บท
ตั้งค่า

ตอนที่ ๔.๒ กลับสู่ห้วงอดีต

คงถึงเวลาที่ผมจะต้องใช้พรสวรรค์ที่มีมาตั้งแต่เด็กเสียแล้วละครับ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็รีบแนะนำตัวทันที “ผมชื่อนิรินธน์ครับ แหม่มแคลส่งผมมาสอนภาษาอังกฤษให้คุณหนูพิมในระหว่างที่แหม่มแคลไปนครศรีธรรมราชครับคุณพร้อม” ท้ายประโยคผมพยายามลดเสียงให้ดูอ้อนหน่อย ๆ เรียกชื่อชายตรงหน้าอย่างไม่ติดขัด ราวกับรู้จักเขามานานแล้ว

ต้องขอบคุณไหวพริบในการเอาตัวรอดของผมครับ เพราะดูเหมือนว่าพี่ล่ำทั้งสองคนข้าง ๆ จะเชื่อผม ฝ่ามือแข็ง ๆ ที่ยึดต้นแขนผมอยู่จึงได้ผ่อนแรงลง ก่อนที่พวกเขาจะย่อเข่าลงเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่า แต่ทว่า… ดูเหมือนคุณพร้อมสุดหล่อจะยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร

“กระนั้นรึ ข้ามิเคยได้ยินยัยหนูพิมว่าแหม่มแคลจักส่งใครมาสอนแทน” เขาจึงหรี่ตามองผมแล้วถามออกมา

“แหม่มแคลคงลืมบอกมั้งครับ แฮร่” ผมฉีกยิ้มจนตาหยี ในใจได้แต่ร้องภาวนา ‘เชื่อกูเถอะ เชื่อกูเถอะ’

คุณพร้อมมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกรอบ ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาเบาๆ “ถ้าเช่นนั้นก็เข้ามา”

‘โฮ่วววว ลุ้นจนเยี่ยวจะเล็ด’ ผมพรูลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะเดินตามคุณพร้อมเข้าไปในบ้านกลิ่นโกมุทที่คนในยุคนี้ยังเรียกว่าเรือน

ภายในตัวบ้านยังดูใหม่มาก มันคงเพิ่งจะถูกสร้างมาได้ไม่นาน และถ้าเทียบกับโครงสร้างในปัจจุบัน มันยังมีเพียงแค่ปีกด้านซ้ายเท่านั้น ภายในบ้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ แต่มีลวดลายแกะสลัก บางชิ้นก็มีการฝังมุกด้วย

เคยได้ยินมาว่าต้นตระกูลกลิ่นโกมุทมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ อย่าบอกนะว่าผมย้อนอดีตมาไกลขนาดนั้น

“เอ่อ คุณพร้อมครับ ไม่ทราบว่าปีนี้ปีอะไรเหรอครับ?” ผมรีบถามเจ้าของบ้านทันที

“ปีมะแม” เขาตอบเพียงสั้น ๆ แต่หัวคิ้วชนกัน คงสงสัยมั้งครับว่าผมถามทำไม

“อ้อ ปีมะแม” ผมโคลงศีรษะพร้อมกับยิ้มแหะ ๆ “แล้วมันปี พ.ศ. อะไรเหรอครับ” เอ เขาจะรู้จักคำว่า พ.ศ. มั้ยนะ “ผมหมายถึงปีพุทธศักราชอะไรเหรอครับ?” ผมก็เลยใช้แบบเต็มยศเลยดีกว่า

คุณพร้อมยังคงมีสีหน้าสงสัยเหมือนเดิม แต่ก็ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ “๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๕๐ วันจันทร์ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะแม”

‘เออ เอาซะกูหมดคำถามเลย’

“เอ่อ พอดีว่าผมไม่ค่อยชินกับการนับวันเดือนปีแบบไทยน่ะครับ ถนัดนับแบบฝรั่งมากกว่า” ผมรีบแก้ตัวทันทีเมื่อคุณพร้อมเริ่มมองผมอย่างจับผิด

“เมื่อครู่เอ็งว่าเอ็งชื่อกระไรนะ?”

“นิรินธน์ครับ”

“นิรินธน์?” แววตาของคุณพร้อมไหวระริกยามที่เขาเอ่ยทวนชื่อผม

หรือว่าชื่อของผมจะซ้ำกับใครที่นี่กันนะ “ทำไมเหรอครับ?”

คุณพร้อมส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร แล้วถามต่อ “ชื่อแปลก เป็นภาษาตะวันตกรึ?”

“ภาษาไทยครับ แปลว่าผู้ไม่มีกิเลส” ‘มีแต่ความโลภครับ’ ผมว่าตัวเองต่อในใจ ก็เพราะความโลภอยากจะได้บ้านกลิ่นโกมุทไงล่ะ ผมถึงได้ซวยอยู่นี่

“เป็นชาวสยาม?” คำถามของคุณพร้อมนั้นแสนสั้น แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยคำถามยาวเหยียดยามที่มองสำรวจไปทั้งตัวผมอีกครั้ง คงเป็นเพราะทรงผม สีผม และการแต่งตัวของผมมั้งครับที่มันต่างจากคนไทยในสมัยนี้

“ครับ” แต่ผมก็พยักหน้ารับ “ผมเป็นชาวสยามที่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ก็เลยรับเอาค่านิยมการแต่งกายกับการพูดจามาจากชาวต่างชาติน่ะครับ”

ผมรีบอธิบายออกไป แต่พอนึกขึ้นได้ก็อยากจะตบปากตัวเอง เพราะสีหน้าของคุณพร้อมดูเหมือนจะยิ่งงงหนัก ผมเองก็ลืมเทียบช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ ตอนนั้นเขาไปเรียนต่อเมืองนอกกันหรือยังวะ?

‘ฉิบหายละ ตอนเด็กทำไมไม่ตั้งใจเรียนประวัติศาสตร์วะ ดำน้ำไปก่อนละกัน’

“ผมหมายถึงไปเรียนกับชาวต่างชาติน่ะครับ”

คุณพร้อมโคลงศีรษะขึ้นลงเป็นเชิงว่าพอจะเข้าใจ “อยู่กับแหม่มแคลมานานแล้วรึ?”

“ตั้งแต่เด็กแล้วละครับ”

“ตอนนี้อายุเท่าไรแล้วล่ะ?”

“ยี่สิบครับ”

“แต่แหม่มแคลเพิ่งจะเข้ามาในสยามเมื่อสามปีก่อนเองมิใช่รึ?”

‘ฉิบหายครั้งที่สอง’

“เอ่อ…” คราวนี้ผมเริ่มไปไม่เป็น พรสวรรค์ในการเอาตัวรอดของผมดูเหมือนจะถดถอยลงเมื่อโดนคุณพร้อมต้อน

“เอาเถอะ เมื่อสามปีก่อนก็อายุแค่สิบเจ็ดปี แม้บางคนจักออกเรือนมีเมียมีลูก แต่กับบางคนก็ถือว่ายังเด็กอยู่”

คุณพร้อมว่ายิ้ม ๆ โดยที่ผมไม่เข้าใจความหมาย แล้วเขาก็เดินหายเข้าไปด้านใน ปล่อยผมยืนงงอยู่กลางบ้าน สักพักเขาก็เดินออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าในมือ

“ข้าวของคงจมน้ำไปหมดแล้วสินะ เอานี่ไปใช้ก่อน” แล้วเขาก็ยื่นมันมาให้ผม “เรือนของคุณพาไม่ใหญ่นัก อีกอย่างพี่สอนก็ไปค้าขายทางเหนือ เอ็งเป็นผู้ชาย คงไม่เหมาะที่จะค้างที่เรือนนั้น เยี่ยงนั้นก็พักเสียที่เรือนนี้ก็แล้วกัน ยังมีห้องว่างอีกหลายห้อง” คุณพร้อมบอกอย่างใจดี

“ขอบคุณครับ” ผมรีบฉีกยิ้มอย่างขอบคุณ แล้วก็รับผ้าที่คุณพร้อมส่งให้มากอดไว้เพราะอยู่ในชุดเปียก ๆ นานจนเริ่มหนาว

“ขึ้นไปพักเถิด ห้องด้านบนทางซ้าย” เขาเอ่ยอย่างใจดี แล้วก็ยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ ให้ผมเห็นเป็นครั้งแรก

โอ๊ย ใจนินิวก็แค่นี้ คุณพร้อมจะมาอ่อยแบบนี้ไม่ได้นะครับ ผมกัดริมฝีปาก ก่อนจะก้มศีรษะแล้วย่อตัวเดินเฉียดหน้าคุณพร้อมมาอย่างตั้งใจให้ได้กลิ่นกายจากร่างกำยำ ซึ่งมันก็หอมและกระตุ้นอารมณ์อย่างหนักเลยทีเดียวเชียวละครับ

แต่ผมจะมัวหลงอยู่กับเสน่ห์ของคุณพร้อมไม่ได้ เพราะผมต้องหาวิธีกลับไปปัจจุบัน หรือไม่ก็หาทางติดต่อกับลุงชุดไทยคนนั้นให้ได้เสียก่อน ว่าตกลงเขาส่งผมมาทำอะไร ให้ผมแก้ไขเรื่องอะไรตรงไหน และที่สำคัญ ผมจะกลับไปปัจจุบันได้ยังไง

‘อย่าบอกนะว่ากูต้องแก่ตายอยู่ที่นี่ ม่ายด้ายยยย!’

ผมเดินขึ้นบนชั้นสองของตัวบ้าน แล้วเลี้ยวไปสุดทางฝั่งซ้ายอย่างชำนาญ ก็ผมเพิ่งจะทำความสะอาดมันไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้เองนี่ครับ ให้หลับตาเดินยังได้ แล้วผมก็มาหยุดอยู่ตรงปลายทางเดิน มองประตูห้องทั้งสองห้องด้านซ้ายมือและด้านขวามือ แล้วก็นึกถึงคำบอกของคุณพร้อม

ห้องทางซ้ายมือก็คงเป็นห้องนี้สินะ ผมตัดสินใจผลักประตูห้องที่อยู่ด้านซ้ายมือของตัวเองเข้าไปอย่างไม่คิดอะไรเยอะ ก่อนที่ผมจะต้องตัวชาอีกรอบเมื่อเห็นสภาพห้องด้านใน

“มันอะไรกันวะเนี่ย?”

วันนี้ผมตกใจจนตัวชาแล้วตัวชาอีกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และนี่ก็เป็นอีกครั้งเพราะทุกอย่างในห้องนี้มันเหมือนกับในห้องนั้นเลยครับ ห้องสุดท้ายที่ผมเข้าไปแอบหลับ แล้วก็ตื่นขึ้นมาเจอกับลุงชุดไทยที่สระบัว

แต่ในความตกใจก็ยังมีความดีใจผุดขึ้นมา เมื่อผมคิดได้ว่าหากผมหลับลงไปบนเตียงนั่น ผมอาจจะได้กลับไปปัจจุบันก็เป็นได้ เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมก็รีบกระโดดขึ้นไปบนเตียงนอนสี่เสาทันที คลี่ผ้าแพรผืนหนาที่พับไว้อย่างเรียบร้อยมาห่ม แล้วก็รีบข่มตาให้หลับลง

“นิรินธน์… นิรินธน์”

เย่! มีคนมาปลุกผมแล้วครับ คงเป็นป้าปรางค์นั่นแหละ แกคงทำความสะอาดห้องทางปีกขวาเสร็จแล้ว คงจะมาตามผมให้ลงไปช่วยยายข้างล่าง แต่ว่าทำไมเสียงป้าปรางค์ฟังดูแปลก ๆ แฮะ แถมยังเรียกชื่อผมเสียเต็มยศ

แล้วผมก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ส่งยิ้มหวานนำไปก่อนเพราะกลัวโดนป้าด่าที่แอบมานอนหลับบนเตียงของเจ้านาย

แต่ทว่า… คนที่กำลังยืนจ้องตาผมอยู่นั้น…

“คุณพร้อม!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel