บท
ตั้งค่า

ตอนที่ ๔.๑ กลับสู่ห้วงอดีต

๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๕๐ วันจันทร์ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะแม

“ลุง! มาถีบผมทำไมเนี่ย!?”

ผมผุดขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมกับตะโกนถามด้วยความโมโห ก็มีอย่างที่ไหนล่ะครับยังคุยกันไม่ทันจะรู้เรื่อง แล้วเท่าที่จำได้ผมก็ไม่ได้มีทีท่าหรือว่าพูดจาก้าวร้าวผู้ใหญ่ แล้วลุงจะมาถีบผมตกน้ำทำไมวะ?

ตอนที่ผมถูกถีบลงมาในน้ำนั้นเป็นเวลาโพล้เพล้ ดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า แต่รอบบริเวณบ้านกลิ่นโกมุทยังพอมีแสงสว่างให้มองเห็นตัวบ้านที่เด่นตระหง่านอย่างชัดเจน แต่เพียงเสี้ยวนาทีที่ผมผลุบลงไปใต้ผิวน้ำแล้วโผล่ขึ้นมานั้น บริเวณรอบสระน้ำรวมทั้งบ้านทั้งหลังพลันก็มืดมิดไร้แสงสว่างจนผมอดแปลกใจไม่ได้ และที่สำคัญ ลุงแก่ ๆ ในชุดไทยโบราณคนนั้นก็หายไปแล้วด้วย

“มีคนตกน้ำ ช่วยด้วยจ้า มีคนตกน้ำ”

ผมได้ยินเสียงคนตะโกน เนื้อเสียงแบบนั้นไม่ใช่ยายณีหรือป้าปรางค์ของผมเป็นแน่ แต่ไม่ต้องตื่นเต้นกันหรอกครับ ผมว่ายน้ำเป็น แล้วน้ำในสระก็ตื้น…

“อ้าว ทำไมเท้าไม่ถึงพื้นวะ?”

ผมจำได้ว่าสระบัวแดงในบ้านกลิ่นโกมุทไม่ได้ลึกมากนี่นา มีแค่ช่วงตรงกลางสระโน่นเท่านั้นแหละที่จะมิดหัว แต่หากอยู่ไม่ห่างจากขอบดินตรงนั้น ผมว่าผมน่าจะยืนได้สบาย แต่มันไม่ใช่ครับ ที่ผมลอยคอเอาหัวโผล่ผิวน้ำมาได้ เพราะผมกำลังพยายามลอยตัวอยู่

ระหว่างที่กำลังงง ๆ อยู่ ก็มีผู้ชายร่างสูงใหญ่ผิวออกคล้ำสองคนกระโดดลงมา พวกเขารีบจ้วงแขนว่ายน้ำมาหาผม ก่อนจะช่วยกันลากผมมายังขอบสระ

ผมถูกจัดท่าให้นอนหงายบนพื้นหญ้า กางแขนกางขาออกจากกัน เหมือนถูกเตรียมกู้ชีพยังไงยังงั้น ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้เป็นอะไร ชายสองคนนั้นตามลงมาคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ พวกเขาไม่ได้สวมเสื้อนะครับ กล้ามนี่เป็นมัด ๆ มันแผล็บ ยิ่งตอนนี้มีน้ำเกาะพราวตามตัวก็น่ามองจนผมนี่จ้องไม่วางตาเลยครับ

แต่แล้วหนึ่งในสองคนนั้นก็ยื่นมือมาตบแก้มของผมเบา ๆ ด้วยท่าทางกังวล “เอ็งเป็นเยี่ยงไงบ้างไอ้หนุ่ม แล้วตกลงไปในบึงบัวได้เยี่ยงไร?”

‘ทำไมพี่เขาใช้ภาษาโบราณจังวะ?’

ผมยังไม่ได้ตอบอะไร เพราะกำลังงงอยู่ว่าพวกเขาเป็นใคร แล้วเข้ามาในบ้านกลิ่นโกมุทได้ยังไง

‘หรือว่าจะเป็นขโมยวะ?’

ผมรีบผุดลุกขึ้นมานั่ง ถดสะโพกไปด้านหลังเล็กน้อย แล้วกวาดตามองไปรอบบริเวณ

ไม่ได้มีแค่ผู้ชายสองคนนี้เท่านั้น ยังมีผู้หญิงอีกสองคนที่กำลังยืนชะเง้อมองมาที่ผมอย่างสงสัย ตรงนั้นก็มีผู้ชายอีกคนกำลังแบกอะไรบางอย่างไว้บนบ่า ห่างออกไปอีกหน่อยก็มีผู้หญิงอีกสองคนกำลังเดินมุ่งหน้าเข้าไปในตัวบ้าน และที่สำคัญคือ พวกเขาทุกคนทั้งผู้หญิงผู้ชายแต่งตัวแปลก ๆ แฮะ

‘หรือว่าจะเป็นกองถ่ายละครที่พิพิมมันเคยบอกว่าจะมาถ่ายทำกันแถวนี้? แล้วเข้ามาถ่ายในบ้านกลิ่นโกมุทได้ยังไงวะ? หรือว่าคุณเพียงฝันอนุญาต?’

โอ๊ย! ในหัวผมมีคำถามผุดขึ้นมามากมายเลยครับ แต่ไม่รู้ว่าใครจะให้คำตอบผมได้บ้าง ลุงคนที่ถีบผมก็หายไปไหนก็ไม่รู้ แต่ป้าปรางค์กับยายคงอยู่ในบ้าน

เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็รีบลุกขึ้นมา แล้วใส่เกียร์หมาวิ่งมุ่งหน้าไปทางคฤหาสน์ทันที แต่ทว่าในระหว่างที่ผมวิ่งเข้าไปใกล้ตัวตึกนั้น สายตาของผมก็เริ่มมองเห็นตัวบ้านที่มันต่างไปจากที่ควรจะเป็น มันมีเค้าโครงเดิมอยู่บ้างบางส่วนนั่นแหละ แต่ไม่เหมือนเลยเสียทีเดียว

เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติ เท้าของผมก็ลดความเร็วลงจนมาหยุดอยู่ตรงพุ่มดอกเข็มก่อนถึงตัวบ้าน พร้อมกับผู้ชายสองคนนั้นที่วิ่งตามมาคว้าตัวผมเอาไว้คนละข้าง ในขณะที่เสียงผู้หญิงก็ตะโกนบอกว่าผมเป็นคนบ้าที่จะบุกเข้าไปในเรือนของเจ้านาย

ในวินาทีนั้นสมองของผมก็ประมวลผลอย่างรวดเร็ว ว่าบ้านหลังสีขาวตรงหน้าเป็นส่วนหนึ่งของบ้านกลิ่นโกมุทในปัจจุบันอย่างแน่นอน เพราะมันคือบ้านหลังนั้นเมื่อในอดีต

‘นี่กูย้อนกลับมาในอดีตแล้วเหรอวะ?’

‘แล้วลุงคนนั้นให้กูกลับมาแก้ไขเรื่องอะไร?’

‘แล้วลุง แม่ง เขาหายไปไหน?’

ผมกำลังตกใจ สับสน งงงวย และรู้สึกกลัวจับหัวใจ เพราะลุงชุดไทยคนนั้นไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรผมเลย แค่บอกว่าให้กลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีต อดีตสมัยไหนก็ไม่รู้ แก้ไขเรื่องอะไรก็ไม่บอก และที่สำคัญ ‘กูจะกลับไปปัจจุบันยังไงก๊อนนนน! มาบอกกูก๊อนนน!!!’

“เอะอะอะไรกัน เสียงดังเข้าไปถึงข้างใน”

ระหว่างที่ผมกำลังยื้อยุดอยู่กับผู้ชายสองคนนั้น ก็มีคนคนหนึ่งก้าวออกมาจากตัวบ้าน เขาถามด้วยเสียงดังกังวาน กระแสเสียงนั้นมีทั้งอำนาจ ความเมตตา และความหงุดหงิดรำคาญใจ

“คนบ้าขอรับ มาจากไหนก็มิมีใครเห็น โผล่ขึ้นมาจากบึงบัว แล้วก็วิ่งปรี่จะเข้าไปในเรือนขอรับ” ผู้ชายในโจงกระเบนสีตุ่นขาด ๆ ที่จับท้ายทอยของผมให้ก้มต่ำ รีบรายงานด้วยท่าทางพินอบพิเทา

สงสัยคนมาใหม่นั่นคงเป็นเจ้านาย ขอดูหน้าเสียหน่อยเถอะ เผื่อว่าจะคุยกันรู้เรื่องมากกว่าลูกน้อง ผมจึงใช้จังหวะที่พี่ล่ำข้าง ๆ เผลอ สะบัดตัวออกแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาเป้าหมายใหม่ทันที

“โอ้วไม่”

เพียงแค่ผมเงยหน้าขึ้นไปเท่านั้น เนื้อตัวของผมก็ชาวูบ เท้าที่ตั้งใจจะก้าวไปข้างหน้า จู่ ๆ ก็ก้าวขาไม่ออกเสียอย่างนั้น เพราะผมจดจำใบหน้าของผู้ชายคนนั้นได้เป็นอย่างดี… ผู้ชายในภาพวาด!

“คุณ!”

ในขณะที่ผมกำลังตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างอย่างคนที่กำลังประสบกับเรื่องราวไม่คาดฝัน ชายตรงหน้านั้นก็ดูเหมือนจะมีอาการไม่ต่างจากผมเท่าไรนัก เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร

เขาทำเพียงจ้องมองผมไม่วางตา ถ้าพบกันในช่วงเวลาปกติในยุคปัจจุบัน ผมคงเข้าข้างตัวเองว่าชายตรงหน้ากำลังประทับใจในเฟิร์สอิมเพรสชันระหว่างผมกับเขา แต่ทว่านี่มันในอดีตนะ ยุคไหนก็ไม่รู้ ไอ้สายตาแบบนั้นน่ะ จะจับกูไปเฆี่ยนหรือเปล่าวะ?

“ไอ้หนุ่มนี่แต่งกายประหลาดนักขอรับ หน้าตาผิวพรรณก็ต่างจากทาสจากไพร่ ไว้ผมก็ทรงพิลึก แล้วยังสีทองอย่างกับพวกฝรั่ง หรือว่ามันจักมากับพวกมิชชันนารีขอรับคุณพร้อม” พี่ล่ำที่ยังยึดแขนผมไว้รีบออกความเห็น นั่นทำให้ผมได้รู้ว่าชายตรงหน้ามีชื่อว่า ‘คุณพร้อม’

“เป็นคนของแหม่มแคลรึ?” คุณพร้อมสุดหล่อไพล่มือทั้งสองข้างไปไว้ด้านหลัง เขายืนหลังตรงอกผายไหล่ผึ่ง ทำให้แม้จะอยู่ในชุดลำลองอย่างกางเกงแพรสีม่วงกับเสื้อกุยเฮงสีขาวเหมือนคนแก่ที่ถือศีลอยู่ในวัด เขาก็ยังดูดีมีเสน่ห์ จนผมอยากจะร้องเพลงของพี่ป้างให้ฟังอีกสักรอบ

‘ไม่ได้สินินิว มึงจะมามัวมองผู้ชายไม่ได้ มึงต้องรีบหาทางหนีทีไล่ หาทางรอดตายให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้นนอกจากมึงจะไม่ได้เป็นเจ้าของคฤหาสน์กลิ่นโกมุทแล้ว มึงอาจจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งในอดีตที่นี่ก็ได้’

เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมก็รีบคิดวิเคราะห์แยกแยะสิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมด ทำให้รู้ว่าหนึ่งในพวกมิชชันนารีที่พี่ล่ำพูดถึงต้องมีคนหนึ่งชื่อแหม่มแคล ผมจึงนิ่งเงียบและพยายามเก็บรายละเอียดต่อไป

“แต่แหม่มแคลเดินทางไปนครศรีธรรมราชตั้งแต่เมื่อวานมิใช่หรือขอรับ กระผมได้ยินคุณหนูพิมบอกว่าจะต้องหยุดเรียนภาษาประกิตอีกตั้งหลายเดือนเพราะครูแหม่มไม่อยู่นี่ขอรับ”

อะ มีตัวละครเพิ่มอีกหนึ่ง ‘คุณหนูพิม’

“นี่เอ็งจะมิพูดกระไรเลยรึไอ้หนุ่ม เป็นใครมาจากที่ใด เข้ามาในเรือนกลิ่นโกมุทได้เยี่ยงไรก็รีบบอกคุณพร้อมไปประเดี๋ยวนี้!” พี่ล่ำอีกคนขู่ผมฟ่อ ๆ

คงถึงเวลาที่ผมจะต้องใช้พรสวรรค์ที่มีมาตั้งแต่เด็กเสียแล้วละครับ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็รีบแนะนำตัวทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel