บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 วันที่รอคอยใกล้เข้ามา

บทที่ 1 วันที่รอคอยใกล้เข้ามา

เสียงเข็มเย็บผ้ากระทบกันเบา ๆ คล้ายจังหวะของหัวใจที่เต้นเรื่อยอย่างไม่เป็นระเบียบนัก มิ่งหุ้ยนั่งอยู่ข้างกองหีบผ้าไหมและกล่องของประณีตที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ตกกระทบบนเนื้อผ้าสีแดงสดจนแวววาวงามราวอัญมณี

นางค่อย ๆ คลี่รายชื่อของสิ่งของที่ต้องเตรียมลงไปอ่านเบา ๆ ตรวจเช็กทีละรายการ ปิ่นทอง ปิ่นหยก ผ้าปูเตียงผืนใหม่ เครื่องหอม น้ำมันนวด ทับทิมห้าคู่ ไข่มุกเจ็ดเม็ด กระจกเงิน …ทั้งหมดเตรียมไว้เพื่อวันที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่

มือเรียวนั้นไล้ปลายพู่กันจรดหมึกขลับลงบนรายชื่อด้วยความตั้งใจ แต่นัยน์ตาของมิ่งหุ้ยกลับเต็มไปด้วยแววอ่อนโยนเปี่ยมฝัน

“อีกเพียงไม่กี่วัน…ข้าก็จะได้แต่งงานกับหลินเฉินเสียที”

เสียงพึมพำแผ่วเบาดังลอดริมฝีปากที่ระบายยิ้มอ่อนหวาน ดวงตาของนางเป็นประกายคล้ายมีแสงดาวส่องสะท้อนอยู่ในนั้น

มิ่งหุ้ยนั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง บนโต๊ะไม้หอมเรียงรายด้วยผ้าแพร หวีหยก และกล่องเครื่องประดับที่เพิ่งถูกนำออกมาจากหีบเตรียมเข้าพิธีแต่ง นางลูบไล้ผ้าปักดิ้นทองที่บรรจงเย็บเองกับมือ พลางยิ้มอย่างมีความสุข

ในดวงใจของหญิงสาวเต็มไปด้วยความคาดหวังและความปลาบปลื้ม นับจากวันหมั้นหมายจนถึงวันนี้ เวลาผ่านไปกว่าห้าปี ห้าปีที่นางอดทน รอคอย และฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ เคียงข้างบุรุษผู้เดียวที่นางรักสุดหัวใจ

แม้จะมีลมหนาว แม้จะมีสายตาไม่เห็นด้วย แม้จะต้องทนทุกข์กับคำพูดเหยียดหยามจากผู้คนบางกลุ่ม แต่นางก็ไม่เคยคิดจะถอย เพราะปลายทางของความอดทนทั้งหมดคือ วันวิวาห์ วันที่นางจะได้ยืนเคียงข้างหลินเฉินในฐานะภรรยา มิใช่แค่คู่หมั้นผู้ไร้ตัวตนของมารดาของเขา

“อีกไม่กี่วัน…ข้าก็จะเป็นภรรยาของเจ้าโดยสมบูรณ์เสียที”

นางกระซิบอีกครั้ง ราวกับต้องการย้ำกับหัวใจตนเองว่า ความสุขที่เฝ้ารอไม่ได้เป็นเพียงความฝัน

ในแววตาของมิ่งหุ้ย…มีทั้งความตื่นเต้น ความสุข และความอบอุ่นใจ

วันนั้นใกล้เข้ามาทุกทีวันที่นางจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ร่วมกับคนที่นางรัก

หลินเฉิน…บุรุษที่นางรักสุดหัวใจ รักอย่างที่ไม่คิดว่าตนเองจะรักใครได้มากมายเพียงนี้

ห้าปีแห่งการหมั้นหมาย ห้าปีแห่งการรอคอยที่เต็มไปด้วยอุปสรรค มารดาของหลินเฉินไม่ชอบนางเอาเสียเลย ไม่เคยรู้ว่าเพราะเหตุใดกันแน่ บางครั้งนางก็อดคิดไม่ได้ว่าอาจเป็นเพราะฐานะของตนที่ต่ำต้อยกว่าบุตรชายขุนนาง หรืออาจเพียงเพราะหรืออาจเพียงเพราะมารดาหลินเฉินหวังให้บุตรชายแต่งกับสตรีในวงตระกูลที่สูงส่งกว่านี้

มิ่งหุ้ยถอนหายใจ บิดานางหรือก็เป็นถึงรองแม่ทัพ มารดาของหลินเฉินยังมองว่าไม่คู่ควรอีกงั้นหรือ

แต่แม้จะมีคำพูดดูแคลนหรือสายตาเย็นชาจากผู้ใหญ่เพียงใด หลินเฉินก็ไม่เคยปล่อยมือนาง เขายืนหยัดมั่นคงต่อความรักครั้งนี้เสมอ ร่วมเผชิญทุกคำดูถูก ทุกการทัดทานกับนาง ไม่เคยลังเล ไม่เคยหวั่นไหว

และในที่สุด…ฤกษ์แต่งงานก็มาถึง

มิ่งหุ้ยหันไปมองเกี้ยวเจ้าสาวที่ตั้งเตรียมไว้ในเรือนข้าง ๆ ม่านสีชมพูอ่อนที่คลุมเกี้ยวนั้นพลิ้วเบา ๆ ยามสายลมพัดผ่าน ราวกับมันเองก็รับรู้ถึงความตื่นเต้นในหัวใจของว่าที่เจ้าสาว

แม่นมหลานเดินเข้ามาพร้อมถาดชาในมือ ก่อนจะวางเบา ๆ ข้างตัวมิ่งหุ้ย

“ดื่มน้ำชาสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูดูเหมือนคิดอะไรอยู่มากมาย”

“ข้ากำลังนับของน่ะ” มิ่งหุ้ยยิ้มบาง หยิบถ้วยชามาจิบเบา ๆ “แม้จะจดไว้ครบถ้วนแล้ว แต่ก็ยังอดย้อนกลับไปดูไม่ได้ กลัวว่าจะลืมสิ่งใดไปบ้าง”

แม่นมหลานหัวเราะเบา ๆ “หากแม้ขาดของสักชิ้นสองชิ้นไป วันแต่งงานก็ยังจะงดงามอยู่ดี คนเขารอชมเจ้าสาวในชุดเจ้าสาวมากกว่าว่าใส่ปิ่นหรือถือกระจก”

มิ่งหุ้ยหัวเราะตาม แต่รอยยิ้มนั้นแฝงความครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ ในแววตา

“แม่นม…ท่านว่า มารดาของหลินเฉินจะมาร่วมพิธีหรือไม่”

น้ำเสียงของมิ่งหุ้ยแผ่วเบาดุจสายลม แต่คำถามนั้นกลับสะเทือนใจราวกับแรงลมกรรโชก กระแทกเข้าเต็มอกคนฟัง

แม่นมหลานชะงักเล็กน้อย ขณะมือที่กำลังจัดผ้าคลุมเจ้าสาวชะงักกลางอากาศ นางสูดลมหายใจเบา ๆ แล้วเอื้อมมาวางมืออย่างอ่อนโยนลงบนหลังมือของมิ่งหุ้ย

“ไม่ว่าฮูหยินหลินจะมาหรือไม่…คุณชายหลินเฉินก็ยังคงรักและยืนหยัดเลือกคุณหนูเสมอมา อีกทั้งในงานสำคัญเช่นนี้ แม้จะอยากหักหน้าเพียงใด นางก็คงต้องเก็บไว้เพื่อรักษาหน้าบุตรชายตนเองบ้าง”

มิ่งหุ้ยพยักหน้าช้า ๆ ดวงตายังทอดมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนเฝ้าคอยคำตอบจากฟากฟ้า

“ข้ารู้…ข้ารู้ดีว่าเขารักข้า”

นางกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่แม้จะดูอบอุ่น แต่ก็แฝงไว้ด้วยร่องรอยของความหวังลึก ๆ ในใจ

“แต่ในวันสำคัญเช่นนี้…ข้าก็อดไม่ได้ที่จะหวัง ว่าสักวันหนึ่ง นางจะมองเห็นข้าในแง่ที่ต่างออกไป และยอมรับตัวตนของข้าบ้าง ไม่ใช่เพียงในนาม แต่ด้วยใจจริง…”

แม่นมหลานบีบมือนางแน่นขึ้นเล็กน้อย เป็นการปลอบประโลมเงียบ ๆ

เสียงลมภายนอกยังคงพัดเอื่อย ลูบไล้ม่านผ้าบางเบาที่ปลิวไหวราวหัวใจของหญิงสาวผู้อ่อนโยน ซึ่งกำลังเฝ้ารอ…ให้ใครบางคนเปิดใจยอมรับนางอย่างแท้จริง

แม่นมหลานเอ่ยเสียงนุ่ม “ยามรักจริงนั้น นานเพียงใดก็ไม่ช้า เหนื่อยเพียงใดก็ไม่ท้อ คุณหนูรอมาได้ถึงวันนี้ ก็ย่อมจะผ่านวันต่อ ๆ ไปได้เช่นกัน”

มิ่งหุ้ยพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะหันกลับไปยังรายชื่อในมืออีกครั้ง

ข้าวของในวันแต่งงานดูมากมายแต่สิ่งที่มีค่ามากที่สุด…คือหัวใจที่ยังมั่นรักไม่เปลี่ยนแปลงของเขา ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีใครยอมรับ ไม่ว่าจะถูกมองเป็นใครหรือถูกตัดสินเช่นไร นางก็ยังเลือกที่จะจับมือหลินเฉิน…และก้าวสู่วันพรุ่งนี้ด้วยกัน

เพราะความรักนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อให้ใครมาอนุญาต แต่เป็นสองเราเพื่อให้สองดวงใจยืนยันในกันและกัน อย่างไม่หวั่นไหว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel