืนเข้าหอแสนหวาน

จางเหวยหลงมองคนที่เดินมาหยุดยืนอยู่เคียงข้าง ในตอนที่คนทั้งสองเงยหน้าขึ้นประสานสายตากัน ทั้งคู่ก็ต้องอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ

"ท่าน!"

"เจ้า!" นิ้วเรียวยกขึ้นชี้บุรุษร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ในขณะที่จางเหวยหลงเบิกตากว้างด้วยความตกใจไม่แพ้กัน

เสียงอุทานดังลั่นของคนทั้งสองทำให้บรรดาแขกเหรื่อในงานส่งสายตาจับจ้องไปยังคู่บ่าวสาว ปากบางของรั่วเหรินซีเผยออ้าค้างออกจากกัน นี่น่ะหรือพระเอกของนิยายเรื่องนี้ แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงแค่บุรุษผู้ลุ่มหลงในกามอารมณ์คนหนึ่ง ภาพในตอนที่เขาเดินออกมาจากเรือนพักของนักพรตหญิงยังติดตารั่วเหรินซีมาจนถึงวันนี้

รับไม่ได้! นางรับไม่ได้จริงๆ!

เที่ยวหอนางโลมยังพอทำใจได้ ทว่าลักลอบมีความสัมพันธ์กับนักพรตหญิง นางไม่อาจทำใจยอมชายผู้นี้ได้หรอก

รั่วเหรินซีใช้มือสองข้างยกชายกระโปรงขึ้นพร้อมหมุนกายหันหลังทำท่าจะวิ่งออกไปที่ประตู หากแต่ว่าคนตัวโตกลับก้าวเข้ามาคว้าคนร่างบางเอาไว้พลางดึงเข้าไปประชิดตัว

"อยากให้ท่านพ่อของเจ้าเดือดร้อนหรือ" สิ้นเสียงเข้มที่กล่าวมานั้น ใบหน้าของท่านพ่อรั่วเฉิงก็ลอยเข้ามาในห้วงของความคิด ราวกับกำลังตอกย้ำความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของนาง

"สมรสพระราชทานถือเป็นพระกระแสรับสั่งของฮ่องเต้ หากผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษประหารถึงเจ็ดชั่วโคตร!" น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมดุดัน แต่กระนั้นมันก็คือความจริงที่คนฟังไม่อาจปฏิเสธได้

"...!"

จางเหวยหลงมองสตรีร่างบางตรงหน้าที่เงียบไปจึงก้มหน้าลงไปใกล้บรรดาแขกเหรื่อที่กำลังส่งสายตามองคู่บ่าวสาวถึงกับพากันเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอายแทนเจ้าสาว เพราะคิดว่าเจ้าบ่าวอดใจไม่ไหวอยากมัดจำเจ้าสาวก่อนเข้าหอ

"อย่าได้คิดหลงตัวเองไป ข้าเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเจ้านักหรอก ที่กำลังทำอยู่นี่ก็ฝืนทำทั้งนั้น"

'กรี๊ดดด! วาจาร้ายกาจมากเหลือเกิน' รั่วเหรินซีได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ นึกอยากใช้เล็บหยิกปากคนปากร้ายยิ่งนัก หากแต่นางรู้ดีว่ายามนี้ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ อีกทั้งยังคิดว่าหากยังฝืนดื้อดึงต่อไปคงจะทำให้ท่านพ่อรั่วเฉิงเดือดร้อนเป็นแน่ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงสะบัดหน้าเดินกลับไปยังแท่นทำพิธี แต่ด้วยความรีบร้อนทำให้เผลอเหยียบชายกระโปรงตัวเองจนเกือบจะล้มหน้าคะมำ ทว่าจางเหวยหลงปรี่เข้ามาดึงคนตัวเล็กเอาไว้เสียก่อน

"อ๊ะ!" รั่วเหรินซีอุทานขึ้นมาเบาๆด้วยความตกใจ ในตอนที่เขาย่อกายอุ้มนางมาไว้ในอ้อมแขนพาเดินไปยังแท่นทำพิธีและวางร่างเล็กลงบนพื้น

รั่วเหรินซีอับอายจนสองแก้มขาวแดงซ่านไม่ต่างไปจากผลมะเขือเทศสุก เมื่อเห็นบรรดาแขกที่มาร่วมงานต่างพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับคู่บ่าวสาว หารู้ไม่ว่าคนที่ควรจะมีความสุขมากที่สุดในวันนี้กลับทำหน้าบูดบึ้งอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีแดง ในใจได้แต่อธิษฐานให้พิธีการอันวุ่นวายต่างๆรีบๆผ่านไปเสียที และในที่สุดช่วงเวลาที่หญิงสาวรอคอยก็มาถึงเมื่อรั่วเหรินซีถูกพาตัวไปรออยู่ที่ห้องหอ

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงฝีเท้าหนักๆดังขึ้นมาตามทางเดิน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องหอ จางเหวยหลงถอนหายใจออกมาแรงๆหนหนึ่ง นึกหงุดหงิดไม่น้อยที่ต้องมาฝืนทำในสิ่งที่ตนไม่ได้ต้องการเช่นนี้ หากจะโทษใครสักคนก็คงต้องโทษคนที่เป็นเจ้าของคำสั่งนี้

'เหวยหลงเจ้าเองอายุก็ไม่น้อยแล้ว เหตุใดถึงยังไม่แต่งงานเล่า' หม่าฮ่องเต้ถามคนร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม สำหรับเขาแล้วจางเหวยหลงเปรียบเสมือนสหายและพี่น้องร่วมอุทร ทั้งชีวิตนี้จางเหวยหลงคือคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด เพราะอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตั้งแต่วัยเยาว์ นิสัยดีร้ายย่อมรู้จักกันจนหมดสิ้นแล้ว

'กระหม่อมไม่อยากวุ่นวาย ชอบอยู่คนเดียวมากกว่าพ่ะย่ะค่ะ'

'หากเจ้าได้มีหญิงงามข้างกาย เจ้าจะรู้ว่ามันคุ้มค่ายิ่งนักหากต้องมีเรื่องปวดหัววุ่นวาย' หม่าฮ่องเต้เปล่งเสียงหัวเราะออกมาในลำคอ จางเหวยหลงไม่ตอบอะไร เพราะรู้ดีว่าไม่ว่าเขาจะเอ่ยอะไรออกไป หม่าฮ่องเต้ก็ต้องสรรหาวิธีมาเกลี้ยกล่อมเขาอยู่ดี

หม่าฮ่องเต้เองก็มีหญิงงามข้างกายตั้งหลายคน นับได้เกือบร้อยชีวิตที่อยู่อาศัยอยู่ในวังหลัง ในแต่ละวันพวกนางต่างแก่งแย่งกันขอมาเข้าเฝ้าปรนนิบัติฮ่องเต้ เพราะหวังอยากเป็นคนโปรดเพื่อตำแหน่งฮองเฮาในอนาคต จางเหวยหลงเห็นเวลาที่พวกนางพยายามเอาชนะพระทัยของหม่าฮ่องเต้แล้วรู้สึกหวาดกลัวมากเหลือเกิน สตรีพวกนั้นร้ายกาจกว่าศัตรูในสนามรบเสียอีก ยิ่งได้เห็นเช่นนี้แล้ว เขายิ่งชอบที่จะอยู่คนเดียวอย่างสงบสุขมากกว่า

'เหวยหลง ไยเจ้าถึงเงียบไป'

'เปล่าพ่ะย่ะค่ะ' สุรเสียงของหม่าฮ่องเต้ทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดได้สติ เขาเงยหน้าขึ้นสบสายพระเนตรคมกริบของหม่าฮ่องเต้

'ช่วยรับเอาเรื่องวุ่นวายไปสักหน่อยเถิด ถึงจะอยากถอนตัวก็คงไม่ทันแล้วล่ะ'

วาจาของหม่าฮ่องเต้ทำให้คิ้วกระบี่ของคนฟังขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม หม่าฮ่องเต้ก็ยกพระหัตถ์เรียกจิ่วกงกงให้เข้ามาข้างใน

ชายวัยกลางคนยกยิ้มขึ้นก่อนจะคลี่ม้วนผ้าไหมในมือออก จากนั้นเขาก็ไล่สายตาอ่านเนื้อความที่ขีดเขียนด้วยปลายพู่กันออกมาด้วยเสียงอันดัง

'รั่วเหรินซีเป็นผู้ที่มีความประพฤติดีงาม กิริยาเรียบร้อย เพียบพร้อมด้วยรูปทรัพย์ ความสามารถโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นต้นแบบให้สตรีในแคว้นเสิ่น จึงพระราชทานสมรสให้รั่วเหรินซีแต่งเป็นฮูหยินใหญ่ในจางไท่ฝู จบพระราชโองการ'

จางเหวยหลงตัวชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ครั้นเมื่อหันไปหาหม่าฮ่องเต้ก็เห็นว่าโอรสสวรรค์กำลังแย้มยิ้มกว้างราวกับกำลังแสดงความยินดีให้กับเขาก็มิปาน

'ข้าได้ยินมาว่าบุตรสาวสกุลรั่วหน้าตางดงามราวกับไซซี หากเจ้าได้พบนาง เจ้าจะขอบคุณข้าที่มอบสมรสพระราชทานครั้งนี้ให้' หม่าฮ่องเต้เปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นพลางตบพระหัตถ์ลงบนไหล่หนาของสหายรักไปด้วย หารู้ไม่ว่าตอนนี้จางเหวยหลงหน้าซีดราวกับไก่ที่โดนต้มจนสุก ให้ไปจับกระบี่ออกรบยังไม่รู้สึกอนาจใจเท่ากับได้ยินว่าหม่าฮ่องเต้ประทานสมรสพระราชทานให้เขาเลย

จางเหวยหลงถอนหายใจออกมาแรงๆเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะตัดสินใจผลักประตูให้เปิดออก ทว่าเขากลับรู้สึกเหมือนว่าบานประตูไม้ชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนได้ยินเสียงดังโป๊ก ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องโอ๊ย!ออกมาเบาๆ

รั่วเหรินซีเจ็บจนน้ำตาคลอ มือบางยกขึ้นกุมศีรษะของตน ในขณะที่อีกข้างก็กุมสะโพกของตนเองป้อยๆ ก่อนจะตวัดสายตามองคนที่เดินเข้ามาใหม่ด้วยความไม่พอใจ

"ไยถึงมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น" เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา เรื่องนี้เขาไม่ผิดเสียหน่อย ก็ใครใช้ให้นางมายืนลับๆล่อๆอยู่ข้างหลังประตูกันล่ะ

"คนสกุลจางเปิดประตูแรงเช่นนี้ทุกคนเลยหรือ สงสัยว่าจะได้เปลี่ยนบานประตูใหม่ทุกสัปดาห์" รั่วเหรินซีกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน จางเหวยหลงเย็นชาไม่ต่างจากน้ำแข็งเหมือนในนิยายว่าไว้ไม่มีผิด เขาแสดงท่าทีเย็นชาเช่นนี้ใส่ทุกคน ยกเว้นกับฟู่เจียหนิงนางเอกของเรื่องเท่านั้น

"เจ้ามายืนทำอะไรที่หลังประตู"

"แอบฟัง เอ๊ย รอท่าน" รั่วเหรินซีรีบเปลี่ยนคำพูด ใครจะยอมบอกความจริงล่ะว่านางได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง ทว่าไม่ยอมเปิดประตูเข้ามาเสียที นางจึงสงสัยว่าเขาทำอะไรอยู่กันแน่จึงไปยืนแนบหูแอบฟังอยู่ที่หลังประตู

ทว่าสิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าของเขา ราวกับหนักใจกับการเข้าหอกับนางเสียเต็มประดา จนรั่วเหรินซีอยากถามว่าได้ภรรยาหน้าตางดงามถึงเพียงนี้ มีเรื่องใดให้น่าหนักใจกัน

"รอข้า?" ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ แต่กระนั้นก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยที่เห็นนางไม่ได้หมางเมินเขาอย่างที่เข้าใจในตอนแรก

ไม่นานสายลมก็พัดมาปะทะดวงหน้างามดุจหยก เมื่อคนตัวโตเดินเข้ามาใกล้และใช้มือตวัดผ้าคลุมหน้าของนางออก รั่วเหรินซีมองคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่เดินจากไป เขากระทำการทุกอย่างด้วยความรวดเร็วจนนางตั้งตัวไม่ทัน ครั้นเมื่อมองเห็นว่าเขากำลังดึงเสื้อคลุมสีแดงตัวนอกออกจากกาย นางจึงรีบสาวเท้าเดินไปยังโต๊ะกลมพลางหยิบป้านสุรามงคลมาถือไว้ในมือ โดยซ่อนมันไว้อยู่ทางด้านหลัง

"จะทำอะไร" ชายหนุ่มผินหน้าหันกลับมาหาคนตัวเล็ก เมื่อเห็นท่าทางลับๆล่อๆของนาง

"ไม่ได้ทำอะไรเจ้าค่ะ แค่ยืนเฉยๆ" แม้จะตอบไปอย่างนั้น แต่มือกลับกำป้านสุราไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

ชายหนุ่มโคลงศีรษะไปมาอย่างระอาก่อนจะก้าวดุ่มๆเข้าไปหา และดึงจอกสุราไปจากมือของนางทันที

"ไม่ต้องหวาดระแวงข้าไปหรอก ข้าไม่เคยคิดเอาเปรียบผู้ใด ไว้เจ้าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยร่วมเตียงกันก็ยังไม่สาย" จางเหวยหลงไม่ได้รีบร้อนกับเรื่องนี้ เพราะคิดว่าทั้งเขาและนางต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel